คืนนั้นทั้งคืนโจวอี้เฉินต้องลุกมาป้อนนมลูกน้อย พร้อมกับเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกายให้หนิงเหมย ถึงจะต้องอดหลับอดนอนอยู่บ้างแต่เขาก็มีความสุขเหลือเกิน อย่างน้องเสี่ยวอันก็ไม่ต้องอดนม หนิงเหมยเองก็ลุกมาช่วยดูลูกด้วยความเป็นห่วง ต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
"พี่อี้เฉิน กินข้าวก่อนค่อยไปทำงานนะจ๊ะ ส่วนอันนี้เป็นกล่องข้าวที่ฉันเตรียมไว้ให้พี่ไปกินตอนกลางวัน ปกติพี่นั่งกินห่างจากคนบ้านใหญ่อยู่แล้วใช่ไหม?"
วันนี้หนิงเหมยตื่นแต่เช้าเพื่อลุกไปหุงหาอาหารให้สามี เธอต้องขู่เขาว่าห้ามเปิดประตูครัวจนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเธอ เพราะกลัวว่าเสี่ยวอันจะต้องสูดดมควันไฟมากเกินไปจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย
จากนั้นเธอก็รีบก่อไฟหุงข้าว แล้วเข้ามิติเอาอาหารจานเนื้อไปอุ่น เพื่อให้บ้านใหญ่ได้กลิ่นอาหาร พร้อมกับเอาเนื้อแห้งกับกุนเชียงมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วยัดเข้าหม้ออบลมร้อน ไม่ถึง 10 นาทีเธอก็กลับออกมานอกมิติแล้วก็อุ่นผัดผักที่เหลือจากเมื่อ แล้วนำไปจัดเรียงบนโต๊ะตัวเล็ก
"ใช่ครับ ว่าอาเหมยถามทำไมเหรอ"
โจวอี้เฉินหันไปถามภรรยาขณะที่กำลังอุ้มลูกสาวเดินเล่น หนูน้อยเสี่ยวอันตื่นแต่เช้ามืดพร้อมพ่อและแม่ ในยุคนี้บางบ้านตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาหุงหาอาหาร และต้องเร่งไปถึงแปลงนารวมตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อลงชื่อเอาแต้มงานก่อนที่จะมีการเป่านกหวีด หากใครไปช้าก็จะถูกตัดคะแนน
"ในกล่องนี้มีเนื้อทอดกับกุนเชียงทอด น้ำมันพริกแล้วก็ผักลวก ฉันกลัวคนอื่นจะแย่งพี่กิน พี่ห้ามใจดีให้คนอื่นเด็ดขาดเลยนะ ต้องกินข้าวให้หมดทุกเม็ดรู้ไหม ฉันอุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวให้พี่"
กล่องอาหารแบบ 2 ช่องถูกหนิงเหมยเปิดออกให้สามีดูในกล่องมีข้าวสวยร้อน ๆ กับผักลวก 3-4 ก้าน และน้ำมันพริกที่แยกตัวอยู่อีกช่อง ส่วนเนื้อแห้งกับกุนเชียงที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เธอใช้ข้าวหุงร้อน ๆ กลบทับเอาไว้อย่างมิดชิด
"..."
"เนื้อกับกุนเชียงอยู่ข้างล่าง ชู่ว์ เอาล่ะเสี่ยวอัน มาหาแม่ได้แล้วเด็กดี ให้พ่อไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว"
หนิงเหมยรับลูกน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของสามีมาอุ้มไว้แนบอก เธอรู้สึกว่าพิษไข้ในตัวเธอทุเลาลงบ้างแล้ว อาจเป็นเพราะเธอลุกขึ้นมากินยาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าไม่เกินวันนี้เธอก็น่าจะหายขาด
"ไม่เห็นต้องสิ้นเปลืองขนาดนั้นเลย อาเหมยเก็บไว้กินเถอะ เธอต้องบำรุงเยอะ ๆ จะได้มีน้ำนมให้ลูก พี่กินแค่ผักลวกกับน้ำมันพริกก็อิ่มแล้ว"
"พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น ฉันยังมีเหลือให้ตัวเองกิน พี่ไม่ต้องเป็นห่วง รีบไปอาบน้ำเถอะจะได้มากินข้าวกัน"
โจวอี้เฉินยอมทำตามที่ภรรยาบอกแต่โดยดี ก่อนที่คนเป็นสามีจะเดินไปจัดการกับตัวเองที่ข้างบ้าน ซึ่งตอนนี้ท้องฟ้ายังมืดอยู่ แต่ละบ้านจึงมีเพียงแสงตะเกียงส่องสว่างเท่านั้น
ระหว่างที่นั่งรอสามี หนิงเหมยก็เริ่มคิดว่าเธอจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต หากจะทนอยู่ที่นี่ต่อไปสักวันลูกกับสามีของเธอคงเป็นโรคซึมเศร้าตาย แต่หากจะพาทุกคนออกจากบ้านหลังนี้ มันก็ต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ หรือหากจะย้าย แล้วพวกเขาจะย้ายไปอยู่ที่ไหน
"อาเหมย คิดอะไรอยู่ ทำไมไม่กินข้าว แล้วไข้ลดลงบ้างไหม"
โจวอี้เฉินเดินกลับเข้ามาในกระท่อมก็พบว่าภรรยากำลังนั่งเหม่อเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"รอพี่อยู่จ้ะ พี่กินให้เยอะ ๆ เลยนะ ผอมขนาดนี้ฉันกับลูกเป็นห่วง"
คนเป็นสามีแทบไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินคำว่าเป็นห่วงจากปากของหนิงเหมย เขากลัวเหลือเกินว่าวันนี้กลับมาจากทำงานแล้วภรรยาคนนี้จะหายไป หากเธอเป็นแบบนี้ตลอดไปคงจะดี
"..."
"พี่อี้เฉินเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ"
"ปะ..เปล่าครับ มากินข้าวด้วยกันเถอะ"
อี้เฉินรีบลงมือกินข้าวไปเงียบ ๆ เขารู้สึกว่าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นช้ากว่าปกติ หรือไม่แน่ก็อาจจะมีฝนเพราะช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าวพิกล หากฝนตกจริงเขาคงต้องไปทำงานแลกผ้าใบมามุงหลังคากระท่อมไม่ให้ฝนรั่วลงมาโดนลูกเมีย
"พี่เคยคิดจะไปจากบ้านหลังนี้บ้างไหม?"
อยู่ ๆ หนิงเหมยก็พูดโพล่งขึ้นมาเพื่อลองใจสามี ทว่าคำพูดเหล่านั้นกลับทำให้อี้เฉินคิดว่าเธอกำลังจะหนีเขาไป เพราะเหตุนี้เธอจึงได้ทำดีกับเขาเพื่อเป็นการบอกลา จะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของโจวอี้เฉิน ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาภรรยาอีกครั้ง
"อาเหมยจะไปจากที่นี่เหรอ พี่ขอโทษที่ตอนนี้ดูแลเธอกับลูกได้ไม่ดีพอ แต่ช่วยทนอยู่ต่อเพื่อลูกได้ไหม พี่จะพยายามทำหน้าที่ของพี่ให้ดีที่สุด"
หนิงเหมยตัวชาวาบเมื่อได้ยินสิ่งที่สามีพูดออกมา ตอนนี้ดวงตาของอี้เฉินแดงก่ำจนเธออดรู้สึกผิดไม่ได้ ช้อนในมือของหนิงเหมยถูกวางลง ก่อนที่เธอจะอุ้มลูกน้อยขยับไปนั่งข้าง ๆ สามี
"อยากกอดกันหน่อยไหม?"
พรึบ
คนที่รอคำนี้มานานไม่รอช้ารีบดึงร่างของภรรยากับลูกน้อยมากอดเอาไว้อย่างหวงแหน หนิงเหมยรู้สึกได้ถึงเสื้อที่เปียกชื้นตรงจุดที่ใบหน้าของสามีอิงซบอยู่
"ถ้าฉันไป ฉันต้องพาพี่กับลูกไปกับฉันด้วย แต่ที่ฉันถามเพราะว่าฉันไม่อยากเห็นพี่ต้องถูกคนบ้านนั้นเหน็บแนมทั้งที่พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด"
"อึก เธอไม่คิดจะหนีพี่ไปจริง ๆ ใช่ไหม?"
คนเป็นสามีถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ความเกลียดชังที่เธอแสดงออกมาตลอด 1 ปี แต่ตอนนี้เธอกลับมาทำดีเพียง 1 วัน มันเชื่อได้ยากเหลือเกินว่าเธอเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
"ฉันอยากพาพี่กับลูกออกจากบ้านหลังนี้ไปพร้อมกัน แต่พี่จะเป็นห่วงพ่อสามีจนไม่อาจไปกับฉันได้รึเปล่า ฉันก็เลยลองถามดู"
"พ่อไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงหรอก ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว ยังไงก็ยังมีหลี่จิ้งกับหลี่เวยคอยปรนนิบัติ แต่เธอจะไปจากที่นี่ได้จริง ๆ เหรอ แล้วหลี่จิ้งล่ะ"
"หลี่จิ้งเกี่ยวอะไรกับฉัน สามีของฉันนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน พี่หล่อกว่าหมอนั่นตั้งเยอะ"
"หึ!"
หลังจากพูดคุยกันเสร็จโจวอี้เฉินก็รีบจัดการกับอาหารตรงหน้า ซึ่งหนิงเหมยก็คะยั้นคะยอให้เขากินจนหมด ตามด้วยน้ำขิงสำเร็จรูปที่เธอเตรียมเอาไว้
"อีกเดี๋ยวฉันว่าจะไปหาแม่ที่บ้านสักหน่อยนะจ๊ะ คงต้องพาเสี่ยวอันไปด้วย"
"เป็นวันหลังไม่ได้เหรอ พิษไข้ยังไม่หายขาดพี่ไม่อยากให้เธอกับลูกออกไปตากแดดตากลม ดูเหมือนวันนี้ฝนจะตกซะด้วย ตอนเย็นพี่จะไปขอผ้าใบจากหัวหน้าหมู่บ้านมามุงหลังคา ถ้าฝนตกลงมาหลังคารั่วลูกคงอยู่ไม่ได้แน่ ๆ"
"ได้จ้ะ แว๊ะมาเอาเงินที่ฉันไปซื้อนะพี่ ไม่ต้องไปทำงานแลกของหรอก เหนื่อยมาทั้งวันแล้วฉันอยากให้พี่มาอยู่กับพวกเรามากกว่า"
"ครับ พ่อไปทำงานแล้วนะลูก อยู่กับแม่ต้องเป็นเด็กดีนะเสี่ยวอันของพ่อ"
โจวอี้เฉินพยักหน้ารับคำภรรยา ก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านไปยังแปลงนาพร้อมกับกล่องอาหาร ก่อนที่คณะกรรมการจะเป่านกหวีดเรียกรวมตัว
วันนี้เขาไม่ต้องจัดการเรื่องลูก จึงสามารถออกจากบ้านก่อนที่คนในบ้านใหญ่จะออกมา เช้านี้จึงถือว่ารอดไปอีกวันที่อี้เฉินไม่ต้องเสียสุขภาพจิต หลังจากสามีออกไปแล้วหนิงเหมยจึงอุ้มลูกไปวางไว้บนเตียง จากนั้นก็เดินไปปิดล็อกประตูแล้วรีบจัดการเก็บถ้วยไปล้าง
ระหว่างนั้นเธอได้ยินแม่เลี้ยงของสามีบ่นเหน็บแนบลูกเลี้ยงอย่างสามีของเธอไม่หยุดปาก แต่ยังดีที่อยู่บ้านคนละหลังกัน ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเปิดศึกแล้วกลายเป็นสะใภ้ร้ายกาจ ไม่วายที่สามีของเธอจะกลายเป็นคนอกตัญญู
"ทางสะดวกแล้วจ้ะเสี่ยวอัน เราไปซักผ้ากันดีกว่าเนอะ"
"เอะ แอ้"
หลังจากเก็บบ้านเสร็จหนิงเหมยก็รีบพาลูกเข้าไปซักผ้าในมิติ
"หน้าฝนอย่างนั้นเหรอ? ไปดูห้องเก็บของของคุณยายซิว่ายังมีอะไรใช้ได้บ้าง"
สองแม่ลูกเดินไปที่ห้องเก็บของ พร้อมกับมองหาสิ่งที่เธอจะนำออกไปใช้ได้ หนิงเหมยมองเห็นร่มเก่า ๆ แต่สภาพของมันก็ไม่น่าจะใช้งานได้แล้วหนิงเหมยจึงหยิบนาฬิกาเรือนเก่าติดมือออกมาด้วย จากนั้นเธอจึงเดินไปสำรวจร่มที่มีในบ้าน โชคดีที่มีร่มสีดำที่ไม่มีลวดลาย จึงสามารถนำออกไปใช้ได้โดยไม่ต้องกังวล
"เราไปดูผ้าอุ้มของหนูกันดีกว่าเนอะ เวลาแม่พาหนูไปไหนจะได้สะดวก"
ตู้ของใช้เด็กอ่อนถูกเปิดออก หนิงเหมยหยิบผ้าอุ้มเด็กแบบสำเร็จรูปออกมาเตรียมไว้กับร่ม จากนั้นก็เดินไปตากผ้าอ้อม แล้วป้อนนมลูกน้อยจนยัยหนูหลับปุ๋ยไปอีกครั้ง เธอจึงรีบไปอาบน้ำจัดการกับร่างกายของตัวเอง
ตอนหน้าหนิงเหมยกับเสี่ยวอันต้องวิ่งวุ่นอีกแล้ว เกิดอะไรขึ้นอย่าลืมติดตามนะคะ