เสี่ยวอันกาวใจของบ้าน

2321 คำ
​ 2 ชั่วโมงต่อมา หลังจากการผ่าดัดดามเหล็กผ่านไปด้วยดี ร่างของโจวอี้เฉินถูกย้ายไปที่ห้องพักฟื้น ที่หนิเหมยจองเอาไว้ โดยมีแม่ลู่กับลู่หวังเหล่ยคอยตามช่วยหนิงเหมยดูแลหลานสาวตัวน้อยอีกต่อหนึ่ง โชคดีที่ห้องพิเศษมีห้องน้ำในตัวและสามารถนอนเฝ้าได้ตามที่ต้องการ "แม่กับอาเหล่ยช่วยดูพี่อี้เฉินกับเสี่ยวอันให้ฉันหน่อยนะจ๊ะ ฉันจะลงไปเอาของใช้ที่วางไว้ข้างล่างแล้วก็หาของกินขึ้นมาให้ทุกคน" หนิงเหมยเอ่ยกับมารดา พอเห็นว่าสามีของเธอปลอดภัยแล้วความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในใจก็พลอยทุเลาลงไปด้วย "ไปเถอะลูก ไม่ต้องซื้ออะไรมาเยอะนะ แม่กับน้องไม่หิวหรอก เก็บเงินไว้จ่ายค่ารักษาอี้เฉินเถอะ" "เสี่ยวอัน อยู่กับน้าหวังเหล่ยกับคุณยายแป้บนึงนะลูก แม่ขอไปเอาหม่ำ ๆ ให้หนูไม่นานก็กลับมา อย่าร้องงอแงนะจ๊ะ" เจรจากับลูกน้อยเสร็จเธอก็รีบออกจากห้องไปทันที หนิงเหมยตรงไปที่ห้องน้ำรวมเพื่อหาที่หลบสายตาผู้คน จากนั้นก็กลับเข้ามิติแล้วเก็บเอาของใช้ที่จำเป็นของลูกน้อย พร้อมกับหาเสื้อผ้าออกไปให้แม่กับน้องชายของเธอใส่ และยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟันสำหรับทุกคน น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ซาลาเปากับโจ๊กหมู กล้วยและส้ม ถูกหยิบออกมาจากมิติเพื่อเป็นอาหารเย็นให้กับทุกคน จากนั้นหนิงเหมยก็หาถุงผ้าใบใหญ่มาใส่ของใช้ของลูกน้อยพร้อมกับที่นอนและกระบอกเก็บน้ำร้อน เมื่อได้ของครบเธอก็รีบเดินกลับห้องพักฟื้นของสามีทันที "อาเหมยซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยลูก วางก่อน ๆ" "มีแต่ของที่ต้องกินต้องใช้จ้ะแม่ ต่อไปนี้แม่ต้องกินทุกอย่างที่ฉันหามาให้รู้ไหม ไม่อย่างนั้นโรคที่แม่เป็นอยู่มันจะเอาชีวิตแม่ไปในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้า ถ้าแม่ไม่เชื่อฉันแสดงว่าแม่ไม่รักไม่อยากอยู่กับพวกเรา จริงไหมจ๊ะเสี่ยวอัน หนูต้องดุ ๆ คุณยายเลยนะเวลาที่คุณยายกินข้าวน้อย" แม่ลู่น้ำตาซึมเมื่อได้รู้ว่าบุตรสาวของนางเป็นห่วงนางขนาดนั้น ในเมื่อมีกำลังใจให้อยู่ต่อแบบนี้ทำไมนางถึงจะไม่ทำตามความต้องการของลูกสาวกันล่ะ เช่นเดียวกับหวังเหล่ยที่ได้เห็นพี่สาวใส่ใจมารดา เขาก็อุ่นใจขึ้นมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนผู้เป็นแม่มักจะบ่นว่าคิดถึงพี่สาวของเขาอยู่ตลอด แต่ไม่กล้าไปวุ่นวายกับอีกฝ่ายเพราะกลัวจะทำให้ลูกสาวรำคาญใจ "แม่รู้แล้วลูก แม่จะทำตามที่อาเหมยบอกทุกอย่างเลย" "งั้นแม่กับอาเหล่ยมากินข้าวเถอะ ฉันซื้อโจ๊กมาให้คนละ 1 ถุง น้ำเต้าหู้ ซาลาเปา ปาท่องโก๋ก็กินให้หมดด้วยนะ เสร็จแล้วกินกล้วยน้ำหว้ากับส้มลงไปด้วย ของมีประโยชน์ทั้งนั้น เอาไว้ข้ามคืนเดี๋ยวจะเสียซะก่อน ไหนลูกสาวตัวน้อยคิดถึงแม่รึยังเอ่ย ป่านนี้น้าชายคงปวดแขนแล้วมั้งอุ้มลูกหมูตั้งหลายชั่วโมง" "แอะ แอ้" ร่างเล็กจ้อยถูกส่งกลับคืนให้คนเป็นแม่ ยิ่งหนูน้อยมองเห็นขวดนมที่อยู่ในมือแม่ ร่างเล็ก ๆ ยิ่งดีดดิ้นด้วยความดีใจแล้วปากน้อย ๆ ก็รีบดูดกินอาหารของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย "พี่อย่าพูดแบบนั้น หลานน่ารักขนาดนี้ผมอุ้มได้ทั้งวันเลยนะ" "ไม่ทันไรก็หลงกันซะแล้ว" "ก็เป็นเรื่องจริงนี่นา ผมอุ้มตั้งนานยายหนูก็ไม่ร้องไห้ซักแอะ" "เสี่ยวอันจะร้องเฉพาะตอนหิวกับตอนอยากเปลี่ยนผ้าอ้อมเท่านั้นแหละ นายก็กินเยอะ ๆ นะอาเหล่ย เป็นกำลังหลักของครอบครัวต้องบำรุงเยอะ ๆ" "ครับ ผมดีใจนะที่ได้ยินว่าพี่จะกลับมาอยู่ที่บ้านของเรา ตั้งแต่พี่ย้ายออกไปแม่ก็ร้องไห้คิดถึงพี่อยู่บ่อย ๆ" "อาเหล่ยอย่าพูดให้พี่เค้าไม่สบายใจสิลูก" แม่ลู่รีบปรามลูกชายเอาไว้ในขณะที่นางกำลังกินโจ๊กข้น ๆ กับเนื้อหมูชิ้นใหญ่ ไหนจะมีไข่และเครื่องในหมูอีก โจ๊กชามนี้อร่อยเหลือเกินแต่เมื่อมองดูการจับจ่ายใช้สอยของลูกสาวก็ทำให้นางปวดใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน "ผมพูดความจริง แม่คิดถึงพี่สาวขนาดนั้นทำไมไม่บอกออกไปตรง ๆ" หนิงเหมยเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่เธอก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของท่าน เมื่อก่อนเธอก้าวร้าวเอาแต่ใจขนาดไหนท่านก็ไม่เคยว่า ลูกสาวบ้านอื่นไม่ค่อยได้รับความรักความใส่ใจจากพ่อแม่ แต่ไม่ใช่กับบ้านลู่ แม่ลู่รักถนอมและตามใจลูกสาวทุกอย่างจนเธอเสียคน กระนั้นท่านก็ไม่กล้าจะว่ากล่าวอะไรให้ลูกต้องช้ำใจ "แม่ ต่อไปนี้แม่ต้องพูดกับฉันตรง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ฉันโตจนเป็นแม่คนแล้ว ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าแม่รู้สึกยังไง คุณยายอย่าร้องไห้ เดี๋ยวเสี่ยวอันก็ร้องตามหรอก จริงไหม?" หนิงเหมยอุ้มลูกน้อยที่กำลังกินนมอยู่ขยับเข้ามาใกล้ ๆ แม่ของเธอ จากนี้ไปคงต้องอาศัยลูกสาวตัวน้อยช่วยเยียวยาจิตใจของทุกคนในครอบครัว "หลานยายกินนมเยอะ ๆ นะลูก หนูจะได้โตเร็ว ๆ ว่าแต่ของใช้พวกนี้คงแพงมากเลยใช่ไหมอาเหมย ไหนจะนมผงนั่นอีก?" โชคดีที่แม่ลู่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นเธอคงลืมเตรียมการก่อนที่ความจะแตก "ฉันใช้เงินเก็บซื้อมาจ้ะแม่ ราคาเอาการอยู่ แต่ช่วงนี้ฉันเป็นไข้ก็เลยไม่อยากให้ลูกกินนมตัวเอง กลัวว่าเสี่ยวอันจะติดไข้ไปด้วย แต่ว่า.." "แต่ว่าอะไรลูก แล้วตอนนี้อาเหมยเป็นยังไงบ้าง อาการทุเลาลงรึยัง?" คนเป็นแม่ใจกระตุกวูบเมื่อได้ยินว่าลูกสาวไม่สบาย คนในละแวกนั้นสามบ้านแปดบ้านต่างก็รู้ดีว่านางหวงกุ้ยฮวาเกลียดชังโจวอี้เฉินขนาดไหน แม่ลู่จึงรู้ดีว่าจะไม่มีใครมาใส่ใจมาถามไถ่อาการของหนิงเหมยแน่ ๆ "ฉันดีขึ้นแล้วจ้ะ แต่ของพวกนี้ที่ซื้อมาฉันบอกพี่อี้เฉินว่าแม่กับอาเหล่ยเป็นคนซื้อให้ ตอนไปเยี่ยมหลายเมื่อวานนี้" "..." "..." แม่ลู่กับลูกชายหันมองหน้ากันด้วยความจนใจ พวกเขานะหรือจะมีเงินมากมายมาซื้อของเหล่านี้ให้หลานสาว "นี่เป็นเงิน 200 หยวนที่ฉันเอาของแม่มา วันนี้ฉันขอคืนให้แม่ เผื่อวันข้างหน้าอาเหล่ยอยากแต่งงานน้องจะได้มีค่าสินสอด" หนิงเหมยล้วงเงินในกระเป๋าที่เธอเตรียมไว้ออกมาคืนให้มารดา เงินจำนวน 200 หยวนนี้เธอรีดไถเอาจากผู้เป็นแม่ในวันที่เธอแต่ออกจากบ้าน ความจริงภายในเวลา 1 ปี ร่างนี้ใช้จ่ายหมดไปถึง 50 หยวน กับการซื้อของดี ๆ ไปทำอาหารให้หวงหลี่จิ้งผู้ชายที่เธอชอบ "แม่ไม่เอาหรอกลูก อาเหมยเก็บไว้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้อี้เฉินเถอะ" "จริงครับพี่สาว ผมยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ พี่เก็บไว้เถอะ" "พอกันทั้งสองคนเลย เก็บไว้เถอะค่ะแม่ ฉันยังมีเหลือในส่วนที่ต้องใช้จ่าย เอาเป็นว่าแม่รับคืนไปก่อน ถ้าฉันขาดเขินฉันจะเอ่ยปากยืมกับแม่อีกที" ต่อให้แม่กับน้องชายจะดึงดันไม่รับเงิน แต่หนิงเหมยก็หาวิธีหว่านล้อมให้ทั้งสองโอนอ่อนผ่อนตามจนได้ "ถ้าอย่างนั้นแม่จะเก็บรักษาไว้ก่อน ถ้าลูกสองคนมีความจำเป็นต้องใช้ก็มาเอาได้เสมอ" "คุณยายดีที่หนึ่งแบบนี้เสี่ยวอันต้องรักคุณยายมากแน่ ๆ เลยจริงไหมลูก" "แอะ" "ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลานน้ารู้เรื่องกับเค้าด้วยเหรอว่าเค้าคุยอะไรกัน" "แอ้" ทั้งสามคนพูดคุยและกินข้าวกันต่อไม่นาน จากนั้นลู่หวังเหล่ยก็จัดเตรียมที่นอนสำหรับทุกคน ยังดีที่มีโต๊ะไม้ยาว ๆ ตั้งอยู่ หนิงเหมยจึงให้น้องชายนอนบนนั้น ส่วนเธอกับแม่และเสี่ยวอันก็ปูเสื่อนอนบนพื้น กลางดึก "แค่ก ๆ อื้อ" โจวอี้เฉินตื่นขึ้นมาเพราะพิษไข้จากบาดแผลที่กำลังเล่นงานเขาอยู่ ทางด้านหนิงเหมยที่มีหลายเรื่องต้องคิดเธอก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ พอได้ยินเสียงสามีกระแอมไอจึงรีบลุกขึ้นไปดู "พี่อี้เฉิน พี่เป็นยังไงบ้าง ดื่มน้ำหน่อยนะ" หลอดดูดที่หนิงเหมยเตรียมเอาไว้ถูกหยิบมาใช้งานอย่างรวดเร็วเพื่อให้สามีของเธอได้ดื่มน้ำอย่างสะดวก "ขอบคุณนะอาเหมย แล้วลูกล่ะ ใครดูแลลูก?" แสงไฟในห้องสลัว ๆ มีเพียงแสงที่ลอดออกมาจากห้องน้ำที่หนิงเหมยเปิดไว้เท่านั้นจึงทำให้อี้เฉินมองยังไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง "นอนอยู่ข้างคุณยายจ้ะพี่ วันนี้แม่กับอาเหล่ยมาช่วยฉันดูแลลูก ฉันเลยได้มีเวลาจัดการเรื่องต่าง ๆ ว่าแต่พี่ตอบฉันตามตรงได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเป็นห่วงพี่มากรู้ไหม ฉันไม่อยากทนอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว" โจวอี้เฉินเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนของภรรยา ตอนนี้เขาคงต้องเลือกแล้วว่าจะต้องพาครอบครัวย้ายออกมา หรือจะปล่อยให้แม่เลี้ยงรังแกทุกคนต่อไป "แม่เลี้ยงเห็นว่าพี่ได้กล่องข้าวไปทำงานนางก็เลยเข้ามาแย่ง แต่พี่ไม่ยอม