ท่านพ่อเป็นคนรักลูก ไม่ว่าจะมีลูกมากเท่าใดก็มักจะเผื่อแผ่ความรักให้ทั่วถึงอยู่เสมอ หากแต่ท่านพ่อต้องออกเดินทางไปทำการค้าที่ต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง เรื่องในจวนจึงต้องฝากให้ฮูหยินใหญ่เป็นคนดูแล แน่นอนว่าแม่ใหญ่ไม่ใช่คนที่จะเผื่อแผ่ความรักให้ลูกนอกไส้ มีเพียงพี่หญิงใหญ่กับพี่หญิงสามเท่านั้นที่ได้รับความรักจากทุกคนในจวนอย่างเต็มที่ บรรดาข้าวของเครื่องใช้ที่ท่านพ่อส่งมาก็มักจะถูกแบ่งให้ทั้งสองมากกว่าผู้เสมอ แล้วยิ่งข้าเป็นลูกชังของบ้าน อย่าว่าแต่เครื่องนุ่งห่มดีๆ เลย อาหารดีๆ สักมื้อกว่าจะได้กินก็ตอนที่ท่านพ่อกลับมาแล้วนั่นแหละ
และวันนี้เป็นวันแรกที่ข้าได้สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ดีๆ เช่นกัน ทว่ารูปร่างของข้าค่อนข้างเล็กเพราะขาดสารอาหารมาหลายปี แม้แต่อาภรณ์เก่าเก็บของพี่หญิงสามก็ยังหลวมโพรก บ่าวรับใช้จ้าวซูจึงเอาแต่บ่นว่าข้านั้นผอมแห้งเกินไป ผิวหนังก็หยาบกระด้างไม่เหมือนคุณหนูของพวกนางเลยสักนิด ก่อนจะกระซิบกระซาบกันว่าเพราะข้าก็เป็นแค่ลูกบ่าวไพร่ ยังกล้าเสนอหน้าเทียบเคียงคุณหนูทั้งหลายอีก
ข้าที่ตัวคนเดียวก็ได้แต่เงียบแล้วเก็บงำความคับแค้นใจนี้เอาไว้ แสร้งทำเป็นหูทวนลมทั้งที่เสียงนั้นสะท้อนอยู่ในใจอย่างชัดเจน นั่นเป็นเพราะว่าอีกไม่นาน ข้าก็จะคว้าโอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวชีวิตได้แล้ว จะทำให้แผนการนี้สูญเปล่าไม่ได้
หลังจากจ้าวซูจับข้าแต่งกายเสร็จแล้ว จึงเดินนำทางไปยังเรือนใหญ่ ซึ่งก็มีบรรดาลูกอนุอีกนับสิบชีวิตยืนรออยู่เช่นกัน โดยน้องสาวคนเล็กสุดอย่างน้องสิบสี่ก็ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดเท่านั้น แต่กลับถูกสั่งให้อยู่ด้านนอกปะทะอากาศหนาวเย็น ช่างไร้คุณธรรมเสียจริง
“น้องเจ็ด เจ้าหายดีแล้วหรือ”
พี่รองที่อุ้มน้องสิบสี่อยู่เดินเข้ามาถามด้วยความห่วงใย
โดยหลังจากวันที่ข้าถูกโบยวันนั้น พี่ร้องก็เป็นคนเดียวที่มาเยี่ยมข้าทุกวัน พร้อมกับช่วยทายาให้ข้าอย่างไม่เกี่ยงงอนอีกต่อไป คงเพราะความสงสาร กลัวข้าตายก่อนกระมัง
ข้าย่อตัวทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“เพราะพี่รองดูแลเป็นอย่างดี ทำให้แผลของข้าหายเร็วเช่นนี้ เสวี่ยไป๋จะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”
พี่รองดูประหลาดใจที่เห็นข้ากล่าวเช่นนี้ คงเพราะปกติเซียวเสวี่ยไป๋ไม่คิดจะมีปากเสียงกับผู้ใด
“พี่เจ็ดท่านงดงามมากเลยเจ้าค่ะ” อยู่ๆ น้องสิบเอ็ดก็เข้ามาทักทาย อีกทั้งยังมองข้าด้วยดวงตาเป็นประกายอีกต่างหาก
ซึ่งข้าเองก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดูเจ้าก้อนแป้งขาวตัวน้อยๆ นี่ไม่ได้เช่นกัน ข้าลูบศีรษะน้อยนั้นเบาๆ
“ขอบใจนะ เจ้าเองก็งดงามมากเช่นกัน” ข้าตอบ
น้องสิบเอ็ดชะงักเล็กน้อยก่อนส่งยิ้มกว้างมาให้อย่างชอบใจ
ซึ่งความน่ารักน่าเอ็นดูของนางทำให้ข้ายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว โลกเดิมข้าไม่มีพี่น้อง จึงไม่รู้ว่าความผูกพันทางสายเลือดนั้นเป็นเช่นไร ข้าถูกความเหงาและความโดดเดี่ยวกัดกินจิตวิญญาณจนเคยชิน จึงไม่แปลกที่ข้าจะผูกใจกับบุรุษในห้วงฝันผู้นั้น แต่เมื่อได้รับการปฏิบัติจากพี่น้องร่วมสายเลือด ถึงได้รู้ว่าความอบอุ่นจากครอบครัว มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ข้าเหลือบมองพี่น้องรอบข้าง ครั้นพวกเขาเห็นว่าข้าเล่นกับน้องสิบเอ็ด พวกเขาจึงเข้ามาหาข้าทีละคน บางคนกล่าวขอโทษที่ไม่กล้าช่วยในวันนั้น เพราะทุกคนต่างก็เกรงกลัวแม่ใหญ่กันทั้งนั้น อีกทั้งยังถูกแม่เล็กทั้งหลายสั่งห้ามไม่ให้มาข้องแวะกับข้า พวกเขาจึงไม่กล้าขัดคำสั่งนั้น ซึ่งข้าก็เข้าใจดี
ทว่าหัวใจกลับรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นจนรู้สึกเจ็บไปทั้งช่วงอก ทันทีที่ได้ยินคำว่าขอโทษ ก็เกือบจะกลั้นทำนบน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
“คุณหนูทั้งหลาย เข้ามาด้านในได้แล้วเจ้าค่ะ”
บรรยายซาบซึ้งถูกทำลายในคราวเดียวด้วยคำพูดของจ้าวซู นางมองข้าด้วยสายตาตำหนิราวกับว่าข้าได้ก่อเรื่องอันใดอีกแล้ว หากแต่เมื่อนางเห็นสายตาดุของพี่รอง ท่าทางวางอำนาจเมื่อครู่ ก็นอบน้อมลงทันที แต่ดูจากสีหน้าก็รู้ว่านางคงไม่พอใจเท่าใดนัก
ข้าถูกจัดให้นั่งในลำดับสุดท้าย คงเพราะแม่ใหญ่ไม่ต้องการให้ท่านพ่อรู้ว่านางเฆี่ยนตีข้าจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล อีกอย่างนางคงไม่อยากให้ข้าได้รับความเอ็นดูไปมากกว่าลูกสาวของนางทั้งสอง เพราะท่านพ่อเป็นคนความจำดี เขาต้องรู้แน่ว่าเสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่ เป็นของเก่าเก็บของพี่หญิงสาม แล้วท่านพ่อที่รักลูกๆ ทุกคนเป็นอย่างมาก คงจะมีคำถามกับแม่ใหญ่ไม่น้อยหากเห็นสภาพไร้การดูแลของข้า
เมื่อท่านพ่อก้าวเข้ามาในห้องรับรอง เหล่าพี่น้องต่างก็ลุกขึ้นทำความเคารพอย่างกระตือรือร้น ทว่าสีหน้าของท่านพ่อกลับไม่สู้ดีเท่าใดนัก ราวกับเพิ่งประสบกับเรื่องหนักใจมา ทางแม่ใหญ่เห็นว่าหากพูดสิ่งใดออกไปอาจไม่เข้าหู จึงสั่งให้บ่าวรับใช้นำอาหารเข้ามา
ข้านั่งกินข้าวไปอย่างเงียบๆ หากแต่สำรับของข้าแม้จะอยู่ต่อหน้าท่านพ่อ แต่พวกเขากลับยังคงกลั่นแกล้งข้าอย่างอุกอาจ ในถ้วยข้าวของน้องสิบเอ็ด ยังเต็มไปด้วยเนื้อย่างดูชุ่มฉ่ำเคี้ยวง่าย ผักสดสะอาดตา และข้าวเรียงเม็ดสวย ในขณะที่สำรับของข้ามีเพียงแค่ก้อนแป้งแข็งๆ เนื้อแห้งเกรียม น้ำซุปเย็นชืด และผักที่เหี่ยวช้ำ
ข้าเหลือบมองบ่าวรับใช้ที่อยู่ไม่ไกล เมื่อนางเห็นข้ามอง พวกนางก็ยิ้มเยาะข้าและหันไปหัวเราะให้กันอย่างไม่แยแส
สิ่งเหล่านี้ทำให้ข้าคิดว่า แม้แต่ข้าวดีๆ สักมื้อยังไม่ได้กิน แล้วข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม อย่างน้อยที่พรรคมารบูรพาก็คงไม่ปล่อยให้เจ้าสาวของประมุขต้องหิวโซเช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีอาหารดีๆ ให้ข้าบ้างสักมื้อ
ข้ากัดริมฝีปากเพื่ออดกลั้นความคับแค้นในใจ พยายามเกร็งขอบตาเพื่อไม่ให้น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจหลั่งไหลออกมา ข้าไม่อยากพ่ายแพ้ให้แก่ความไร้คุณธรรมเช่นนี้ ข้าไม่ต้องการให้คนเหล่านี้รู้ว่าข้ากำลังสิ้นหวัง
“พี่เจ็ด... กินขนมของข้าแทนนะเจ้าคะ ข้าได้ยินว่าท่านชอบกินขนมถั่วกวน”
น้องสิบเอ็ดยื่นจานขนมถั่วกวนมาให้ข้า
ข้ามองด้วยความประหลาดใจ
“หากเจ้ายกให้ข้า แล้วเจ้าจะกินอะไร”
“แค่ข้าวถ้วยนี้ก็อิ่มแล้วเจ้าค่ะ”
“แล้วขนมเล่า”
“พรุ่งนี้ข้ายังมีขนมให้กินอีกมากเจ้าค่ะ”
คำตอบเจื้อยแจ้วนั้นทำให้ข้าอดเอ็นดูไม่ได้ แม้การต้องรับของจากผู้เยาว์วัยกว่าจะเป็นเรื่องหน้าไม่อาย แต่สำหรับคนที่ไร้หนทางเช่นข้า ข้ากลับคิดว่าเป็นบุญคุณที่ต้องทดแทน
ไม่ว่าผู้ใดที่ดีต่อข้า หนึ่งหยดน้ำทดแทนด้วยมหาสมุทร
ข้าลูบศีรษะของนางเบาๆ
“ขอบใจเจ้ามาก วันหน้าข้าจะพาเจ้าไปกินขนมอร่อยๆ เช่นกัน”
“จริงนะเจ้าคะ!”
“อื้ม ข้าสัญญา”