เช้าวันทำงานที่เร่งรีบของใครหลายคน อันที่จริงก็เหมือนปกติทุกวัน รถราจอแจ แต่วันนี้เป็นวันสบายๆ ของพิมพ์พลอย เพราะไม่มีงานข้างนอก ได้ทำงานอยู่ที่สำนักงาน ถือว่าเป็นความสุขอันยอดเยี่ยม ไม่ต้องฝ่ารถติดเพื่อไปในสถานที่ต่างๆ
“พี่พลอยคะ มีอาหารเช้าจากโรงแรมหรูมาส่ง โคตรไฮโซเลย ว่าแต่แบ่งหนูบ้างได้ปะ มาตั้งสิบกล่องแน่ะ พี่” เจ้าหน้าที่บุคคล ซึ่งนำของมาวางไว้ให้ที่โต๊ะทำงาน ยิ้มๆ จ้องมองคนที่ทำหน้าตาแปลกใจ
“ของใคร วะ”
“ไม่รู้ แต่พี่มอเตอร์ไซด์เอามาส่ง แจ้งชื่อพี่ หนูเลยหิ้วมาให้นี่ไง”
“แน่ใจนะ แก เอาไปกินมาเก็บเงินทีหลังตัวใครตัวมันนะเว๊ย”
“แน่ใจสิ มีชื่อพี่ติดที่กล่องนี่ไง ไปแระ ไม่รู้ล่ะ ค่าหิ้วมาส่ง กล่องหนึ่งนะ ขอบคุณค่ะ รักเลยแบบนี้ มีทุกวันก็ดีสิ”
พิมพ์พลอยมองไปยังของที่วางอยู่เต็มโต๊ะทำงาน ถอนใจเบาๆ หลัง จากเห็นที่กล่องว่า มาจากสถานที่ใด พอจะเดาได้ว่า คนส่งนั้นเป็นใคร
“เอาของกินมาฟาดหัว รู้แล้วล่ะ ว่ารวย” พิมพ์พลอยพูดจบ ก็ยิ้มๆ มองไปรอบๆ เห็นหลายคนกำลังจ้องมองมาที่เธอ แต่อันที่จริงแล้ว น่าจะจ้องมองมาที่กล่องอาหารที่วางอยู่มากกว่า ไม่นานนัก หลังจากพยักหน้าเท่านั้น เพื่อนร่วมงานก็ยิ้มและเดินมาหยิบไปคนละกล่อง จนเหลือกล่องสุดท้าย
“อันที่จริง แกไม่ต้องกินแล้วก็ได้มั้ง แค่รู้ว่ามีคนใส่ใจส่งอาหารเช้ามา
ให้ คงอิ่มใจแล้วล่ะนะ” ชายหนุ่มที่หยิบกล่องเกือบสุดท้ายพูดยิ้มๆ เป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ ซึ่งเป็นช่างภาพ พิมพ์พลอยมักได้ไปทำงาน
ด้วยบ่อยๆ
“คนนะ พี่ชัย ยังไงก็ต้องกิน แต่พี่ชัยควรจะชิมก่อนนะ เผื่อมียาพิษพลอยจะได้พาส่งโรงพยาบาล” พิมพ์พลอยหัวเราะ มองดูชัยพรที่ยืนหน้านิ่วมองดูกล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือ
“ยาเสน่ห์มากกว่าว่ะ ดูคนอื่นสิ หน้าตามีความสุขกับอาหารอร่อย ที่สำคัญฟรีด้วยนะ ไปดีกว่า ขอบใจนะ ไอ้พลอย ว่าแต่มื้อ
กลางวัน จะมีไหม เออแล้วไอ้คนส่งมันรู้ได้ไงวะ ว่าแกอยู่สำนักงาน” ชัยพรพูดจบ ก็เดินกลับไปทำงานยังอีกห้องหนึ่ง
“เออนั่นสิ ชื่อพระพาย มีพรายกระซิบละมั้ง” พิมพ์พลอยยิ้ม เปิดกล่องอาหารขึ้นมา ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเพื่อนร่วมงานดูมี
ความสุข เพราะเป็นอาหารเช้าที่อร่อยมาก หลังจากอาหารหมดกล่อง พิมพ์พลอยเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมากดถ่ายรูปเอาไว้ เพื่อนร่วมงานที่เดินผ่านมาเห็นเข้า จึงได้หัวเราะออกมา
“ไอ้บ้าพลอย ทำไมไม่ถ่ายก่อนกิน เหลือแต่กล่อง ถ่ายไว้ทำไรวะ ว่าแต่ว่า โคตรอร่อย มีทุกเช้าคงดี” เพื่อนร่วมงานยืนยิ้มแป้น
มองดูพิมพ์พลอย
“เยอะไป ทุกวันใครจะส่งล่ะคะ คุ๊ณ”
“นั่นสิ ใคร ไม่ใช่แฟนแก่แน่ๆ”
“คนรู้จัก” พิมพ์พลอยไม่รู้จะบอกอย่างไรว่าคนส่งเป็นใคร
“โคตรดี ถ้าเจอกันช่วยแนะนำให้รู้จักหน่อยนะ อยากรู้จักกับคนรู้จักของแกมาก ใจดีมาก อันที่จริงส่งกล่องเดียวก็ได้ นี่มาเป็นสิบ”
“แหมได้ของฟรีเข้าหน่อย อยากรู้จักขึ้นมา รู้แล้วจะหนาว รับรองรู้ว่าคนส่งเป็นใคร คราวหน้าแกอาจจะไม่อยากกินก็ได้นะ” พิมพ์พลอยถอนใจเล็ก น้อย ไม่รู้จะทำอย่างไร ควรจะโทรศัพท์ไปขอบคุณ หรือแค่ส่งข้อความไป เมื่อคืนก็บ่นๆ อะไรไปบ้าง ไม่แน่ใจนัก รู้สึกตัวเองเหมือนหลับๆ ตื่นๆ พูดพึมพำออกไป
“เพื่อนไม่เกี่ยวนะเว๊ย เรื่องกินฟรี กินได้ไม่ต้องสนิท แต่ท่าทางเขาคงอยากสนิทกับแกนะ ว่ามะ” พูดจบเพื่อนร่วมงานก็เดิน
กระหยิ่มยิ้มย่องกลับไปที่โต๊ะทำงาน พิมพ์พลอยถอนใจก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เสียงพระพายทักทายขึ้น เสียงสดใส จนทำให้คนที่โทรฯ ไปอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“รู้นะว่า รวยมาก แต่ไม่ต้องส่งมามากมายขนาดนี้หรอกนะ คนแถวนี้เคยตัวพอดี” พิมพ์พลอยพูดไม่ชัดนัก เสียงงึมงำอยู่ในลำ
คอ
“แล้วทาน หรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมาก อร่อยมากๆ คนอื่นๆ ฝากมาขอบคุณด้วยค่ะ แต่คราวหลังไม่ต้องแล้วนะ” ประโยคปิดท้ายการขอบคุณทำให้ยิ้มของพระพายจางลง
“ประโยคปิดท้าย ฟังแล้วปวดใจเนอะ ส่งไปให้พี่ศศิกับดาว ไม่เห็นว่าอะไรเลย มีแค่คำขอบคุณ ไม่มีคำว่า คราวหลังไม่ต้องส่งมาแล้วนะ”
“เกรงใจ อีกอย่างเราก็ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น พี่ศศิเป็นพี่สาวคุณนี่” พิมพ์พลอยได้ยินรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่อยากให้ส่ง
อะไรมาอีก
“พลอยก็เป็นเพื่อนกับฝุ่นสิ จะได้ไม่ต้องเกรงใจ ตกลงตามนี้นะ”
“เฮ๊ยๆ เดี๋ยว อย่าโมเม ตลกแระ ไม่ได้อยากมีเพื่อนเป็นไฮโซนะ อย่าๆ”พิมพ์พลอยพูดเสียงหลง จนคนที่อยู่ในบริเวณนั้น หันมามองเป็นตาเดียวแล้วก็ยิ้มให้ ทำเอาคนที่ส่งเสียงดังไปเมื่อครู่ออกอาการเขินอาย
“ทีพี่ศศิยังสนิทด้วยได้เลย รายนั้น ก็ไฮโซมาก” พระพายน้ำเสียงออกอาการงอแงเล็กน้อย พิมพ์พลอยแทบจะหลุดขำออกมา
