ลู่หนิงเหมยเป็นหญิงสาวหมู่บ้านข้าง ๆ หล่อนแอบชอบหวงหลี่จิ้งมานาน จึงเข้าหาหวงหลี่เวยเพื่อขอให้ช่วยเปิดทางให้หล่อนได้เป็นสะใภ้บ้านหวง แต่คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด
หวงหลี่เวยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟัง ซึ่งนางหวงกุ้ยฮวาก็มีสะใภ้ที่หมายตาต้องใจเอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งก็คือ เกาเยว่เผิง สหายสนิทของหลี่เวยลูกสาวคนเล็กของนาง แต่ในเมื่อลู่หนิงเหมยมีของติดไม้ติดมือมาให้ตลอด นางจึงให้ลูกสาวทำทีว่าจะช่วยเหลือหล่อน พร้อมกับนัดหมายให้ลู่หนิงเหมยไปหาที่กระท่อมท้ายหมู่บ้าน
นางหวงกุ้ยฮวารู้อยู่แล้วว่าฐานะทางบ้านของลู่หนิงเหมยย่ำแย่ขนาดไหน นางจึงตั้งใจจัดฉากวางยาลูกเลี้ยงกับลู่หนิงเหมยให้ได้เสียกันในวันที่นัดหมาย แน่ล่ะ แค่ลูกเลี้ยงนางไม่มีวันยอมให้โจวอี้เฉินได้ดีไปกว่าลูกชายของนางแน่ ๆ
เหตุการณ์นั้นทำให้ชาวบ้านนำไปพูดกันสนุกปากยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง นางหวงกุ้ยฮวาจึงให้สามีไปสู่ขอลู่หนิงเหมยให้ลูกชายของเขา โดยไม่มีสินสอดแม้แต่เหมาเดียว พร้อมกับให้ทั้งสองแยกออกไปอยู่กระท่อมหลังเล็กปลายที่ดินบ้านหวง เพราะกลัวว่าลู่หนิงเหมยจะมายุ่งกับหวงหลี่จิ้งอีก
สิ่งที่ทำให้ลู่หนิงเหมยแค้นมากก็คือวันที่เธอต้องแต่งให้โจวอี้เฉิน เป็นวันเดียวกันกับที่นางหวงกุ้ยฮวาจัดงานแต่งให้หวงหลี่จิ้งกับเกาเยว่เผิงสะใภ้ในดวงใจของนาง ความอัปยศนั้นทำให้ลู่หนิงเหมยเอาความโกรธมาลงที่สามีของหล่อน โดยไม่รู้เลยว่าเขาหลงรักหล่อนมานานแค่ไหน
พอเวลาผ่านไป ลู่หนิงเหมยก็ยังไม่ยินยอมต่อโชคชะตา หล่อนหาอาหารดี ๆ มาได้เป็นต้องนำไปให้หวงหลี่จิ้งกินเป็นคนแรก โดยไม่สนใจว่าสามีของตัวเองจะได้กินอะไร ทางด้านโจวอี้เฉินก็ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเงียบ ๆ ด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง
แต่แล้วความหวังที่กำลังจะเลือนลับหายไปก็เจิดจรัสขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหนูน้อย โจวลี่อัน ลืมตามาดูโลก แม้จะมีเพียงเขาคนเดียวที่ดีใจ เท่านั้นก็มากพอแล้วในชีวิตที่อัปยศบนโลกใบนี้
เฮือก!
"ฮึก! สิ้นคิด เธอเป็นผู้หญิงที่สิ้นคิดและโง่งมที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น"
ลู่หนิงเหมย หญิงสาวในศตวรรษที่ 21 เธอสะดุ้งตื่นกลางดึกท่ามกลางเหงื่อมากมายที่ผุดขึ้นตามกรอบหน้า ยังไม่รวมกับน้ำสีใสที่ไหลอาบแก้มของเธออย่างห้ามไม่ได้
เธอเพิ่งสูญเสียสามีกับลูกน้อยวัย 3 เดือนไปได้ไม่นาน เพิ่งผ่านงานฌาปนกิจได้ยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าวของเครื่องใช้ของเด็กอ่อน รวมไปถึงสิ่งของของผู้เป็นสามียังคงอยู่ประจำที่และพร้อมใช้งานเสมอ
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของลูกน้อยยังติดตรึงและอบอวลอยู่ในห้องนอนของเธอไม่จางหาย ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ภาพของสามีที่อุ้มลูกกล่อมให้หนูน้อยนอนหลับ ทำไมฟ้าต้องพรากพวกเขาไปจากเธอเร็วขนาดนั้น
ย้อนกลับไปในวันที่สูญเสีย วันนั้นลูกของเธอไข้ขึ้นสูง ลู่หนิงเหมยกับสามีจึงพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาล ระหว่างทางมีรถวิ่งฝ่าไฟแดงสวนมาด้วยความเร็วสูง บทสรุปคือรถทั้งสองคันประสานงากัน ลูกกับสามีของเธอเสียชีวิตคาที่ กว่าหนิงเหมยจะฟื้นขึ้นมาก็เกือบ 1 สัปดาห์
เพียงแค่เธอได้ยินว่าลูกกับสามีของเธอจากไปแล้ว มันก็ไม่ต่างจากโลกทั้งใบถล่มลงตรงหน้าเธอ หนิงเหมยหมดสติครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะเข้มแข็งและฝืนสังขารไปส่งคนอันเป็นที่รักของเธอเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเธอก็กลายเป็นคนซึมเศร้าและไม่สามารถทำงานปักผ้าที่เธอรักได้อีกต่อไป
เธอได้แต่ตั้งคำถามกับคนบนฟ้าว่า "ทำไมถึงไม่เอาเธอไปพร้อมกับลูกและสามีด้วยเลย ทำไมต้องให้เธอทนทุกข์ทรมานอยู่คนเดียว" อยู่ ๆ วันหนึ่งขณะกำลังนั่งเหม่อลอย หนิงเหมยได้นึกถึงหีบไม้ที่ถูกส่งต่อจากแม่และยายของเธอที่ล่วงลับไปแล้ว
หนิงเหมยเดินไปยกหีบไม้กล่องนั้นขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง ด้านในมีภาพถ่ายเก่า ๆ มากมายในอดีตเมื่อ 40-50 ปีก่อน ทั้งยังมีงานปักผ้าที่ฝีเข็มประณีตอีกหลายชิ้น แต่มีกล่องไม้ที่สลักลวดลายสวยงามขนาดเท่าฝ่ามืออยู่หนึ่งกล่อง หนิงเหมยจึงหยิบกล่องนั้นมาเปิดดู พบว่าด้านในเป็นกำไลหยกเนื้อดี พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีข้อความเขียนไว้ว่า...