เรื่องที่ 1 ชะตากำหนด (1/2)
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อเหล็กเนื้อแข็งกระทบกับร่างของบัวชมพู เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่รวดร้าวไปทั่วร่าง เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ
ภาพความทรงจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลั่งไหลเข้ามาสู่ความคิด และคำขอสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไปในอุบัติเหตุครั้งนี้
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่มีวันรักคุณ”
ร่างของบัวชมพูถูกรถกระบะคันสูงชนจนกระเด็นไปกระแทกที่พื้น เลือดไหลทั่วร่างแล้วแน่นิ่งไปโดยที่มีสามีอย่างภควัฒน์ที่วิ่งตามเธอมาแต่ช่วยเอาไว้ไม่ทัน
วิญญาณของบัวชมพูยืนมองสามีที่ร้องไห้กอดร่างของเธอเอาไว้ และหญิงสาวอีกคนที่เดินตามมา เธอยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ
วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน บัวชมพูกลับมาที่บ้านพบว่าสามีกำลังจูบอยู่กับทาริกา อดีตคนรักของเขาที่เคยทิ้งเขาไปแต่งงานกับคนอื่น
ทั้งสองยืนกอดจูบกันในบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอกับเขา บัวชมพูทำขวดไวน์ในมือหล่นลงพื้นแล้ววิ่งออกมาจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิตด้วยความเสียใจ
ภควัฒน์และทาริกาที่ยืนจูบกันอยู่ก็รีบวิ่งตามเธอมา เขาเห็นตอนที่ภรรยาถูกรถชนร่างกระเด็นต่อหน้าต่อตา มันทำให้ภควัฒน์เจ็บปวดที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายนี้ขึ้น
ไม่คิดเลยว่าจูบลาครั้งสุดท้ายที่ทาริการ้องขอให้เขาทำ จะทำให้ภรรยาเสียใจจนวิ่งออกมาให้รถชนได้แบบนี้ หากเขาหักห้ามใจไม่เป็นบ้าตามทาริกาพูดเพื่อตัดปัญหาการตามตื๊อของเธอ ทุกอย่างก็คงไม่จบลงแบบนี้
“หากย้อนอดีตได้ ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเสียใจ” เขากระซิบข้างหูของภรรยา ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
แสงสว่างวาบที่ขึ้นมาที่กลางวิญญาณของเธอ และมีช่องมิติสีรุ้งที่เปิดอยู่ตรงหน้า บัวชมพูรู้สึกว่าทุกอย่างหมุนรอบตัวแล้ววิญญาณของเธอลอยละล่องเข้าไปในช่องมิติที่เปิดขึ้นมา รู้แล้วว่าตนเองคงไม่มีโอกาสได้มองโลกที่โหดร้ายใบนี้อีกแล้ว
**********************
“ตื่นได้แล้วบัว วันนี้ทำงานวันแรกไม่ใช่หรือไง” เสียงของมารดาที่คุ้นเคยปลุกให้บัวชมพูในวัยยี่สิบสองปีตื่นขึ้นมาจากหลับใหล
เธอลืมตาขึ้นมองไปรอบๆห้อง พบว่ามันเป็นห้องเดิมของเธอที่อยู่บ้านของมารดา พลางคิดว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ แล้วทำไมหนูไม่มีแผลอะไรเลย” เธอถามมารดาแล้วยกแขนขึ้นมาตรวจดูบาดแผลจากรถชนเมื่อคืนนี้ ทำให้มารดาของเธองุนงงเล็กน้อย
“ฝันอะไรเป็นตุเป็นตะอีกแล้วละสิ ไปทำงานได้แล้ว ไปสายตั้งแต่วันแรกเดี๋ยวเจ้านายจะไม่เอ็นดูเอา”
“ทำงาน...วันแรกอย่างนั้นเหรอคะ”
“ก็ใช่นะสิ งงอะไรอยู่ รีบลุกได้แล้ว” หญิงวัยกลางคนท่าทางอ่อนหวานบอกแก่บุตรสาวแล้วลงไปเตรียมอาหารเช้าที่ครัวต่อ
บัวชมพูมองดูเวลาที่โทรศัพท์มือถือ แล้วตกใจที่ตอนนี้ตัวเองย้อนเวลามาถึงห้าปี แล้วยังอยู่ในร่างเดิมของตัวเอง เหมือนกับว่าสวรรค์ให้โอกาสเธอในการแก้ตัวอีกครั้ง
“เราไม่ได้ฝันไปแน่ๆ ความทรงจำระหว่างเรากับเขามันยาวนานและชัดเจน นี่คงเป็นความต้องการของสวรรค์ที่ทำให้เราได้กลับมาใช้ชีวิต ที่ไม่ต้องมีเขาอีกต่อไป” เธอพึมพำออกมา นึกถึงคำขอสุดท้ายก่อนตายของตนเอง
เธอลงไปทานอาหารเช้าฝีมือของมารดาแล้วขับรถออกไปทำงานด้วยความสบายใจ ใช้ความทรงจำที่เคยมีหลบเลี่ยงเส้นทางที่รถติดเพื่อไปทำงานแต่เช้า
ภควัฒน์ที่มาถึงพร้อมๆกับเธอ เขาเดินเข้าลิฟต์เดียวกันกับบัวชมพู เธอเบือนหน้าหันไปมองทางอื่น พยายามบอกตัวเองว่าเธอยังไม่รู้จักกับเขา ไม่จำเป็นต้องพูดคุยหรือเสวนาด้วย การที่เธอได้กลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีต เธอต้องใจแข็งเข้าไว้ ไม่ใจอ่อนหลงรักเขาแล้วพบจุดจบอย่างที่ผ่านมา
เธอเดินออกจากลิฟต์ชั้นเดียวกับเขาแล้วเดินตามเขาไปยังบริษัทของตนเองที่อยู่ชั้นเดียวกันกับเขา มาทำงานวันแรกเธอไม่มีคีย์การ์ดเข้าไป อย่างไรก็จำเป็นต้องพึ่งพาเขา
“เอ่อ ฉันขอเข้าไปด้วยนะคะ พอดีพึ่งมาทำงานวันแรก” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
“อืม ตามเข้ามาสิ” เขาบอกเธอแล้วรูดประตูให้เปิดแล้วเดินนำเธอเข้าไป
หญิงสาวไหว้ขอบคุณเขาตามมารยาท ก่อนจะเดินไปรายงานตัวกับฝ่ายบุคคล ทำเอาภควัฒน์สงสัยที่เธอรู้ว่าแผนกบุคคลอยู่ตรงไหน ทั้งๆที่ตอนสมัครและสัมภาษณ์นั้นทุกอย่างทำที่สำนักงานใหญ่ที่อยู่อีกตึกแท้ๆ
บัวชมพูวางตัวดีและเข้ากันได้กับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ เพราะเธอรู้ดีว่าใครเป็นอย่างไรและชอบหรือไม่ชอบอะไร นึกโชคดีที่การย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ทำให้เธอใช้ชีวิตง่ายขึ้น ทำงานง่ายขึ้น และเป็นที่เอ็นดูของหลายๆคน
เธอรู้ดีว่าอีกไม่กี่วันนี้ภควัฒน์จะเลิกกับคนรักของเขา เขาจะอกหักแล้วซึมอยู่สักพัก ก่อนที่จะมีสาวๆหลายคนเสนอตัวไปดามใจให้เขา แต่ว่าภควัฒน์ไม่สนใจใคร
เขาใช้เวลาอยู่นานเกือบสองเดือนถึงจะเริ่มเปิดใจ และคนที่เขาเลือกเดินเข้าหานั่นก็คือบัวชมพูนั่นเอง
“เมื่อถึงตอนนั้น เราต้องไม่ใจอ่อนไปทำดีเพื่อปลอบใจเขาอย่างตอนนั้น เราจะได้ไม่ต้องมีใจให้กัน”
“บ่นอะไรอยู่คนเดียว” ภควัฒน์ที่เดินเข้ามาชงกาแฟข้างๆเธอเอ่ยถามขึ้นมาแล้วส่งยิ้มให้
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่เพ้อไปงั้นๆ” เธอบอกเขาอย่างสุภาพในฐานะรุ่นน้องในบริษัท ในใจพลางนึกค่อนขอดเขาอยู่
‘ทำหน้าระรื่นไปเถอะ อีกไม่กี่วันคุณต้องอกหักจากผู้หญิงคนนั้น แล้วจะยิ้มไม่ออกไปอีกนานเลย…งั้นทำดีกับเขาหน่อยก็แล้วกัน’
“เดี๋ยวฉันชงกาแฟให้นะคะ” เธออาสาชงกาแฟให้เขา แล้วเปิดตู้วางแก้ว นำแก้วกาแฟของเขาออกมาชงกาแฟให้กับเขา
เธอตักกาแฟสองช้อนครึ่ง ตามด้วยน้ำตาลอีกสองช้อน และนำครีมเทียมมาเทใส่อีกสามช้อน ทำให้ภควัฒน์ประหลาดใจที่เธอรู้ว่าแก้วกาแฟของเขาคือใบไหน และชงสูตรที่เขาชอบ
“เสร็จแล้วค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอบอกเขาแล้ววางแก้วกาแฟของเขาเอาไว้ ก่อนจะเดินจากไปโดยที่เขายังไม่ทันขอบคุณเธอเสียด้วยซ้ำ
“คุณรู้ได้ไงนะว่าผมชอบดื่มกาแฟสูตรนี้” เขาพึมพำด้วยความสงสัย แต่ก็คิดว่าเธอคงเป็นหนึ่งในคนที่แอบชอบเขาอยู่
หลังจากนั้นไม่นานภควัฒน์ก็เข้าสู่โหมดโสด เขามาทำงานด้วยท่าทางที่ซังกะตาย พยายามแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แต่อาการหงุดหงิดและเซื่องซึมนั้นก็ทำให้คนอื่นดูออก
อีกทั้งสถานะในโซเชียลของเขาที่ถูกแฟนสาวลบรูปคู่ออกทั้งหมด แล้วในหน้าฟีดข่าวของอีกฝ่ายขึ้นสถานะกำลังคบหากับคนใหม่ เท่านี้ก็การันตีได้แล้วว่า ‘เขาโสดเพราะถูกเธอทิ้ง’
สาวๆในสำนักงานที่แอบชอบเขามาตั้งนานแล้วก็ถือโอกาสนี้ขายขนมจีบให้เขาเป็นการใหญ่ ยกเว้นบัวชมพูที่เธอไม่พยายามเข้าใกล้เขาในตอนนี้ เพราะรู้ดีว่าในยามที่หัวใจเขาอ่อนแอ ความดีของเธอที่ห่วงใยเขาจะทำให้เขานั้นมีใจให้กับเธอ
**********************
เวลาผ่านไปนานเกือบสองเดือน บัวชมพูคิดว่าการที่เธอห่างเหินจากภควัฒน์ มันจะทำให้ทั้งคู่ไม่ต้องมีใจให้แก่กัน แต่เธอกลับคิดผิด
และเหมือนว่าชะตาเล่นตลกกับเธอ ยิ่งเธอห่างเหินและทำเหมือนไม่สนใจเขา แต่มันกลับดึงดูดภควัฒน์ให้สนใจเธอ และมุ่งหน้าจีบเธอเอง
“วันนี้เราไปทานข้าวมันไก่กันไหม ผมมีร้านเด็ดอยากแนะนำ ไปกันหลายคนนะ พี่แต้มกับพี่หนิงก็ไป” เขาชวนเธอไปทานอาหารกลางวันด้วยกันกับเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ชวน พอดีว่าฉันห่อข้าวกล่องมาจากบ้านค่ะ” เธอปฏิเสธเขาอย่างสุภาพในตอนนั้น
ภควัฒน์จึงไม่ได้เซ้าซี้ชวนเธอ แต่ขากลับเขาซื้อเครื่องดื่มมาฝากเธอ ทำให้สาวๆในสำนักงานอิจฉาเธอกันเป็นแถว
“ขอบคุณค่ะ” เธอรับเอาไว้ด้วยความเกรงใจ อีกทั้งหากปฏิเสธมากไปก็เกรงจะเสียมารยาทและถูกมองว่าหยิ่ง
ในวันต่อมาภควัฒน์ชวนเธอไปทานอาหารกลางวันพร้อมกับเขาอีกครั้ง แต่เธอก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลเดิม
“ผมไม่ได้ชวนออกไปทานข้างนอก ผมก็ห่อข้าวมาเหมือนกัน เราไปนั่งทานในครัวกันเถอะ” เขาชวนเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและมีเสน่ห์
บัวชมพูพยายามไม่มองรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ของเขา เธอพยักหน้ารับเบาๆแล้วเดินไปเอาอาหารที่เธอแช่ตู้เย็นไว้ออกมาอุ่นในเตาไมโครเวฟ
พนักงานที่นำอาหารมาทานที่บริษัทก็นั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน แลกเปลี่ยนกับข้าวกันทานอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีภควัฒน์ตักอาหารเอาใจบัวชมพูดอยู่ไม่ห่าง
ด้วยความรักที่มีให้อดีตสามีในอนาคต หรืออนาคตสามีในอดีต หรือสถานะอะไรก็แล้วแต่ที่เธอนึกสถานะเขาไม่ออก ถึงเธอจะโกรธเขามาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารักเขามากเช่นกัน เพียงแต่ต้องห้ามใจเอาไว้ไม่กลับไปเจ็บปวดซ้ำสอง
‘ทำไมต้องจีบเราออกหน้าออกตาขนาดนี้นะ ทั้งๆที่หัวใจของคุณก็ยังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ อีกสี่ห้าปีเธอก็จะหย่ากับสามีแล้วกลับมาหาคุณ ถึงตอนนั้นคนคั่นเวลาอย่างฉันก็ต้องเจ็บปวดอยู่คนเดียว ฉันไม่มีวันทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนั้นแน่’
“นี่จีบบัวอยู่เหรอคะ” เพื่อนร่วมงานที่ร่วมโต๊ะอาหารคนหนึ่งถามเขาขึ้นมาตรงๆ
“ชัดขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เขาถามเสียงเบาแล้วหันมายิ้มให้กับเธอ
เธอพยายามสลัดความรู้สึกใจเต้นโครมครามยามที่เขาเอาอกเอาใจเธอออกไป แต่รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ประกอบกับความเป็นสุภาพบุรุษของเขาที่ยอมรับตามตรงว่าตามจีบเธออยู่ ก็ทำเอาเธอแทบละลายไปเสียให้ได้
“แล้วบัวว่าไงล่ะ”
“บัวไม่ทราบเลยค่ะ คุณวัฒน์อย่าล้อเล่นแบบนี้สิคะ เดี๋ยวสาวๆในออฟฟิศรู้ก็มาแหกอกฉันพอดี” เธอตอบเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่แล้วหันไปพูดกับเขา ทำเหมือนไม่เชื่อว่าเขาตามจีบเธออยู่
“ผมจีบคุณจริงๆนะครับคุณบัว” เขาพูดออกมากลางวงอย่างนั้น ทำเอาเธอทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ ขอโทษนะคะ แต่บัวไม่ได้คิดอะไรกับคุณวัฒน์เลยจริงๆ” เธอปฏิเสธเขาตามตรงเพื่อตัดปัญหา
“ตอนนี้ไม่คิด แต่ผมจะจีบคุณจนกว่าคุณจะใจอ่อนนะครับ ระวังหัวใจคุณเอาไว้ให้ดี เพราะผมไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ” เขาบอกเธอด้วยรอยยิ้มที่มุ่งมั่น
แววตาของเขาจริงจังจนเธอนั้นกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนกับเขาในสักวัน
และเมื่อวันนั้นมาถึงเธอจะทำอย่างไรกัน เมื่อรู้ว่าจุดจบของตัวเองจะเป็นแบบไหน
‘หรือสิ่งที่เราควรกลับมาแก้ไข ไม่ใช่การถอยห่างจากเขา แต่เราควรกลับมาแก้ไขในสิ่งที่เขาทำให้เราเสียใจอย่างนั้นเหรอ’ เธอนึกในใจเมื่อพยายามหนีเท่าไรแต่พรหมลิขิตก็ยังทำหน้าที่ของมันอยู่เสมอ
**********************
ภควัฒน์เดินหน้าจีบบัวชมพูอย่างจริงจัง เขาปฏิเสธน้ำใจจากสาวๆทุกคนที่เข้ามาอาสาดามหัวใจให้เขา ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คือรักบัวชมพูอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และไม่รู้ว่าทำไมถึงรักเธอและอยากแต่งงานกับเธอมากขนาดนี้
อาจเป็นเพราะข่าวการแต่งงานของอดีตคนรักที่เขารับรู้ว่า จึงอยากแต่งงานบ้างเพื่อประชดเธอ หรืออาจเป็นเพราะท่าทางของบัวชมพูที่เหมือนพยายามออกห่างจากเขาในขณะที่หญิงสาวคนอื่นพยายามเข้าหา มันท้าทายให้เขาอยากเอาชนะใจเธอขึ้นมา
ภควัฒน์มั่นใจว่าเป็นอย่างหลัง นอกจากจะรู้สึกท้าทายอยากเอาชนะใจเธอแล้ว หัวใจเขายังเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ สุขหัวใจทุกครั้งที่เธอยิ้ม อาการแบบนี้อย่างไรมันก็คือความรัก
“ผมซื้อขนมครกมาฝาก” เขายื่นขนมครกให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ” เธอรับเอาไว้ด้วยท่าทีที่ไม่ได้แสดงความดีใจอะไรออกมามากนัก
“วันนี้ผมเห็นว่าคุณไม่ได้เอาข้าวกล่องจากที่บ้านมา เราออกไปหาอะไรทานข้างนอกดีไหมครับ” เขาชวนเธอออกไปทานอาหารด้วยกันข้างนอก
“ได้ค่ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณอยู่เหมือนกัน” เธอรับปากเขา ต้องพูดกับเขาให้เข้าใจ
ความคิดแรกที่ฟื้นมาในร่างเดิมของตนคือเธอจะไม่มีวันกลับไปรักเขาอีก แต่ว่าห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ ประกอบกับการโดนเขาตามตื๊อไม่หยุด ทำให้เธอตกหลุมรักสามีของตนเองอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อทั้งสองอยู่กันตามลำพังที่ร้านอาหาร บัวชมพูก็พูดเรื่องธุระของเธอออกมาทันที
“ฉันบอกตรงๆนะคะว่าการที่คุณพึ่งเลิกกับแฟน แล้วมาตามจีบฉันแบบนี้ มันอาจจะเป็นการประชดประชัน ไม่ได้รู้สึกกับฉันอย่างคนรักกัน ถ้าทำอย่างนั้นมันไม่แฟร์เลยกับความรู้สึกของคนที่มาทีหลังอย่างฉัน”
“ผมไม่ได้ทำเพื่อประชดใคร ผมชอบคุณจริงๆ”
“งั้นคุณบล็อกช่องทางการติดต่อกับแฟนเก่าของคุณได้ไหมคะ เปลี่ยนเบอร์โทร เปลี่ยนอีเมลเพื่อไม่ต้องติดต่อกับเธอได้อีกหรือเปล่า ปิดทุกช่องทางการสื่อสารเพื่อไม่ให้เธอติดต่อกลับมาได้ไหม” เธอเลิกคิ้วถามเขา ทำเอาภควัฒน์งุนงงที่เธอเรียกร้องมากขนาดนั้นทั้งๆที่เขาแค่จีบเธอแท้ๆ ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
“คุณคิดว่าฉันขอมากไปใช่ไหมคะ” เธอถามเขาแล้วยิ้มให้ เดาใจเขาถูกอยู่แล้ว เพราะคบกันมาตั้งเกือบห้าปีก่อนหน้าที่จะย้อนอดีตกลับมา
“เบอร์โทรศัพท์กับอีเมลของผมใช้ติดต่อเรื่องงาน ผมคงไม่สามารถเปลี่ยนได้ ผมไม่เข้าใจว่าคุณทำไมต้องพูดถึงขนาดนี้เพื่อไม่ให้ผมจีบคุณอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าฉันจะบอกคุณว่าฉันเห็นอนาคต คุณจะเชื่อไหมคะ ฉันเห็นว่าตัวเองถูกรถชนตายตอนที่เห็นคุณกับแฟนเก่าจูบกันในเรือนหอของเรา” บัวชมพูพูดขึ้นมา จ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง
“คุณไม่ชอบผมก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงขนาดนี้” ภควัฒน์พูดเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มที่จะพูดในสิ่งที่มันไร้สาระขึ้นทุกที
“ฉันรู้ว่าคุณชอบทานกาแฟสูตรไหน ฉันรู้ว่าแกงส้มที่คุณทานต้องไม่ใช่หัวไชท้าว ฉันรู้ว่าคุณอยากมีลูกตอนอายุสามสิบ ตอนนอนคุณไม่ชอบใส่กางเกงชั้นใน กางเกงนอนตัวโปรดของคุณคือกางเกงขายาวสีครีมที่มีช่องด้านหน้าให้ฉี่ ก่อนนอนคุณต้องพ่นสเปรย์น้ำแร่ที่ใบหน้าทุกครั้ง อ๋อ...คุณกลัวความมืดและกลัวผีมากๆ จะตัวสั่นเทาทุกครั้งที่ไฟดับ” เธอพูดทุกอย่างเกี่ยวกับเขาขึ้นมา
ภควัฒน์อึ้งไป เพราะเรื่องบางอย่างเป็นนิสัยส่วนตัวที่เขาไม่เคยบอกใครและไม่มีใครรู้แม้แต่ทาริกาอดีตคนรักของเขา
“ฉันรู้ เพราะฉันมองเห็นอนาคตของตัวเองตอนที่แต่งงานกับคุณไปแล้ว และอนาคตสุดท้ายที่ฉันเห็นภาพตัวเอง คือตอนที่คุณจูบกับเธอในวันครบรอบแต่งงานของเรา” บัวชมพูพูดเสียงสั่นเทาด้วยความโกรธ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น
“เอาเถอะค่ะ ฉันพูดมาขนาดนี้แล้วหวังว่าคุณคงเข้าใจว่าทำไมฉันถึงไม่ใจอ่อนรับรักคุณง่ายๆ เพราะฉันไม่อยากจบชีวิตลงเพราะคนที่ไม่มั่นคงแบบคุณ ถ้าคิดว่าฉันหาเรื่องพูดเพื่อไล่คุณออกไปจากชีวิตฉันละก็ฉันมีทางเลือกให้คุณสองทาง ทางแรก ปล่อยให้ฉันมีชีวิตที่ดีกว่านี้โดยไม่มีคุณ ทางที่สองตัดแฟนเก่าให้ขาด อย่าแม้แต่จะติดต่อกันอีก ถ้าคุณทำได้ ฉันจะลองเสี่ยงรับรักคุณอีกครั้ง”
ภควัฒน์มองใบหน้าที่จริงจังของเธอ มันบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น สิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดมันมีมูลและจริงจังกับสิ่งที่พูดมาก มากจนเขาขนลุก
“ได้ ผมจะตัดแฟนเก่าให้ขาด จะไม่มีวันใกล้ชิดเธอให้คุณต้องเจ็บปวด”
“ฉันจะรอดูค่ะ” บัวชมพูรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเลือกทางนี้ การได้รักกับเขาและต้องแต่งงานภายในสองปีหลังจากนี้ มันเป็นชะตาที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
‘ถ้าเป็นอย่างนี้ แล้วเราจะหลีกเลี่ยงความตายได้หรือเปล่า หรือการที่เรากลับมาในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งเรามาแก้ไขอดีต แต่ส่งเรามาเพื่อให้รู้ว่ายังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาของตัวเองได้’
**********************