ตอนที่ 5

1870 คำ
พระพายสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เตรียมตัวเข้าบ้าน ถ้าใครรู้คงแปลกใจ เพราะภาพครอบครัวที่ใครๆ เคยได้เห็นนั้น ดูเป็นครอบครัวที่รักกันดีและแสนอบอุ่น หากแต่เพียงว่า ความเป็นพ่อค้าและนักธุรกิจที่มีอยู่ทั้งในตัวบิดาและมารดาทำให้ความเข้มงวดมาตกอยู่ที่ลูกสาวคนเดียว ซึ่งเป็นความหวังเดียวของ ครอบครัว “ไปไหนมา แม่โทรฯ ไปก็ไม่รับสาย แย่นะเราน่ะ” น้ำเสียงเข้มๆ ของมารดาทักทายลูกสาวที่ยิ้มจางๆ พนมมือไหว้ทั้งบิดาและมารดา “บ้านพี่ศศิค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ พอดีคุยกันเพลินไปหน่อย” “ดื่มมาหรือเปล่า ไปล้างหน้าล้างตาก่อนไหม ค่อยมารายงานเรื่องงาน พ่อกับแม่รอฟังอยู่ โรงแรมใหม่คืบหน้าไปถึงไหน” บิดามองดูลูกสาวที่มีอาการเหนื่อยล้า หลังจากถูกถามเรื่องงาน “ได้ตามแผนงานค่ะ ฝ่ายก่อสร้างทำงานทั้งกลางวันกลางคืน รับรองว่าเสร็จทันฤกษ์ยามงานเปิดตัวที่เราวางไว้แน่นอนค่ะ” พระพายรายงาน บาง ครั้งเวลาพูดคุยเรื่องงาน ความรู้สึกไม่เหมือนกับได้กลับมาบ้าน หรืออยู่กับครอบครัว แอบคิดอยู่บ่อยๆ ว่า บิดากับมารดาเหมือนเป็นเจ้านายมากกว่า แต่ถ้ามองในแง่ดี ความเป็นระเบียบ ความเข้มงวดต่างๆ ก็คงอยากให้ลูกสาวคนเดียวทำงานได้ดี มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในวงสังคม “แล้วมีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า วันนี้” มารดาถาม “เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ฝุ่นจัดการเรียบร้อยแล้ว” พระพายออกอาการหาว เพราะเป็นหนทางที่จะถูกปล่อยตัวให้ไปอาบน้ำอาบท่าและพักผ่อน “ยายศศิ เป็นอย่างไรบ้าง” บิดาของพระพายถามถึงศศิมา “สบายดีค่ะ ฝากกราบพ่อกับแม่มาด้วยนะคะ” พระพายยิ้มกว้างขึ้น เมื่อได้พูดถึงศศิมา เพราะทำให้นึกถึง เพื่อนร่วมรับประทาน อาหารอีกสองคน “รายนั้น งานของครอบครัวตั้งมากมาย กลับไปหมกตัวอยู่กับรีสอร์ท กลางป่ากลางดง งานสังคมก็ไม่ค่อยไปอย่างนั้นใช่หรือเปล่า” สิ่งที่มารดาพูดทำให้พระพายรู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยอยากตอบคำถามที่ถามมากนัก แต่ก็จำใจ เพราะไม่อย่างนั้น คงพูดถึงศศิมาอีกยาว “พี่ศศิก็ทำทุกอย่างนะคะ เท่าที่ฝุ่นทราบ ส่วนเรื่องรีสอร์ท เป็นเพียงความชอบส่วนตัว เท่าที่เล่าให้ฟัง พี่ศศิมีความสุขนะคะ เวลาได้ไปทำงานที่นั่น ฝุ่นว่า จะหาเวลาว่างไปพักผ่อนอยู่บ้างเหมือนกัน หลังจากโรงแรมแห่งใหม่เปิด ตัวเรียบร้อยแล้ว” พระพายถอนใจ ไม่น่าหลุดปากพูดเรื่องพักผ่อนออกไปเลย “เด็กสมัยนี้ คิดกันแต่เรื่องเที่ยว เรื่องพักผ่อน ถ้าจะไป ก็ไปต่าง ประเทศเลย จะมาเที่ยวอะไรป่าเขา ไปนอนได้แล้วไป เดี๋ยว พรุ่งนี้ตื่นสาย มีประชุมเช้าไม่ใช่หรือ” มารดาพูดเสียงเข้ม บิดาส่ายหน้าเล็กน้อย พอจะรู้สึกได้ว่า บางที่มารดาก็เข้มงวดกับลูกสาวมาก จนเกินไป “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝุ่นขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” “วิตามิน และยาบำรุงทั้งหลาย ทานให้เรียบร้อย แม่ต้องบ่นเราตั้งแต่เล็กจนโตป่านนี้ อ้อวันมะรืนมีงานเลี้ยง เราไปแทนแม่กับ พ่อด้วยนะ เลือกควงหนุ่มก็เลือกให้ดีหน่อย อย่าให้ใครเขามาว่าได้” มารดาพูดโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่หน้าจอทีวี พระพายถอนใจ คว้ากระเป๋าถือรีบขึ้นไปที่ห้องนอนตัวเองในทันที ถ้าวิ่งได้อยากจะวิ่ง เพราะกลัวว่า จะถูกเรียกกลับไปอีก “โคตรเหนื่อยเลยว่ะ พี่ศศิ” เสียงเตือนข้อความจากเครื่องโทรศัพท์ของพิมพ์พลอยดังขึ้น หลังจากอ่านข้อความ ทำให้รู้สึกสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับคนที่คงจะกดส่งข้อความผิด แต่ก็น่าแปลกนะ คนที่กลับบ้านไป น่าจะรู้สึกสบาย ได้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน เหมือนตัวเธอเองที่นอนเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่ “ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราหรือเปล่าวะ เนอะ ยายพิมพ์พลอย นอนดี กว่า” พิมพ์พลอยเลือกที่จะเข้านอน เพราะข้อความนั้นไม่ได้ เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่จะให้ไปบอกกับคนที่ส่งข้อความว่า ส่งข้อความผิดคนก็ไม่ใช่เรื่อง เดี๋ยวก็หาเรื่องกวน โมโหจนนอนไม่หลับอีก ศศิมาพรมจูบไปที่ไหล่ของดาริกา ที่หอบหายใจรวยระรินอยู่ในอ้อมกอด สาวน้อยน่ารักยังคนอ่อนหวานและร้อนแรง ศศิมา อมยิ้มมองดูคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ นึกถึงตัวเองซึ่งเคยหลงรักผู้หญิงที่ชื่ออักษรามานานหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้พบกับสาวน้อยที่พูดจากวนๆ ด้วยอยู่ตลอดเวลา กว่าจะพูดดีกันได้ก็เล่นเอานานโข และสาวน้อยคนนั้น ก็คือ ผู้หญิงคนที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเวลานี้ คนที่ทำให้รู้จักความรัก ความคิดถึง ดาริกาทำให้ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงแม้บางครั้งจะมีแง่งอนกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เข้าใจกัน ศศิมาเวลาโดนออดอ้อนก็อ่อนไหวใจละลายได้ทุกที จูบเล็กๆ ทาบทับไปที่หน้าผากของดาริกา “แรงดีจังนะคะ ไม่เพลียบ้างหรืออย่างไร พี่ศศิน่ารักที่สุดในโลกเลย” “ไปทำอะไรมา ถึงได้หมดแรงล่ะคะ” ศศิมาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก “โดนรังแก มีตรงไหนบ้างไหมที่ไม่ได้จูบ” ดาริกาทำคิ้วขมวด แต่ก็ยิ้มให้ศศิมา “คิดถึงมากไง เลยอยากให้รู้” “รู้ตั้งแต่เจอกันที่ห้องอาหารโรงแรมของไต้ฝุ่นแล้วค่ะ ภาษาสายตาชัดเจนกว่าคำพูดเสมอ สบตาแวบแรกก็รู้แล้ว ว่าคิดถึงมากขนาดไหน” “โห แบบนี้โกหกไม่ได้สิ รู้ทัน หมดกันพอดี” ศศิมาแสร้งทำบ่นงึมงำ “ไม่ต้องโกหก บอกดาวได้ทุกเรื่อง ถึงแม้วันหนึ่งพี่ศศิอยากจะเปลี่ยนใจ ถ้าวันหนึ่งเกิดคิดได้ว่า ไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วยกัน อยาก แต่งงาน อยากมีลูก พี่ศศิจะบอกดาว ตามตรงเลยใช่ไหม” คำถามฟังดูจริงจังมาก ศศิมาจึงกอดกระชับดาริกาเอาไว้ “ดาวจะบอกพี่เหมือนกันใช่ไหม ทุกเรื่อง เราจะไม่โกหกกัน” “ดาวไม่ชอบคนโกหก เพราะฉะนั้น ดาวจะไม่พูดโกหก” ดาริกาบอกแล้วเบียดใบหน้าให้แนบชิดกับหน้าอกของศศิมาที่กอดกระชับดาริกาให้แน่นขึ้นอีก “มีอะไรหรือเปล่า ถามแปลกๆ นะ” ศศิมาถาม “ไม่มีอะไรค่ะ ดาวรักพี่ศศินะ รักที่พี่ศศิเป็นแบบนี้ เกิดวันหนึ่งเราสองคนเปลี่ยนไป ความรัก ความทรงจำดีๆ จะอยู่กับดาวเสมอ” ดาริกายิ้มจางๆ อยู่ในอ้อมกอดของศศิมา “ไม่พูดแบบนี้ได้ไหม ฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย จูบพี่ดูสิ ถ้าดวงตาบอกอะไรได้ชัดเจนอย่างที่ดาวว่า สัมผัสที่มอบให้กัน น่าจะชัดเจน กว่าหรือเปล่า ดาวจะได้รู้ว่าพี่รักดาวมากมายขนาดไหน” ศศิมาเชยคางดาริกาให้มองสบตากับเธอ จูบอันอบอุ่นและอ่อนโยนได้ถูก มอบให้ดาริกาที่ยิ้มน้อยๆ “รู้ไหม ดาวน่ะ มีมนต์วิเศษ เสกให้พี่รักดาวให้มากขึ้นทุกวัน คิดถึงมากขึ้นทุกวัน เคยคิดนะ ว่าเลิกทำรีสอร์ทคงจะดี จะได้อยู่กับ ดาวอย่างนี้ทุกวัน ไม่อยากไปไหน” ศศิมายิ้ม จูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของดาริกา “หวานไปนะคะ พ่อกับแม่คงบ่นพี่ศศิแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ที่สำคัญท่านจะไม่ชอบขี้หน้าดาวล่ะสิ ขืนยึดลูกสาวสุดหวงเอาไว้คนเดียวแบบนี้ไหนจะหนุ่มๆ ที่มารุมล้อม ส่งดอกไม้ให้นั่นอีก” ดาริกาบ่นงึมงำ เมื่อพูดถึงหนุ่มๆ ที่ยังคงมารุมจีบศศิมา “หัวใจน่ะ อยู่กับคนนี้แล้ว ไม่ว่าหนุ่มไหน ก็ไม่ได้แอ้มหรอก” “ขอให้จริงเถอะ ไอ้ผู้ชายน่ะ ไม่ค่อยห่วง จะห่วงก็แต่สาวๆ นั่นล่ะ” “หวง หรือ” “มากค่ะ” ดาริกายิ้มอายๆ “ขอบคุณมากนะ ดาว ที่รักและดีกับพี่มากมายขนาดนี้ พี่จะดูแลดาวให้ดีที่สุด เหมือนที่บอกกับพ่อแม่ของดาวเอาไว้” “ขอบคุณค่ะ รักมากนะ รู้ไว้ด้วย ฝันดีค่ะ” “ฝันดี แม่คนดีของพี่” ศศิมาจุ๊บเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากของดาริกาสองสามที่ พอให้อีกคนยิ้มออกและหลับตาพริ้ม เบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นและหลับไปอย่างมีความสุข พระพายรู้สึกสบายตัวขึ้นหลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย ภาพรอยยิ้มกวนๆ ของใครบางคนผ่านเข้ามาในความคิด พระพายยิ้ม ล้ม ตัวลงนอนบนเตียงนอนอันแสนนุ่ม หลับตาเพื่อพักสายตา แต่ก็แค่เพียงครู่เดียว เด้งตัวลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดหาข้อมูลของ ใครบางคนจากอินเทอร์เน็ต “ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ ข้อมูลส่วนตัวเพียบเลย” พระพายยิ้มเมื่อเปิดดูรูปภาพของพิมพ์พลอย ซึ่งเป็นการประมวลภาพจาก งานต่างๆ ที่เธอเป็นทั้งพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ และนักข่าว เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้น พิมพ์พลอยงัวเงียเหลือบดูเห็นแสงสว่างวาบๆ จึงหยิบขึ้นมาพูดและหลับตาลงอีกครั้ง “สวัสดีค่ะ” เสียงงัวเงียที่ดังผ่านมาทางโทรศัพท์ ทำให้พระพายยิ้มกว้างมากขึ้น แต่ก็รู้สึกว่า เป็นการเสียมารยาท เพราะปลายสายคงจะหลับไปแล้ว จึงตัดสินใจเลือกที่จะวางสาย “ว่างนัก หรือไง” วางสายไปเพียงครู่เดียว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของพระพายก็ดังขึ้น น้ำเสียงกวนๆ ทำให้พระพายนั่งอมยิ้ม และรอฟังว่า คนที่โทรฯ เข้ามาจะว่าอย่างไรต่อ “ถามไม่ตอบ ถ้าอย่างนั้นด่าได้เลยสินะ” พิมพ์พลอยพูดเสียงเข้ม “ว่ามาค่ะ พร้อมฟังแล้ว” พระพายพูดยิ้มๆ และกำลังนึกภาพคนที่อยู่ฝั่งโน้นว่าเป็นอย่างไร คงแทบอยากจะกินเครื่องโทรศัพท์ เข้าไปแน่ “บ้าปะวะ ง่วงแล้ว มีไร” “ไม่มีไร อยากได้ยินเสียง” พระพายพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะกำลังคิดว่า ถ้าอยู่ใกล้ๆ คงโดนฝ่ามือตีเข้าที่ไหนสักแห่ง บนร่างกาย “อ้อค่ะ ได้ยินแล้ว ขออนุญาตไปนอนก่อนนะ เจ้าคะ สบายใจได้แล้วใช่ไหมล่ะ ได้ก่อกวน พลอยง่วงมาก ไม่อยากทะเลาะแล้ว อ้ออย่าให้เจอตัวก็แล้วกันนะ โดนแน่ นอนแล้ว ฝันดี ยายพายุเอ๊ย” พิมพ์พลอยพูดเสียยืดยาว แล้วก็วางสาย ไม่รอฟังอะไรจากพระพาย ซึ่งนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองโทรศัพท์ อยู่ ก่อนจะพูดกับโทรศัพท์ไปว่า “ฝันดี ยายจอมแสบ ขี้บ่น” พระพายยิ้มและหลับไปอย่างมีความสุข
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม