ช่วงเวลาเกือบบ่าน 2 โมง
หนิงเหมยกับลูกน้อยกำลังนั่งเล่นอยู่บนเตียง พร้อมกับปักผ้าไปพลางๆ เพื่อคร่าเวลา ดีกว่าอยู่แบบไม่มีอะไรทำ เสียงตะโกนเอะอะจากหน้าบ้านทำให้เธอต้องรีบเปิดประตูออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"สะใภ้บ้านหวงเธออยู่ไหม! ภรรยาของโจวอี้เฉิน เธอได้ยินรึเปล่า รีบออกมาเร็วเข้า"
แอดดด
"มีอะไรเหรอจ๊ะลุงหัวหน้าหมู่บ้าน?"
หนิงเหมยเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ก่อนนี้ได้ยินเสียงเรียกว่าสะใภ้บ้านหวงเธอเกือบจะไม่ออกมาแล้วเชียว ดีที่ยังได้ยินชื่อสามีของเธอตามหลังมา
"เกิดเรื่องกับอี้เฉินแล้ว ขาของเขาถูกจอบขุดต้นไม้ปักเข้าให้ที่กลางหน้าแข้ง ตอนนี้คณะกรรมการกำลังช่วยกันดูอยู่ ฉันเลยรีบมาบอกเธอ"
"อะไรนะ! แล้วแผลลึกมากไหมลุงหัวหน้าหมู่บ้าน รถ ใครมีรถช่วยจ้างให้ฉันหน่อย ฉันจะพาพี่อี้เฉินไปโรงพยาบาลในอำเภอ เท่าไหร่ฉันก็จ่าย ลุงหัวหน้าหมู่บ้านช่วยเป็นธุระให้ฉันหน่อยนะจ๊ะ ฉันขอร้อง"
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้เห็นท่าทีของลู่หนิงเหมยที่เป็นห่วงสามีขนาดนี้ก็อดเวทนาเธอไม่ได้ ไหนชาวบ้านลือกันว่าผู้หญิงคนนี้เกลียดสามียิ่งกว่าอะไรดี แต่สิ่งที่เขาเห็นวันนี้คือเธอร้อนรนเป็นห่วงโจวอี้เฉินยิ่งกว่าคนเป็นพ่อของเขาเสียอีก
"ได้ ๆ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ แต่ค่าเหมารถมันสูงหน่อยนะ น่าจะประมาณ 5 หยวนเลยเชียว"
"ได้ค่ะ ฉันจะเตรียมไว้ให้ ยังไงถ้ารับพี่อี้เฉินมาจากแปลงนาแล้วช่วยมารับฉันที่นี่ด้วยนะจ๊ะ"
"ได้ เธอก็รีบเตรียมตัวเข้าล่ะ"
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านรีบปั่นจักรยานออกไป ลู่หนิงเหมยก็รีบเข้าบ้านแล้วเอาผ้าอุ้มเด็กมาสวมไว้ทันที จากนั้นก็จับลูกน้อยใส่เข้าไปในผ้าแล้วจัดให้เข้าที่เข้าทาง
แกร๊ก
เสียงคนเหยียบกิ่งไม้แห้งดังอยู่ข้างบ้าน หนิงเหมยรู้ได้ทันทีเลยว่าต้องเป็นหวงเยว่เผิงที่มาแอบฟัง เมื่อคิดได้อย่างนั้นเธอจึงเก็บของใช้ลูกและที่นอนอันใหม่เข้าในมิติ เหลือไว้แต่สบู่และยาสระผมชุดใหม่ที่เธอเอาออกไปให้สามีใช้ เพื่อลองใจว่ามันจะหายไปหรือไม่ ทว่าหนิงเหมยกลับลืมนึกถึงเสบียงอาหารในครัวไปเสียสิ้น
"เงิน ๆ ๆ พู้วว"
หนิงเหมยพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่เธอจะเปิดหีบแล้วหยิบเงินเก็บ 150 หยวนของร่างนี้มาติดตัวไว้ ส่วนเงินที่เธอแลกมาค่อยเอาออกมาใช้ทีหลัง
ปี๊ก ปี๊ก
"ภรรยาอี้เฉิน พวกเรามาแล้วเร็วเข้า"
หนิงเหมยรีบหยิบผ้ามาด้วย 1 ผืน พร้อมกับใส่เสื้อคลุมเพื่อบังแดดบังลมให้ลูกน้อยอีกชั้น จากนั้นเธอก็รีบเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถที่สามีของเธอนั่งอยู่ข้างหลัง ส่วนหวงเยว่เผิงที่แอบดูอยู่ พอเห็นผ้าอุ้มเด็กของหนิงเหมยก็มองด้วยตาเป็นประกาย
"พี่อี้เฉิน พี่เป็นยังไงบ้าง ฮึก ทำไมเลือดออกเยอะขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
หนิงเหมยใช้ผ้าผืนที่ถือมาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตากรอบหน้าให้สามีด้วยมือที่สั่นเทิ้ม ผ้าที่มัดบาดแผลของอี้เฉินเอาไว้ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดจนอี้เฉินเริ่มหน้าซีด
"ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง เธอไม่น่าพาลูกมาลำบากเลย"
"ไม่ต้องมาขอโทษอะไรทั้งนั้น ฉันกับลูกเต็มใจจะมากับพี่"
อี้เฉินเสียเลือดมากจนแทบจะไม่มีแรงตอบอะไรหนิงเหมย เขาเพียงแค่ใช้มือลูกหัวลูกน้อยที่ลืมตาปริบ ๆ อยู่ในผ้าอุ้มที่หนิงเหมยห่อเอาไว้
ระยะทาง 10 กิโลมันช่างไกลแสนไกล กินเวลาเกือบ 40 นาทีกว่ารถกระบะคันเก่าจะวิ่งมาถึงโรงพยาบาลของอำเภอ ร่างของโจวอี้เฉินถูกหามขึ้นเปลแล้วส่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
ทางด้านหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบตามไปแจ้งข้อมูลและกรอกเอกสารจนเรียบร้อย ก่อนจะมาพูดคุยกับหนิงเหมย
"เธอจะอยู่ดูแลอี้เฉินต่อใช่ไหมหนิงเหมย?"
หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามหนิงเหมยด้วยความเป็นห่วง เขายังต้องรีบกลับไปดูแลงานในคอมมูนต่ออีก ยังต้องสืบหาต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นอุบัติเหตุจริงหรือไม่
"ฉันอยู่ที่นี่ค่ะคุณลุง แต่ฉันขอถามหน่อยได้ไหมคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น?"
"อื้อ อย่างที่รู้ ๆ กันแหละว่านางหวงกุ้ยหล่อนไม่ชอบหน้าลูกเลี้ยงคนนี้เอามาก ๆ เมื่อตอนกลางวันหลายคนเห็นว่าหล่อนไปแย่งข้าวกล่องของอี้เฉินมากิน พออี้เฉินแข็งข้อหล่อนก็เริ่มอาละวาดหนัก"
"..."
"พอถึงตอนลงทำงาน นางหวงกุ้ยก็ขอสับเปลี่ยนที่กับคนอื่น แล้วก็เกิดเหตุอย่างที่เห็นนี่แหละ"
หนิงเหมยแทบจะพูดอะไรไม่ออก นี่ข้าวกล่องที่เธอตั้งใจทำให้สามีเป็นต้นเหตุทำให้เขาเจ็บตัวอย่างนั้นหรือ
"แล้วถ้าเป็นแม่เลี้ยงตั้งใจทำร้ายพี่อี้เฉินจริง ๆ เราสามารถเอาผิดได้ไหมคะ?"
ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้สามีเจ็บตัวเปล่า ยังไงซะก็ต้องเอาคืนตัวต้นเรื่องให้ได้ ยังไงโจวอี้เจินต้องไม่เจ็บตัวฟรี ๆ
"เจตนาทำร้ายผู้อื่นต้องได้รับโทษอยู่แล้ว แต่อี้เฉินจะยอมให้เป็นแบบนั้นไหมล่ะ เท่าที่ฉันรู้จักอี้เฉินมา 20 ปี เด็กคนนี้ต้องปกป้องคนบ้านนั้นแน่ ๆ ไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไร"
"ฉันขอถามเรื่องแยกบ้านได้ไหมคะ หรือตัดขาดกันไปเลย เราต้องทำยังไงบ้าง"
"แยกบ้านได้ถ้าพ่อแม่ของอี้เฉินยินยอม แต่ผลประโยชน์ที่นางหวงกุ้ยต้องเสียไปนี่แหละคือปัญหา แต่ถ้าแยกตัวออกมามือเปล่าก็ว่าไปอย่าง"
ที่หัวหน้าหมู่บ้านต้องพูดแบบนั้นเป็นเพราะรู้ดีว่าอาหารและเงินที่อี้เฉินใช้แรงแลกมาได้ ทุกอย่างต้องตกเข้าไปในมือของนางหวงกุ้ยฮวา หากอี้เฉินกับหนิงเหมยจะขอแยกบ้านแล้วเอาส่วนแบ่งของตัวเองมาด้วย นั่นแหละคือปัญหาใหญ่ที่จะทำให้ทั้งสองไม่อาจบรรลุจุดประสงค์
"ฉันเข้าในแล้วจ้ะ นี่เป็นเงินค่ารถ 5 หยวน ขอบคุณมากนะจ๊ะลุงหัวหน้าหมู่บ้าน"
"ไม่เป็นไร อี้เฉินก็เหมือนลูกหลานของฉัน นี่เป็นเบอร์โทรของคอมมูน มีอะไรให้ช่วยก็ติดต่อมานะ"
"ขอบคุณค่ะ"
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านแยกตัวออกไป ลู่หนิงเหมยก็พาลูกน้อยมานั่งรอสามีที่หน้าห้องฉุกเฉิน ทว่าเสียงที่คุ้นเคยก็ทำให้เธอต้องหันไปมอง
"อาเหมย"
"พี่สาว"
แม่กับน้องชายของเธอเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ ก่อนที่หนิงเหมยจะร้องไห้ออกมาด้วยความคิดถึง เพราะแม่ของร่างนี้ก็คือแม่ของเธอที่จากไปแม่หลายปีก่อนด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
"ฮึก แม่ ฮื้ออ แม่เป็นยังไงบ้าง แม่สบายดีไหม"
"ไม่ร้องลูกไม่ร้อง แม่สบายดีเห็นไหม แม่ยังแข็งแรงทุกอย่าง ว่าแต่ลูกทำไมได้มาอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินแบบนี้ แล้วนี่ยัยหนูหลานยายเหรอคนเก่ง"
นางลู่เสียนกอดปลอบลูกสาวเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น แต่นางก็ต้องมาสะดุดตากับร่างของหลานน้อยที่ลืมตาแป๋วอยู่ให้อ้อมกอดของแม่อย่างรู้ความ
"แม่นั่งลงก่อน อึก หวังเหล่ย นายก็นั่งลงก่อนเร็วเข้า ช่วยพี่อุ้มหลานหน่อย"
"ผะ..ผมอุ้มได้เหรอครับ"
ลู่หวังเหล่ยน้องชายเพียงคนเดียวของลู่หนิงเหมย ตอนนี้อายุได้ 18 ปีบริบูรณ์ แต่รูปร่างสูงใหญ่กำยำเสียอย่างเดียวคือทั้งคู่ผอมไปหน่อย
"อุ้มได้สิ เสี่ยวอันคนเก่ง หนูให้น้าชายกับคุณยายอุ้มหน่อยนะลูก"
นี่เป็นครั้งแรกที่คนเป็นน้าได้อุ้มหลานสาวตัวน้อย ส่วนคุณยายก็เทียวจูบตามฝ่ามือฝ่าเท้าน้อย ๆ ของหลานอย่างทะนุถนอม
"แม่เป็นอะไร ทำไมถึงต้องมาหาหมอจ๊ะ"
หนิงเหมยเริ่มคาดคั้นเอาคำตอบจากมารดาอย่างจริงจัง กาลเวลาก่อนเธอเสียท่านไปก็เพราะความปากหนักไม่ยอมพูด ตัวเองเจ็บแค่ไหนก็เอาแต่กลัวว่าลูกจะลำบากจึงไม่ยอมมาหาหมอ
"ไม่มีอะไรหรอกลูก ก็แค่โรคคนแก่เท่านั้น"
"ถ้าแม่ไม่พูดความจริง ฉันจะไม่พาหลานไปหา"
"ไม่นะลูกไม่ อย่าทำแบบนั้น มะ..แม่แค่ปวดท้อง หมอบอกว่าแม่มีปัญหาที่กระเพาะ"
พอได้ยินแบบนั้นน้ำตาของหนิงเหมยก็ไหลรินลงมาเป็นทาง ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอต้องเป็นห่วงใครบ้าง แต่ที่แน่ ๆ ก็คือต้องหาวิธีออกจากบ้านของคนใจร้ายให้ได้ แม่ของเธอก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน
"ฉันผิดเอง ทุกอย่างเป็นเพราะฉันเอง แม่รอหน่อยนะ รอฉันจัดการเรื่องของพี่อี้เฉินเสร็จก่อน ฉันจะกลับไปดูแลแม่ให้ดีกว่านี้"
"จริงเหรอลูก อาเหมยจะกลับมาอยู่กับแม่จริง ๆ เหรอ แล้วอี้เฉินเป็นอะไร?"
สีหน้าซีเซียวของนางลู่เสียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว ถึงลูกของนางจะร้ายกาจเพียงใดแต่สำหรับคนเป็นแม่ ยังไงลูกก็คือลูก
"พี่อี้เฉินถูกแม่เลี้ยงทำร้าย ฉันจะต้องพาลูกกับสามีย้ายออกจากบ้านหลังนั้นให้ได้ ถึงตอนนั้นฉันขอไปอาศัยอยู่กับแม่ก่อนได้ไหมจ๊ะ"
"พูดอะไรแบบนั้น บ้านของเราลูกอยากกลับมาเมื่อไหร่ก็มาได้ ถ้าอย่างนั้นระหว่างนี้แม่จะอยู่ช่วยลูกดูแลเสี่ยวอันก่อนดีไหม"
"ขอบคุณแม่มากนะจ๊ะ ต่อไปนี้ฉันสัญญาว่าจะดูแลทุกคนให้ดี"
ทั้งสามคนกับหนูน้อยเสี่ยวอันนั่งรออี้เฉินอยู่หน้าห้องฉุกเฉินเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนที่หมอจะออกมาแจ้งกับญาติคนไข้ถึงอาการที่ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน
"ญาติของคุณโจวอี้เฉินครับ"
"ฉันเองค่ะคุณหมอ ฉันเป็นภรรยาของเค้าค่ะ"
"คนไข้กระดูกแตกและเสียเลือดมาก เราจึงต้องรีบผ่าตัดดามเหล็กและใส่เฝือก หลังจากนั้นต้องนอนเพื่อรอดูอาการอีกประมาณ 3วันนะครับ"
"ได้ค่ะคุณหมอ แต่ฉันอยากจองห้องพิเศษได้ไหมคะ"
"ได้ครับ เดี๋ยวพยาบาลจะจัดการให้"
หลังจากพูดคุยกันจบ คุณหมอวัยกลางคนก็เดินไปที่ห้องผ่าตัดพร้อมกับเตียงที่มีโจวอี้เฉินนอนอยู่บนนั้น แม่ลู่กับหวังเหล่ยและเสี่ยวอันรีบเดินตามไปติด ๆ ส่วนหนิงเหมยต้องแยกตัวออกไปติดต่อห้องพักให้สามี
เมื่อจัดการเรื่องห้องพักเสร็จแล้ว หนิงเหมยจึงโทรไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าหมู่บ้าน ถึงเรื่องที่เธอต้องการทำเรื่องแยกบ้านและการตัดขาดจากพ่อสามี นอกจากนั้นก็ได้แจ้งอาการของอี้เฉินให้อีกฝ่ายได้รับรู้ พร้อมกับของให้หัวหน้าหมู่บ้านปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
แม่จะฟาดให้หน้าหงายเลยคอยดูเถอะ!