“กว่าจะเข้าใจนะหวาน ทำไมบื้อแบบนี้นะ”
“หวานแค่ตกใจข้อสุดท้ายไปหน่อย เลยลืมแค่นั้นเอง”
“ตกใจข้อสุดท้าย หรือว่า” เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องอีกคนแทบไม่กะพริบตา
“อะไรคะ” ชลธารยังไม่เข้าใจคำพูดที่เขาเว้นว่างไว้
“นี่คุณตั้งใจจะมาจับผมจริง ๆ เหรอหวาน !” ธีร์ชี้นิ้วใส่หน้าหญิงสาว สายตาจ้องจับผิดเค้นเอาความจริงให้ได้
“ไม่ค่ะไม่ หวานไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ สาบานเลยก็ได้ค่ะ” หญิงสาวชูสามนิ้วขึ้นต่อหน้าเขา แววตาไหวระริกเหมือนคนหวาดกลัว คนเห็นถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหน้าไปด้วย
“จริง ๆ เลยนะหวาน”
“ก็หวานไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนนี่คะ เลยไม่รู้”
ถ้อยคำแสนซื่อที่บ่นออดแอดเบา ๆ พลอยทำให้ความหงุดหงิดก่อนหน้าของอีกคน บางเบาลงไปบ้าง ธีร์รู้ว่าเขาไม่ควรโกรธหญิงสาว คนไม่เคยเป็นเมียเก็บใครมาก่อน คงไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง เหมือนกับตัวเขาเอง ที่ไม่เคยซื้อใครเพื่อให้มาเป็นเมียเก็บนั่นแหละ
“เอ้านี่กุญแจกับคีย์การ์ด ผมเพิ่มชื่อคุณในคอนโดแล้ว คืนนี้ผมไม่ได้มานอนนี่นะต้องนอนบ้าน”
“ค่ะ” ชลธารแบมือรับกุญแจกับคีย์การ์ดจากเขา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกขังไว้ในห้องนี้ ไปตลอดหนึ่งปีเต็ม โดยไม่รู้ว่าเขาจะดีหรือร้ายด้วย เพราะนี้เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้นเอง
ก่อนออกจากห้องไป ธีร์เดินเข้ามาสวมกอดหญิงสาว พร้อมกับจูบหน้าผาก ไล่ลงมาตรงปลายจมูก แล้วหอมแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะจุ๊บที่ปากหนึ่งที
“นี่เรียกว่าจุมพิตห้าประการ”
เจ้าของจุมพิตทั้งห้ายิ้มเล็กยิ้มน้อย ใช้หลังนิ้วแตะพวงแก้มนุ่มเบา ๆ แล้วเดินผิวปากออกจากห้องนี้ไป อย่างคนอารมณ์ดี
‘จุมพิตห้าประการเหรอ ตลกจัง’
ชลธารหลับตาลงแน่นแล้วสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แหงนหน้าขึ้นด้านบน แล้วปล่อยออกมาจนหมดลม เธอกำลังเริ่มต้นชีวิตเมียเก็บอย่างแท้จริง
หญิงสาวเรียกแท็กซี่หน้าคอนโดมิเนียม เพื่อไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล อาการของท่านดีขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ายังพูดคุยไม่ได้ ต้องอยู่ในความดูแลของหมอไปอีกระยะหนึ่ง
“รีบหายเร็ว ๆ นะแม่” คนบนเตียงคนไข้ ยิ้มนิด ๆ ตรงมุมปากให้ลูกสาว
“หวานต้องกลับแล้วน้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่” คนเป็นลูกก้มไปหอมหน้าผากมารดาเบา ๆ ก่อนเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป
ชลธารกลับมาเก็บเสื้อผ้าในบ้านเช่าหลังน้อย ซึ่งตอนนี้ยังสามารถเช่าอยู่ต่อได้ เพราะยังไม่มีคนมาติดต่อขอซื้อ หลังเจ้าของประกาศขายมาพักใหญ่ ๆ หากวันไหนเขาขายออก คงต้องขยับขยายหาหลังใหม่อยู่ ซึ่งตอนนี้หายังไงก็ยังไม่เจอ ดูเหมือนขยับตัวไปทางไหนก็มีแต่รายจ่าย เงินที่ธีร์ให้มาก็หมดไปกับค่ารักษาพยาบาล เหลือค่าใช้จ่ายรายวันอีก นี่เธอขอผ่อนผันกับเขาไว้ก่อน ดีที่เขาให้ทยอยจ่ายได้ตามกำหนด
เรื่องนี้ไม่เท่าไหร่ หากมารดาของเธอหายดีแล้ว นั่นต่างหากล่ะ ที่ต้องหาคำตอบให้ท่าน ว่าทำไมลูกสาวคนนี้ถึงอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้
ชลธารใช้ชีวิตเมียเก็บ แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวคนอื่นจะมาเห็นและรู้เรื่องเข้า แล้วทำให้เธอลำบากในภายภาคหน้า ทำตัวมีพิรุธจนเพื่อนร่วมงานนึกสงสัย
“หวานเป็นอะไรลุกลี้ลุกลนเชียว” พราวฟ้าเพื่อนร่วมงาน คนที่แนะนำงานนั่งดื่มให้ชลธารเป็นคนทักถาม
“หวานกลัวน่ะพราว”
“กลัวอะไร”
“เอ่อก็เรื่องนั้นแหละ” คนพูดมองซ้ายขวา แล้วกระซิบเบา ๆ
“อ้อ ที่ไปเป็นผู้หญิงลับ ๆ ของคนนั้นเหรอ” พราวฟ้ายิ้มอย่างเข้าใจ หากไม่เดือดร้อนจริง ๆ เธอคงไม่แนะนำงานนี้ให้ชลธาร แต่ก็ไม่คิดว่าหญิงสาวจะไปตกปากรับคำ เป็นเมียเก็บของเศรษฐีหนุ่มเข้า อีกทั้งยังปิดบังเธอ ไม่ยอมบอกอีกว่าเขาเป็นใคร
“ชักอยากเห็นหน้าเสียแล้วสิ ว่าหนุ่มเศรษฐีคนนั้นจะหน้าตาหล่อเหลาแค่ไหน ถึงยอมทำให้หวานมอบทั้งตัวให้เขาแบบนี้ได้”
“หยุดเลยพราว ถ้าไม่ต้องการใช้เงินจริง ๆ หวานจะทำเหรอ โชคดีแค่ไหนที่เจอเขา อย่างน้อยก็ได้เงินมาก้อนโตได้ค่าผ่าตัดให้แม่พอดี ต้องขอบใจพราวมากนะ”
“ไม่ต้องขอบใจเลย พราวรู้สึกแย่จะตาย ที่ต้องแนะนำงานนั้นให้หวาน ถ้ามีเงินให้ยืมนะคงไม่แนะนำแบบนี้หรอก โอย หวานพราวขอโทษ" พราวฟ้ารู้สึกผิดจริง ๆ เหมือนเธอ จับเพื่อนโยนเข้าสู่ขุมนรกก็ไม่ปาน
“ไม่เป็นไร ๆ พราว อย่างน้อยหวานก็ขายให้เขาแค่คนเดียว ไม่ต้องมารู้สึกผิดหรอก” ชลธารบอกพร้อมกับแตะต้นแขนเพื่อนเบา ๆ
“ว่าแต่เขาคนนั้นเป็นใครเหรอหวาน บอกหน่อยสิพราวจะได้ช่วยดูให้ ว่าเขาโอเคไหม เผื่อเจอพวกชอบความรุนแรงขึ้นมาก็แย่น่ะสิ” พราวฟ้านึกห่วงในเรื่องนี้
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกพราวสบายใจได้ แล้วเขาก็มีกฎว่า ห้ามใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด หวานกลัวจะเก็บไม่อยู่ กลัวว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา แล้วเขาเรียกเก็บเงินคืน ถ้าถึงวันนั้นหวานจะหาที่ไหนไปคืนเขา จ่ายค่าผ่าตัดไปหมดแล้วนี่” ชลธารเอ่ยไป ก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายตามไปด้วย ดีที่สองสามวันมานี้เขางานยุ่งมาก เลยไม่ได้แวะไปหาเธอที่คอนโดมิเนียมอีก
“ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะหวาน ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ในตึกเดียวกันกับเราสักหน่อย จะมารู้เห็นเรื่องที่นี่ได้ยังไง กังวลเกินเหตุไปแล้วนะหวาน” พราวฟ้าส่ายหน้าใส่เพื่อนเบา ๆ เมื่อนึกหาเหตุผลในการกลัวไม่เจอ
“อื้อ นั่นสินะพราว หวานลืมนึกไป” ชลธารทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน พราวฟ้าไม่รู้เรื่องของธีร์นี่นา เธอเกือบเผยความจริงออกไปแล้ว แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างพราวฟ้าก็บอกไม่ได้ ธีร์ย้ำกับเธอจนเข้าใจแล้ว
“เอ๊ะ นั่นคุณธีร์นี่ มาทำอะไรที่แผนกของเรา ปกติไม่เคยเห็นลงมา” คำพูดของพราวฟ้า ทำให้อีกคนหัวใจเต้นแรงขึ้นมา รีบหันไปมองธีร์ด้วยความประหลาดใจ เขายิ้มทักทายทุกคน ด้านหลังมีหัวหน้าแผนกเดินตามต้อย ๆ อย่างตื่นตระหนก ทุกคนก็พลันลุกขึ้นยืนต้อนรับ ทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาในทันที
“หวานคุณธีร์มาทางเราด้วยเอาไงดี ๆ” พราวฟ้าทำตัวไม่ถูกแล้วในตอนนี้
ชลธารคิดว่าเขาไม่น่าจะเดินมาบริเวณนี้ได้ เพราะโต๊ะทำงานของเธอกับพราวฟ้า อยู่มุมสุดของแผนกเลยก็ว่าได้ ไม่ค่อยมีแขกคนไหนของแผนกเดินมาถึงตรงนี้
แต่แล้วเจ้าของบริษัทกลับตรงดิ่งมาทางนี้อย่างตั้งใจ ชลธารตัวแข็งทื่อพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ เมื่อธีร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอกับพราวฟ้า
“สวัสดีค่ะคุณธีร์” พราวฟ้ารีบยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนช้อย แล้วกระทุ้งศอกใส่เธอเบา ๆ ให้ทำตาม
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” ชลธารจำต้องยกมือขึ้นไหว้เขาตามคนเป็นเพื่อน ใบหน้าเห่อร้อนไปหมดแล้วในตอนนี้
“คุณเอกวัฒน์ครับ” ธีร์เรียกหัวหน้าแผนก แต่สายตามองที่โต๊ะของชลธารอยู่ แต่เป็นการมองแบบผ่าน ๆ ไม่ให้คนจับผิดได้
“ครับ ๆ”
“มุมนี้ว่างไว้แบบนี้เองเหรอครับ” เขามองไปยังพื้นที่ว่างตรงกระจก ที่อยู่ติดกับโต๊ะทำงานของชลธาร ซึ่งถูกปล่อยว่างไว้ ไม่ได้ใช้สอยให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
“ใช่ครับคุณธีร์ บางทีก็เอาไว้วางพวกกล่องเอกสารน่ะครับ” เอกวัฒน์ตอบแล้วก็โบกมือไล่สองสาวให้เข้านั่งประจำตำแหน่งให้เรียบร้อย
พราวฟ้ารีบเดินเร็ว ๆ ไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง ส่วนชลธารก็รีบทรุดตัวลงบนเก้าอี้ ทั้งที่หัวใจเต้นแรงระรัว จนแทบกระเด็นออกมาอยู่นอกอก นิ้วสั่น ๆ ทำท่าเคาะแป้นคีย์บอร์ด ทั้งที่ไม่รู้จะพิมพ์อะไรด้วยซ้ำ
ธีร์เหลือบตามองคนที่ก้มหน้าซีด ๆ มองแป้น เขาทำเป็นเดิน ไปหย่อนสะโพกพิงขอบโต๊ะทำงานของหญิงสาว เจ้าตัวก็ตาเหลือกขึ้นในทันที แต่เขาทำเป็นไม่สนใจ หันไปมองเอกวัฒน์ที่ทำหน้างง ๆ อยู่
“ผมว่าตรงนี้น่าทำเป็นที่พักผ่อนของแผนกนะครับ ผมเห็นว่าที่นี่ไม่มีห้องพักผ่อนเหมือนแผนกอื่นเขา เลยว่าจะให้เขาต่อเติมตรงนี้ให้ เอาต้นไม้มาลงด้วยจะได้สดชื่น เวลาเที่ยงจะได้มีที่นั่งเล่นกัน”
“จริงเหรอครับคุณธีร์ ขอบคุณมากครับ แผนกของเราเล็ก ๆ เลยไม่มีห้องพักส่วนตัว ถ้าได้ตรงนี้เป็นที่นั่งเล่นก็จะดีมากเลยครับ ทุกคนต้องผ่อนคลายขึ้นแน่”
“ครับเดี๋ยวผมให้คนมาออกแบบให้นะครับ”
“ครับคุณธีร์” เอกวัฒน์ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ หันหลังให้ธีร์แล้วยกกำปั้นขึ้นให้ตัวเอง
ระหว่างที่เอกวัฒน์หันหลังให้ ธีร์ก็เลื่อนแผ่นกระดาษสีขาวใต้ฝ่ามือ ไปให้คนที่นั่งทำตัวลีบอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก่อนลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปยังชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่ โดยมีเอกวัฒน์เดินตามหลัง ไปส่งเขาถึงประตูหน้าของแผนก
ชลธารมองค้อนเขาไปจนสุดทางเดิน ก่อนจะพลิกแผ่นกระดาษใบนั้นขึ้นมาอ่านดู
‘คืนนี้ผมไปหานะ’
คนบ้าไลน์มาก็สิ้นเรื่อง จะมาทำให้เธอใจหายใจคว่ำทำไม นี่เขาจงใจกลั่นแกล้งกันชัด ๆ
แต่เขามาก็ดีแล้ว เพราะเธอมีเรื่องต้องรบกวนเขาอยู่เหมือนกัน หญิงสาวฉีกกระดาษในมือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนโปรยลงถังขยะส่วนตัวข้างโต๊ะทำงานไป คิดไม่ออกว่าจะเริ่มพูด เรื่องแหกกฎที่เขาตั้งไว้จากตรงไหนก่อนดี