พอตอนลงไปทำงานพี่ไม่รู้ว่านางมาอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น" "แสดงว่าแม่เลี้ยงของพี่ตั้งใจทำร้ายพี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะใช้เรื่องนี้พาพวกเราทุกคนออกจากบ้านหลังนั้นและตัดขาดจากคนพวกนั้น พี่จะยอมให้ฉันทำแบบนั้นไหม? หรือพี่ยังอาลัยอาวรณ์พวกเค้าอยู่" สีหน้าและแววตาที่จริงของหนิงเหมยทำให้โจวอี้เฉินตัดสินใจได้โดยไม่ต้องคิด เขาเลือกแล้ว จะดีจะร้ายก็เป็นลูกกับภรรยาที่จะอยู่กันไปจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต หากใครจะประณามว่าเขาเป็นคนอกตัญญูเขาก็ไม่สน เพราะ 20 ปีที่ผ่านมาเขาถือว่าตอบแทนบุญคุณไปมากพอแล้ว "ไม่! พี่ยินดีจะเดินออกมาพร้อมเธอกับลูก พี่ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว แต่เรื่องเงินกองกลางกับเสบียงแล้วก็ที่อยู่ใหม่ล่ะ" "คงต้องอาศัยบ้านแม่ไปก่อน หลังจากนั้นค่อยสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ ขอแค่อยู่แล้วสบายใจ มีพี่กับลูกอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนฉันก็อยู่ได้ทั้งนั้น" จุ๊บ หนิงเหมยจุมพิตลงที่หน้าผากของสามี พร้อมกับเช็ดน้ำสีใสที่ไหลออกจากดวงตาของเขาอย่างแผ่วเบา "คงต้องลำบากแม่ยายแล้ว ว่าแต่ขาของพี่เป็นยังไงบ้าง แล้วมาพักห้องแบบนี้ไม่สิ้นเปลืองเกินไปเหรอ?" "พี่อย่าคิดมาก เงินเก็บของฉันยังมีพอจะดูแลครอบครัวได้ ลืมไปแล้วรึไงว่าแต่ก่อนฉันเข้ามาทำงานในเมืองนะ" เป็นอย่างที่หนิงเหมยพูดไม่ผิด เมื่อก่อนร่างนี้เข้ามาทำงานในเมืองก่อนจะแต่งงานกับอี้เฉิน หาเงินได้เท่าไหร่ไม่เคยมีใครรู้กับเธอ แต่ทุกหยวนที่หาได้กลับใช้จ่ายไปกับการเอาอกเอาใจผู้ชายอย่างไร้สาระ "ลำบากภรรยาแล้ว ไว้หายดีสามีจะขยันหาเงินให้ได้เยอะ ๆ มาให้คุณภรรยาเก็บไว้ดีไหม?" "ดีจ้ะ ดีที่สุด" คนเป็นแม่กับน้องชายที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่ พอได้ยินทั้งสองสนทนากันก็เบาใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยลู่หนิงเหมยกับสามีก็ยังรักกันดี คงมีเพียงเรื่องบ้านใหญ่เท่านั้นที่ต้องจัดการ "อีกกี่วันพี่ถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้ครับ" "หมอให้รอดูอาการอีกสัก 2-3 วันจ้ะ แต่พรุ่งนี้ฉันจะไปจัดการคนบ้านนั้นให้มันจบ ๆ ไป พวกเราจะได้ไม่ต้องกลับไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอีก" "รอพี่ก่อน รอไปพร้อมกัน พี่ไม่อยากให้เธอไปคนเดียว ได้ไหมครับ" พอเห็นใบหน้าของสามีที่ดูออดอ้อนเธอเป็นพิเศษ หญิงสาวก็ใจอ่อนยวบต้านทานต่อแววตานั้นไม่ไหว "ฉันไม่ยักรู้ว่าพี่จะร้ายกาจขนาดนี้" "แค่กับภรรยาคนเดียว" "แอ้" ทั้งสองคุยกันอยู่สักพักเสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวอันก็ อ้อ แอ้ ขึ้นขัดจังหวะพ่อกับแม่ เพราะตอนนี้เป็นเวลาดื่มนมเติมพลังของหนูน้อยแล้ว ​ หาตัวช่วยให้หนิงเหมยกับอี้เฉินแป้บนึงนะจ๊ะ ก่อนจะเปิดศึกใหญ่ เราต้องมีตัวช่วยที่แข็งแกร่งซะก่อน ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม