“หวานถ้ามากแบบนั้น คุณต้องมาเป็นเมียเก็บผมเลยนะ ไม่เอาแบบรายครั้ง” ธีร์พูดเชิงรำคาญ ในความมักมากของหญิงสาว
“เมียเก็บ” ชลธารทวนคำพูดเขาเบา ๆ มันจะต่างกันตรงไหน มันก็ขายตัวเหมือนกันนั่นแหละ ดวงหน้าสวยหวานเงยขึ้นมองเขา
“นานไหมคะ”
“สักปีหนึ่งเป็นไงแลกกับเงินสามแสน” ธีร์คิดไม่นานก่อนตอบออกมา
‘สามแสนปีหนึ่งตกเดือนละสองหมื่นห้า’
“หวานว่ามันนานไปค่ะคุณธีร์” คนคิดเลขเร็วรีบแย้ง ได้ยินเสียงธีร์ถอนหายใจอีกเฮือก
“งั้นผมให้รายเดือนเพิ่มอีกเดือนละสองหมื่น เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว”
‘แบบนี้ค่อยโอเคขึ้นหน่อย’
“งั้นโอเคค่ะ” ชลธารตอบออกไป ไม่ได้คิดถึงผลเสียอะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ผ่านเรื่องร้ายตอนนี้ไปก่อนก็พอ หญิงสาวมองธีร์ที่ดึงเช็คออกมา เขากรอกเลขจำนวนเงินลงไป พร้อมตวัดลายเซ็นแบบเร็ว ๆ ก่อนยื่นมาตรงหน้าของเธอ
“คุณต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่คอนโดผม”
“แต่หวานอยู่กับแม่นะคะ”
“ผมไม่รู้เรื่องนั้น คุณต้องแก้ไขปัญหาเอาเอง หรือไม่เอา” เขายื้อเช็คเอาไว้ ชลธารทำหน้างอเล็กน้อย ก่อนจะดึงเช็คออกมาจากมือของเขาเบา ๆ
“เอาค่ะ” พร้อมกับคำตอบอ่อยเบา
ธีร์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขามองคนที่ทำหน้างอบ้าง ตาโตอย่างตกใจบ้าง ก่อนจะยอมแพ้ในที่สุด คนที่เขาหมายปองไว้นั้น ไม่มีทางให้หลุดมือหนีไปไหนได้
“เดินมาหาผมหน่อยหวาน” เขาเคาะโต๊ะระหว่างพูด ชลธารกะพริบตาปริบ ๆ เหมือนไม่เข้าใจในความหมาย
“ผมไม่เอาที่ทำงานหรอกน่า ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผม” คราวนี้เขาเน้นเสียงให้หนักขึ้น เห็นหญิงสาวเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนเม้มเข้าหากัน แล้วลุกขึ้นเดินมาหาเขา
“นั่งลงตรงนี้” ธีร์ตบที่ตักตัวเองเบา ๆ อีกคนอ้าปากนิด ๆ พร้อมกับนิ่วหน้าหน่อย ๆ
“นั่ง” เขาย้ำอีกรอบ หญิงสาวถึงกับระบายลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด
พอก้นแตะตักของเขา ธีร์ก็คว้าหมับที่เอวแล้วมืออีกข้าง ยกบีบปลายคางให้รับจูบของเขาในทันที เขาจูบหนักหน่วงรุนแรง จนชลธารยกกำปั้นทุบอกเขาปึก ๆ แต่ไม่เจ็บหรอก เขาดึงข้อมือของหญิงสาว บังคับให้ไพล่หลังทั้งสองข้าง คราวนี้ทั้งอกทั้งหน้าก็หันหากันอย่างแนบชิด
“ไหนว่าไม่”
“ไม่เอาไง แต่จูบนิดจูบหน่อยได้”
‘ไม่นิดไม่หน่อยล่ะมั้งแบบนี้’
เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดังขึ้น ธีร์สบถออกมาอย่างขัดใจ เขายังไม่ปล่อยคนบนตัก ยื่นมือไปกดรับสาย
‘คุณปราณชลมาหาค่ะคุณธีร์’
‘ให้เข้ามาได้’
“คุณธีร์ปล่อยหวานก่อนค่ะ”
“ปล่อยทำไมคนกันเองไม่ต้องหรอก”
“คุณธีร์ !”
