จินเจตน์มาหารติรสในคืนหนึ่ง ทันทีที่เห็นเขาในลุคใหม่ก็ทำเธอยืนอึ้ง เสื้อเชิ้ตผ้าละตินลายเชยๆ แบบทรงเสี่ยที่เขาชอบใส่ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีพื้น ทรงผมที่ปัดปิดหน้าผากถูกเซตเป็นทรงอย่างดี แว่นตาของเขาก็ไม่มีแล้ว
“เป็นไง ลุคใหม่ หล่อไหม” เขาถามเธอแล้วส่งยิ้มกว้างให้ มองสายตาที่ตะลึงงันของเธอแล้วอดเขินไม่ได้
“อือ ... เอ่อ หล่อ” เธอเผลอครางตอบรับเสียงหวานก่อนจะเปลี่ยนท่าทีด้วยความเขินอายในตอนท้าย
เขาแทรกตัวเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับขนมและขวดเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย นำไปแช่ในตู้เย็นให้เธอ
“ทั้งหล่อและรวยแบบนี้ พอใจไหมครับ” เขาหันมาถามเธอ
รติรสที่จ้องเขาอยู่ก็หลบสายตาของเขา แล้วหันไปหาอะไรทำแก้เก้อ
“วันนี้ทำไมมาดึกจัง” เธอถามเขา เพราะปกติแล้วชายหนุ่มมักจะมาหาเธอในช่วงหัวค่ำแล้วกลับไปในตอนกลางดึกเหมือนอย่างทุกที
“ก็เพราะวันนี้ครบหนึ่งเดือนแล้วที่ฉันจีบเธอ พรุ่งนี้เราต้องไปงานเลี้ยงรวมตัวกัน ฉันจะมาขอคำตอบ” เขาพูดเสียงนุ่มแล้วขยับมาชิดเธอ
“ถอยออกไปเลย ไม่ต้องมาทำตัวรุ่มร่าม” เธอบอกเขาแล้วขยับออก แต่โดนเขารั้งเอวเธอเข้ามากอดเอาไว้เสียก่อน
“เธอจะลวนลามฉันเหรอ” เธอแกล้งทำเป็นเสียงดุใส่เขา
“ไม่ได้จะลวนลามสักหน่อย ก็แค่อยากฟังคำตอบจากปากของเธอ”
“ที่ผ่านมาทุกอย่างยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ” เธอพูดเสียงเบา
จากที่เคยมองความรักเป็นเรื่องไร้สาระ มองว่าการมีคนเข้ามาในชีวิตมันคือภาระ แต่ตอนนี้เธอมีเขา และจินเจตน์คือผู้ชายอย่างที่เธอไม่เคยวาดฝันเอาไว้ว่าจะดีขนาดนี้
“ยัง เพราะเธอยังตอบในกลุ่มอยู่เลยว่าขอคิดดูก่อน เพื่อนๆ ก็เชียร์ตั้งหลายคนแล้วนะ เชียร์มาเป็นเดือนแล้ว ตกลงเธอจะเอายังไง” เขาถามเธอแล้วสบตาเธอเผื่อขอคำตอบ
รติรสไม่ตอบเขาเธอจะเบือนหน้าหนีแต่ถูกเขาเชยคางเอาไว้ก่อน
“รส คบกับฉันนะ”
เธอไม่ตอบเอาแต่อมยิ้มทำให้จินเจตน์ตัดสินใจลองโน้มหน้าเข้าไปหาเธอ เมื่อเห็นว่าเธอไม่หลบเขาจึงประทับจูบลงไปแล้วจูบเธออย่างดูดดื่ม ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเธอ แล้วค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในเสื้อโดยที่เธอเองก็ไม่ได้ขัดคืนอะไรเขา
เธอรับจูบที่ดูดดื่มของเขาอย่างเต็มใจสักพักเขาก็อุ้มช้อนตัวเธอขึ้นมาไว้ในวงแขนพาเธอไปยังเตียงนอน วางเธอลงอย่างทะนุถนอม สบตาเธอด้วยความรักใคร่
เขาก้มลงไปประทับจูบเธออีกครั้งคราวนี้มือของเขาลูบไล้ร่างกายเธอไปพร้อมๆ กับถอดเสื้อผ้าของเธอออกไปทีละชิ้นรวมถึงของตัวเองจนกระทั่งร่างกายของทั้งสองคนอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า
การรุกจูบของจินเจตน์ทำให้เธอเอะใจว่ามันคงไม่ใช่ครั้งแรกของเขา อย่างที่เขาเคยพูดทีเล่นทีจริงคราวก่อน แต่จะถามเขาตอนนี้มันก็สายไปแล้วเมื่อเขาคร่อมทับเธอไว้หลวมๆ จูบปาก ไซ้คอ เล้าโลมเธอด้วยความกระหายอยาก หวังมัดใจเพื่อนสาวจอมรั้นด้วยบทรักที่ตั้งใจจะปรนเปรอสุดฝีมือ
เขาผละจูบจากปากมาที่ลำคอระหง แล้วเลื่อนลงไปที่หน้าอกของเธอเพื่อเชยชมความงดงามอวบอิ่มของมัน
“เธอหลอกฉันเหรอเจต อื้อ” เธอครางออกมาด้วยความสยิวเมื่อปลายลิ้นแตะที่ยอดอกสีหวานของตน
“ฉันจะเปิดตัวคบกับเธอพรุ่งนี้นะรส ห้ามปฏิเสธ” เขาดุเธอแล้วครางในลำคอ ขยำบีบเคล้นหน้าอกของเธอมาดูดแล้วใช้ลิ้นลากลงไปวนจูบที่หน้าท้องของเธอ ก่อนจะแยกขาเธอออกกว้าง
“อย่าทำอย่างนั้น” เธอร้องห้ามเขาเสียงหลง ครั้งแรกที่ร่วมรักกันอย่างมีสติก็จะเจอเขา ‘ลงลิ้น’ ให้ มันทำให้เธอกังวลเป็นอย่างมาก
จินเจตน์ที่แอบรักเพื่อนสาวมานานแล้วไม่ฟังที่เธอห้าม เขาเลื่อนลิ้นไปดูดเลียมันอย่างไม่รังเกียจแล้วใช้ปลายจมูกกดที่จุดกระสันในขณะที่ปลายลิ้นเกร็งกระดกเลียร่องภายในจนเธอครางลั่น
“เจตอย่า อื้อ เสียว” เธอครางห้าม แต่มือกดหัวเขาแน่น
เขาละเลงลิ้นจนเธอถึงจุดหมายไปแล้วหายใจหอบถี่ จึงผละออกแล้วมองเธอที่นอนหอบอยู่ตรงหน้าแล้วขยับไปคุกเข่าตรงระหว่างเรียวขาคู่งามนั้น
“ตกลงคบกันแล้วนะ” เขาย้ำถามเธอ
“มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะถาม อ๊ะ..” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับแท่งลำกดเข้าไปโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว
“อื้ม ฉันไม่ยอมให้แกปฏิเสธฉันหรอก” เขาพูดเสียงพร่าแล้วโถมแรงกระแทกเธอเข้าไปรัวๆ จนเกิดเสียงเนื้อกระทบกัน
ยอดอกชูชันท้าทายกระเพื่อมไหวตรงหน้าทำให้เขาอดใจเอื้อมมือไปจับมันแล้วขยับสะโพกเข้าไปถี่ๆ มองดูร่างของเธอสั่นไหวเพราะแรงกระแทกกระทั้นของเขา อยากถนอมเธอให้มากกว่านี้ แต่ดูเหมือนเธอจะพอใจกับบทรักหนักหน่วงที่เขามอบให้มากกว่า
“แรงได้อีกนะ อื้อ แรงๆ” เธอเรียกร้องเขาเมื่อความปรารถนาเข้าครอบงำให้ลืมอาย
ประสบการณ์ครั้งแรกของหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ดมันช่างหฤหรรษ์และไม่อยากให้มันสิ้นสุดลงเลยสักนิด เธอติดใจมันจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว มีหรือว่าจะปฏิเสธหากเขาต้องการรับผิดชอบ เพราะมันช่างมีความสุขเหลือเกิน
เธอรู้แล้วว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงอยากมีคนรักกันนักหนา ทั้งที่ทะเลาะกันทีไรก็มานั่งบ่นแต่ไม่ยอมเลิก แฟนทำตัวน่าเบื่อแต่ก็ไม่ยอมเลิก ที่แท้ก็เพราะมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง คนถึงไขว่คว้าอยากมีแฟนกันนัก
จินเจตน์ซอยแท่งลำเข้าไปถี่ๆ ตามด้วยการหมุนควงแล้วสลับกับการกระแทกหนักๆ วาดลีลาจนเธอเผลอครางอย่างชอบใจอยู่หลายครั้ง
หญิงสาวครางเสียงกระเส่าแล้วถึงเส้นชัยไปอีกครั้ง สมองขาวโพลน โล่งสบายตัว มันเป็นความสุขที่เธอไม่เคยพานพบมาก่อน
จินเจตน์นอนลงแล้วดึงมือเธอให้ขึ้นมาขย่มบนตัวของเขา เธอรีบทำอย่างไม่อิดออด ก่อนจะร่อนสะโพกขย่มลงไปตามสัญชาตญาณแล้วทิ้งน้ำหนักลงไปขย่มจนจินเจตน์ครางเสียงหลง
“พร้อมกันนะ อื้ม” เขาบอกเธอ ทำให้หญิงสาวออกแรงขย่มอย่างสุดตัว
แล้วในที่สุดทั้งคู่ก็ถึงเส้นชัยพร้อมกัน แล้วเธอก็ตัวอ่อนลง ทิ้งตัวไปนอนข้างๆ กายของเขา และไม่ลืมจะดึงผ้าห่มมาปิดคลุมร่างกายด้วยความเขินอาย
“ไม่ลำบากใจใช่ไหมที่ต้องคบกันกับฉัน” เขาถามเธอเพราะกลัวว่ามันจะเป็นการมัดมือชกที่จะคบกันเพียงเพราะมีสัมพันธ์กันแบบนี้
“ไม่หรอก เพราะฉันยอมรับว่าฉันรู้สึกดีกับการที่เราสองคนลองคุยกันในช่วงนี้ และฉันรู้ว่าเธอลักไก่ฉัน คืนนั้นเราไม่มีอะไรกันใช่ไหม” เธอถามเขาตามที่เธอเข้าใจ ความรู้สึกในครั้งนี้มันปวดหนึบที่สะโพก แต่คืนนั้นมันไม่มีอาการอย่างคืนนี้เลย
“อืม ฉันยอมรับ เพราะว่าฉันรักเธอ เลยฉวยโอกาสนั้น ขอโทษนะ” เขารีบบอกเธอกลัวเธอโกรธ
“ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะมันทำให้ฉันรู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่รักฉันจริงๆ และฉันไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อน”
“เธอจะบอกว่าเธอติดใจในตัวฉันงั้นเหรอ” เขาแกล้งเข้าใจความหมายของเธอผิด แล้วยิ้มล้อเลียนเธอ
“เจต จริงๆ ฉันรู้นะว่าแกแอบมองฉันมาตลอด เพียงแต่ที่ฉันไม่พูดก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันและฉันไม่อยากปฏิเสธเพราะกลัวว่าเธอจะเสียใจ มันเลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฉันอยากลองคบเธอดู” รติรสบอกถึงสิ่งที่ปิดบังมาตลอด
“แล้วตอนนี้ล่ะทำไมเธอถึงไม่อยากปฏิเสธ”
“ฉันไม่รู้สิ ฉันก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน” รติรสตอบเขาไปอย่างนั้น
“เธอรู้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องปิดบังความรู้สึกอีกต่อไปจริงๆ ฉันก็ชอบเธอมาตลอดแหละ แต่พอเธอที่ชอบบอกว่าไม่อยากมีแฟนมันก็เลยทำให้ฉันไม่กล้าที่จะเข้าหาเธอ แต่ตอนนี้เราคบกันแล้วนะ ฉันรับรองได้เลยว่าเธอต้องไม่ผิดหวังที่เลือกฉัน” ชายหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยความรักใคร่
“ฉันรักเธอนะ รส แต่งงานกันนะ” เขาขอเธอออกมาโดยที่รติรสไม่ทันตั้งตัว
“เร็วไปไหม” เธอถามเขาด้วยเสียงที่ตกใจ
“คำตอบล่ะ”
“แต่งก็แต่ง” เธอตอบรับคำขอของเขา เป็นเพื่อนกันมาหลายปี เธอรู้จักเขาดีพอ มั่นใจว่าเขาไม่มีวันทำให้เธอเสียใจแน่
**********************
ในวันรวมกลุ่มเพื่อนซึ่งมักจะนัดรวมตัวกันเดือนละหนึ่งครั้งเขาและรติรสก็ไปที่งานเลี้ยงนัดรวมตัวพร้อมกันโดยที่จินเจตน์ในลุคใหม่จับมือของแฟนสาวเดินไปนั่งที่โต๊ะท่ามกลางเสียงโห่ร้องแซวพวกเขาจากเพื่อนๆ ในกลุ่ม
ครั้งนี้มาเลี้ยงที่ภัตตาคารอาหารจีนแล้วยังมีเสียเจตเป็นเจ้ามือมีทราบว่าจะมาเปิดตัวว่าคบกันใช่หรือเปล่าเพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นมาทำให้เพื่อนคนอื่นๆ นั้นตบมือ โห่แซวออกมา
“แน่นอนฉันจีบรสสำเร็จทั้งที งานนี้ต้องเลี้ยงฉลองกันหน่อย อยากกินอะไรก็สั่งให้เต็มที่เลยนะ” จินเจตน์บอกแล้วหันไปยิ้มให้รติรสที่ตอนนี้นั่งนิ่งไม่ยอมพูดจาเพราะความเขินอายในสิ่งที่เคยบอกเอาไว้ว่าไม่อยากมีความรักและมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
“เปลี่ยนตัวเองได้หล่อขนาดนี้ แกหล่อมาก กร้าวใจสุดๆ” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งชมเขา แล้วมองด้วยสายตาที่โลมเลียจนรติรสกระแอม ออกอาการหวง ทำให้เขาดีจากที่เธอแสดงออกชัดเจนว่าหึงเขา
“นึกว่าจะใช้เวลานานกว่านี้อีกหน่อย แต่ถือว่าเจตเก่งมากเลยนะที่จีบรสติดภายในเดือนเดียว” ว่านพูดขึ้นมาแล้วหันไปยิ้มหยอกเย้ารติรส
“เดือนเดียวที่ไหน ฉันแอบชอบรสมาตั้งนานแล้วตั้งแต่สมัยเรียน ที่ผ่านมาก็เนียนเป็นเพื่อนมาตลอด แอบขายขนมจีบหยอดมาหลายปีแล้ว พวกแกไม่รู้หรอก” จินเจตน์ออกตัวชัดเจน
“แสดงว่าที่พวกฉันแซวกัน พวกแกก็กำลังดูๆ กันอยู่อย่างนั้นเหรอ” เพื่อนอีกคนถามขึ้นอย่างเฮฮา
“แค่เปิดตัวแฟนนี่เล่นใหญ่ถึงขนาดเลี้ยงที่ภัตตาคารเลยเหรอเพื่อน” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น
“เปล่าหรอก” จินเจตน์บอกแล้วพยักหน้าให้รติรสเอาซองการ์ดงานแต่งงานของพวกเขาขึ้นมาแจกให้เพื่อนๆ ทำให้ทุกคนทั้งอึ้งทั้งประหลาดใจและยินดีไปพร้อมๆ กัน
“พอรสรับปากคบกัน ฉันก็ขอแต่งงานเลย สั่งพิมพ์การ์ดด่วนเมื่อเช้านี้เอง” จินเจตน์คนคลั่งรักบอกอย่างภูมิใจ รติรสที่เขินอายก็เอาแต่ยิ้มไม่หุบ
“โห คนที่บอกว่าไม่อยากมีผัว ดูมันสิ จัดงานแต่งงานหลังฉันแค่เดือนเดียวเอง” ว่านพูดขึ้นมาเมื่อว่าที่เจ้าสาวคนสุดท้ายของกลุ่มจะแต่งงานต่อจากเธอในเดือนหน้านี้แล้ว
“เจตเขาเป็นคนดีนี่ เขารักฉันจริงและฉันไม่ต้องทำอะไรเลยเขาทำให้ทุกอย่าง อย่างที่ฉันต้องการ ไม่บังคับใจให้ฉันต้องทำอะไร กินง่ายอยู่ง่าย อยู่กับเขาฉันแทบไม่ต้องออกเงินสักบาท รวย ใจป้ำ แต่ไม่ฟุ่มเฟือย คนแบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีกล่ะ” รติรสชมคนรักต่อหน้าเพื่อนเป็นครั้งแรก ทำให้ทุกคนนั้นหันไปยิ้มแซวฝ่ายชายในครั้งนี้
“ดูท่าเสียเจตจะหลงว่าที่เมียหนักมาก”
“หลงหัวปักหัวปำ” เพื่อนสองคนพูดสนับสนุนกัน
“หลงหนักเลย ฉันยอมรับ” จินเจตน์พูดแล้วดึงตัวของรติรสมาหอมแก้มโชว์เพื่อนๆ ทั้งกลุ่ม ทำให้เธอยิ้มเขินอายแล้วดันตัวออกจากเขา
บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ รติรสมองจินเจตน์ที่ยิ้มกว้างกว่าปกติ เขาแทบไม่ทานอะไรเลยต่างจากทุกครั้งที่มางานเลี้ยงแล้วไม่ค่อยพูดอะไร เอาแต่ทานอาหาร
แต่ครั้งนี้เหมือนว่าเขาอิ่มเอมใจ ได้แต่ยิ้มและพูดคุยกับเพื่อนๆ ชนแก้วกับพวกผู้ชายอีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยท่าทางที่ดูปลาบปลื้มและภูมิใจที่คว้าหัวใจเธอไปได้
เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะมีวันนี้ วันที่เธอมีความรักและเขาคนนั้นก็เป็นอย่างที่เธอต้องการ ไม่บังคับ ไม่เห็นคนอื่นดีกว่าเธอ ให้เกียรติและยกย่องกัน มันจะมีอะไรมีความสุขไปกว่าการมีคนรักดีๆ แบบนี้
จินเจตน์หันมาสบตาเธอเป็นระยะ และยิ้มให้กับความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วของทั้งคู่
ความรักที่เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อน มันไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันให้ยาก หากจะต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตั้งแต่วันนี้ เธอก็มั่นใจว่าพร้อมเคียงคู่ไปกับเขา
‘ความรักจะเป็นเรื่องไร้สาระหากเราไม่เจอคนที่ใช่ แต่ตอนนี้มันคือเรื่องของหัวใจ เพราะคนที่ใช่มันคือเธอนะเจต’
---จบ---