ประตูเปิดผลัวะเข้ามา แขกของธีร์ถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่ รีบหันไปปิดประตูให้เพื่อนอย่างตกใจ สายตาปะทะเข้ากับบางคน ก็ฉายแววเกรี้ยวกราดออกมาในทันที
“ทำอะไรประเจิดประเจ้อนะไอ้ธีร์” ปราณชลส่ายหน้าใส่เพื่อน กัดกรามแน่นจนโหนกนูน ซ้ำยังจ้องคนบนตักของธีร์แทบไม่วางตา
“ก็เราเพื่อนกันนี่ ฉันไม่เห็นจะต้องแอบ ๆ ซ่อน ๆ แกเลย” ไม่พูดเปล่ายังก้มลงหอมแก้มคนบนตัก อวดเพื่อนอีกต่างหาก
“ปล่อยหวานก่อนค่ะ” ชลธารเสียงเบาราวกระซิบ แววตาประหม่ากล้า ๆ กลัว ๆ ชอบกล
“ไม่เป็นไรหวาน นี่เพื่อนผมเอง ไอ้ปราณนี่น้ำหวาน” ธีร์คิดว่าหญิงสาวคงอายปราณชล เลยลุกลี้ลุกลนแบบนี้
“อืม” ปราณชลทำหน้าเฉยเมยใส่ ส่วนชลธารนั้นหน้าซีดหน้าเซียว หลังถูกปล่อยให้ลงจากตักแล้ว ลงมายืนทำตัวลีบอยู่มุมห้อง
ธีร์มองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ บรรยากาศชวนทะแม่ง ๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่เขานึกไม่ออกว่าทำไม
“หวานนี่ไอ้ปราณหรือคุณปราณชลเพื่อนผมเอง” ธีร์ทำเสียงดัง ๆ ให้หญิงสาวรู้ตัวว่าควรทำอย่างไร ชลธารตกใจเล็กน้อย ก่อนยกมือขึ้นไหว้เพื่อนของเขา ซึ่งปราณชลก็รับไหว้แบบลวก ๆ เหมือนกัน
“หวานขอตัวไปทำงานก่อนนะคะคุณธีร์” หญิงสาวบอกแล้ว ก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาไปเลย ไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตด้วยซ้ำ
“สงสัยหวานจะไม่ชอบหน้าแกว่ะไอ้ปราณ ดูสิขอตัวไปทำงาน ทั้งที่ยังไม่บ่ายโมงด้วยซ้ำ” ธีร์หันมาพูดขำ ๆ ใส่เพื่อนสนิทของตัวเอง ซึ่งตอนนี้กำลังยืนหน้าตึง มองตามบานประตูที่เพิ่งปิดลงเมื่อครู่นี้
“นั่งก่อนสิปราณ แล้วนี่มีธุระอะไรหรือเปล่า ถึงได้มาเป็นก้างขวางคอ ตอนกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันแบบนี้” ธีร์ผายมือเชิญเพื่อนนั่ง พร้อมประชดเล็กน้อยในตอนท้าย
“ฮึ กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน กลางห้องทำงานนี่นะไอ้ธีร์” คนทิ้งสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้มองคนพูดแบบเคือง ๆ
“อะไรของแกไอ้ปราณ ทำไมต้องทำหน้าหงิกหน้างอใส่ฉันด้วย เรื่องปกติของผู้ชายอย่างเรา ๆ อย่าทำเป็นไม่เคย ฉันว่าแกก็ต้องทำที่ห้องทำงานกับสาว ๆ บ้างล่ะ”
“ไม่เคยโว้ย อย่ามายัดเยียด แล้วปกติแกไม่เคยกินไก่ในวัดตัวเองนะไอ้ธีร์ แล้วนี่อะไรทำให้เปลี่ยนใจ หรือไก่มันมาอ่อยถึงที่”
“ไม่ใช่แบบนั้นโว้ย ฉันก็ยังยึดอุดมการณ์เดิม สมภารไม่กินไก่วัด แต่เรื่องของหวานมันเป็นความบังเอิญน่ะ” เขาทิ้งท้ายประโยคด้วยการยักไหล่หนึ่งที
“บังเอิญอะไร” อีกคนก็ถามต่ออย่างหมั่นไส้
“เรื่องมันซับซ้อนว่ะ”
“เล่ามา”
“จะอยากรู้ไปทำไมนี่”
“แกว่าฉันเป็นเพื่อนแกไงไอ้ธีร์ ฉันก็อยากรู้ว่าอะไรทำให้แก ลากผู้หญิงคนนั้น เข้ามาฟัดถึงในห้องทำงานได้” ปราณชลโน้มหน้ามาหาคนเป็นเพื่อนใกล้ ๆ จิ้มนิ้วลงบนพื้นโต๊ะแรง ๆ สองที
“ก็ได้ ๆ ในเมื่ออยากรู้ขนาดนี้ ฉันก็จะเล่าให้ฟังก็ได้ ฉันเจอหวานเมื่อคืนนี้ ตอนไปเลี้ยงขอบคุณลูกค้า คุณฟลินซ์ไงแกน่าจะรู้จัก จำได้ไหม”
“เออ จำได้พ่อลูกครึ่งหน้าหล่อ พ่อขวัญใจสาว ๆ ทั้งบริษัทคนนั้น แล้วยังไงต่อ”
“พอดีหวานเขาเป็นสาวนั่งดื่มน่ะ ฉันนี้อึ้งไปเลยใครจะคิด ว่าจะได้เห็นพนักงานของตัวเองทำอาชีพนี้ ตอนนั้นเลยหน้าด้านขอแลกตัวกับคุณฟลินซ์เขา ดีนะที่เขาให้แบบไม่สงสัย”
‘สาวนั่งดื่ม’ ดวงตาของปราณชลไหววูบไปเล็กน้อย แต่คนเป็นเพื่อนไม่ทันได้สังเกตเห็น
“แค่นั่งดื่มเหรอ” คำถามเบา ๆ นี้ทำให้ธีร์เลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ
“แกก็ถามแปลก ๆ เหมือนกับว่าไม่เคย มันก็ไม่ใช่แค่ดื่มน่ะสิโว้ย มันถึงได้เลยเถิดมานี่ไง” ธีร์ขึ้นเสียงดังใส่เพื่อนเล็กน้อย
“แล้วทำไมแม่สาวนั่งดื่มคนนั้น ถึงได้มานั่งตักแกในห้องนี้ได้ล่ะ”
“ฉันติดใจน่ะสิ”
ปราณชลหน้านิ่งหลังได้ยิน เขาสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออก เพื่อไม่ให้คนเป็นเพื่อนได้เห็น
“เลยต่อรองมาเป็นเมียเก็บซะเลย”
“เมียเก็บ !”
“ก็เออน่ะสิ จะเสียงดังทำไมวะ ก็หวานเขาเดือดร้อนเรื่องเงิน ฉันก็แค่ช่วยเหลือกันไป แต่ฉันไม่ให้คนในออฟฟิศรู้เรื่องนี้หรอก อยู่ที่นี่ก็ทำงานกันตามปกติทำเป็นเหมือนไม่รู้จักกันไปเลย เพราะปกติหวานก็ทำอยู่ส่วน ที่ไม่จำเป็นต้องเจอฉันอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงเจอล่ะ” ปราณชลถามคล้ายข้องใจ
“ก็เรียกมาตกลงเรื่องนั้นกันไง ฉันเพิ่งเซ็นเช็คให้ไป แกก็มาขัดจังหวะพอดี”
“เออ ฉันผิดว่างั้น”
“ว่าแต่แกมาหาฉันนี่มีธุระอะไร ไม่ต้องสนใจเรื่องฉันกับหวานหรอก ฉันเอาอยู่น่าไม่เสียงานแน่นอน”
“ก็แค่จะมาชวนไปดื่มสักหน่อย แต่คิดว่าแกคงไม่ว่างแล้วมั้ง” ปราณชลปรายตามองแบบระอาใจ
“แกไลน์มาก็ได้นี่”
“อยากมาเจอมาเห็นหน้าแกบ้างฉันผิดเหรอ”
“ผิดสิ เพราะแกมาหวานเลยหนีไปเลยเห็นไหม”
“ผู้หญิงสวย ๆ มีเป็นร้อย ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ สวยหรือก็เปล่า”
“ผู้หญิงมีเป็นร้อยของแก แต่ฉันเป็นคนแรกของหวานโว้ย เหตุผลแค่นี้พอไหม ฉันถึงอยากได้มาเป็นเมียเก็บของฉันคนเดียวยังไงล่ะ” คนพูดยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ตรงกันข้ามกับคนฟัง ซึ่งทำหน้าตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ธีร์นึกว่าเพื่อนอิจฉาความโชคดีของตัวเอง เลยคุยโวใส่ไปหลายเรื่อง ไม่ว่าจะความสวยที่ซ่อนรูปอยู่ใต้ชุดทำงานแสนมิดชิด หรือว่าความตามใจเขาของหญิงสาว ช่างว่านอนสอนง่ายเสียเหลือเกิน
“ฉันกลับล่ะ” คนทนฟังต่อไม่ได้ ถึงกับลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้
“อ้าวเฮ้ย ทำไมรีบกลับ”
“แกคงไม่อยากไปดื่มกับฉันหรอกวันนี้จริงไหม”
“มันก็คงจริง” ธีร์ยิ้มแบบยอมรับ เขามีแผนที่จะทำอะไรเยอะแยะในคืนนี้ กับแม่สาวที่เพิ่งหนีออกจากห้องไป
“ไปล่ะ” ปราณชลเดินไปเปิดประตู แล้วกระแทกปิดแรง ๆ โชคดีที่เป็นแบบระบบกันกระแทก เลยไม่เกิดเสียงดังอย่างที่เขาต้องการ
“มันไปทะเลาะกับใครมาวะ อารมณ์เสียอยู่ได้” คนในห้องส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แล้วหมุนไปมาอย่างอารมณ์ดี