“พี่ศศิ ติดดินจะตายไป”
“พลอยยังไม่รู้จักฝุ่นสักหน่อย คิดเอาเองว่า ฝุ่นอยู่บนฟ้า”
“ก็พลอยไม่ได้อยากรู้จักนี่” พิมพ์พลอยพูด
“ฝุ่นคงอยากทำความรู้จักอยู่ฝ่ายเดียว เห็นงึมงำบอกว่า ฝันดี เมื่อคืน นึกว่าเราญาติดีกันแล้วเสียอีก” พระพายยิ้มจางลง
“บางทีอะไรๆ หลายๆ อย่าง อาจจะไม่เหมาะสำหรับการคบหาเป็นมิตรเป็นเพื่อนหรอกนะ มันอาจจะทำให้เราสองคนอึดอัดก็ได้ เอาเป็นว่า เรา รู้จักกันก็พอแล้ว เรื่องอาหารหวังว่า จะไม่มีมาอีกนะ ไม่อย่างนั้น พลอยจะส่งคืน” พิมพ์พลอยพูดเสียงเข้ม รู้สึกเลยว่า ตัวเองเป็นคนร้ายกาจ แต่การจะมีเพื่อนเป็นสาวสังคมอย่างนั้น ท่าทางจะไม่ไหว
“ใจร้าย ทำคนอื่นเสียใจ มันบาปนะ รู้ตัวไหม” พระพายพูดเสียงเข้ม
“เออ ใจร้าย แล้วทำไม บาปก็บาป เดี๋ยวไปทำบุญล้างบาปเอา จบไหม ต้องไปทำงานแล้ว แค่นี้นะ” พิมพ์พลอยทำท่าจะวางสาย
“เวลาปกติใจร้ายที่สุด เอาไว้โทรฯ ไปคุยตอนง่วงดีกว่า น่ารักกว่านี้เยอะเลย วางก็ได้ คนใจร้าย” พระพายพูดจบก็ตัดสายไปในทันที
“ไอ้ไฮโซบ้าน กวนชะมัด” พิมพ์พลอยพูดยิ้มๆ หันไปเห็นเพื่อนร่วมงานที่ยังคงจ้องมองมา พร้อมด้วยรอยยิ้มแปลกๆ ทำให้ต้องรี
บหันกลับไปทำงานในทันที
พิมพ์พลอยโทรฯ ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ดาริกาอมยิ้มกับความกวนของเพื่อนรวมถึงพระพาย ซึ่งก็ชอบแหย่ ท่าทางจะแปลกๆ เหมือนที่ศศิมาพูดไว้เมื่อคืน ดาริกาหันไปยิ้มให้ศศิมาที่นั่งอมยิ้มจิบกาแฟอยู่ข้างๆ
“เปิดเสียงนะ พี่ศศิฟังอยู่ด้วย”
“กราบสวัสดีค่ะ พี่ศศิ” พิมพ์พลอยพูดแหย่ศศิมา
“กราบสวัสดีเช่นกันค่ะ คุณพลอย” ศศิมาหัวเราะ และโอบแขนกอดดาริกาเอาไว้
“อิจฉา จริ๊ง”
“อิจฉาเรื่อง” ดาริกาถาม
“ก็ได้นั่งกอดกันอยู่ที่บ้านไง ฉันเห็นนะ ว่าพี่ศศิกอดแกอยู่”
“ไอ้บ้า เสื้อผ้าไม่ได้ใส่ด้วยนะ แก” ดาริกาหัวเราะลั่น
“พี่ศศิ สวยไหมแก” พิมพ์พลอยหัวเราะคิกคัก
“ทะลึ่งแระ ชอบผู้ชาย จะมาถามสรีระผู้หญิงเพื่อ” ดาริกาอมยิ้ม
“ใส่เสื้อผ้ายังสวยขนาดนั้น ถ้าไม่มีสักชิ้น คงงามเน๊าะ พี่ศศิเน๊าะ”
“อือ คนแถวนี้ตาไม่กะพริบเลยล่ะ” ศศิมาบอกกับพิมพ์พลอย
“ฮิ้ว สิบแปดบวก อยากเห็นๆ”
“มีตบนะ ขอบอก” เสียงหัวเราะของสามสาวดังขึ้นพร้อมกัน เมื่อได้ยินคำพูดของดาริกา
“ถ้ามีผู้หญิงมาชอบฉันนะ แบบพี่ศศิ ฉันยอมเลย”
“ว่าที่เจ้าบ่าว ได้เอาปืนมาไล่ยิ่งล่ะสิ” ดาริกาส่ายหน้ากับความคิดของเพื่อน
“อ้าว แกเคยรู้มาก่อนหรือว่า ตัวเองชอบผู้หญิง”
“รู้สิ ฉันไปจีบพี่เค้าที่ร้านบ่อยๆ แต่พี่เขารักคนอื่น แห้วไป พี่บุ๊คไง เจ้าของร้านผักปลอดสารน่ะ” ดาริกาบอก
“เอ่อ คนนั้นน่ารักดี เสียดายมีแฟนแล้ว” พิมพ์พลอยรำพึงออกมา
“ไอ้พลอย แกพูดเหมือนจะไปจีบเลยนะ”
“ไอ้บ้า ล้อเล่น แฟนเขาได้มาด่าเอาสิ ขอคุยกับพี่ศศิก่อนนะ”
“มีอะไร ว่ามาจ้ะ”
“เรื่องน้องคนดีของพี่ศศิน่ะคะ” พิมพ์พลอยเริ่มพูดเกริ่น
“ไต้ฝุ่นไปทำอะไรให้รำคาญใจหรือเปล่า” ศศิมาถาม
“ส่งอาหารเช้ามาสิบกล่องค่ะ เช้านี้ พลอยโทรฯ ไปขอบคุณแล้วค่ะ”
“อือ แล้วไง มีอะไร”
“พลอย ไม่อยากไปยุ่งกับเขา” พิมพ์พลอยบอกตามตรง
“ไม่ชอบขี้หน้า ไต้ฝุ่นมันมากขนาดนั้นเลยหรือ พลอย”
“ค่ะ” พิมพ์พลอยคิดว่า บางทีคำตอบสั้นๆ อาจช่วยให้ศศิมาเข้าใจ
“ค่ะ คืออะไร ไต้ฝุ่นมันไปทำอะไรให้หรือเปล่า” น้ำเสียงของศศิมาฟังดูจริงจังอยู่มาก
“ก็มีค่ะ แต่ช่างมันเถอะ ถ้าพี่ศศิจะกรุณา ช่วยพูดกับคุณพระพายให้ทีได้หรือเปล่าคะ อย่ามาอะไรนักหนากับพลอยเลย ไม่ว่าจะ
ด้วยไมตรีหรือจะอยากเอาชนะก็ตาม” พิมพ์พลอยพูดสรุป
“ไม่อยากอยู่ใกล้ กังวล หรือกลัวอะไร หรือเปล่า แก” ดาริกาพูดเสริม
“คนอย่างฉัน เคยกลัวใครด้วยหรือ”
“นั่นสิ แล้วทำไมแค่เป็นเพื่อนกัน พลอยจะกลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย ว่าไหม” ศศิมาถามพร้อมกับอธิบาย
“บอกเขาไปแล้ว ว่าแค่รู้จักกันก็พอ”
“ใจร้าย” ดาริการำพึงออกมา
“เออ รู้แล้วว่า ใจร้าย ก็ฉันไม่ชอบเค้านี่” พิมพ์พลอยบอก
“พี่จะบอกไต้ฝุ่นให้ เพื่อความสบายใจของพลอย แต่ไอ้คำว่า คนรู้จัก ความหมายมันแค่ไหนกัน อันนั้นพี่ก็ไม่รู้นะ ว่าไต้ฝุ่นมันคิดอย่างไร แต่น้องพี่คนนี้ เป็นคนดี มีน้ำใจ พี่เอาเกียรติของพี่การันตีได้เลย” ศศิมาบอก
“คนดี เราก็ไม่จำเป็นต้องคบหา สนิทสนมไม่ใช่หรือคะ พี่ศศิไม่โกรธพลอยนะ ที่พลอยพูดตรงๆ”
“เออ เอาเป็นว่า พลอยไม่อยากคบหา อยากเป็นแค่คนรู้จัก ไม่ได้กลัวจะไปตกหลุมอะไรของไอ้ไต้ฝุ่นมันใช่ไหม” ศศิมาอมยิ้ม
มองสบตากับคนที่กำลังถูกโอบกอดอยู่
“อย่ามาต้อนพลอย ไม่สำเร็จแน่ค่ะ พี่ศศิ พลอยอยากมีครอบครัวนะ แบบคนทั่วไป” พิมพ์พลอยรู้ตัวว่า ไม่น่าจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นการพูดเพื่อที่จะจบเรื่องของพระพาย จึงเลือกที่จะพูดออกไป
“ไม่ได้ต้อน ถามว่า กลัวหรือเปล่า เอาไว้ถ้าพลอยเจอใครสักคนที่อยากอยู่ด้วยจริงๆ ภาพของคนทั่วไป อาจจะออกไปจากความคิดก็ได้นะ”
“เจอแล้วไม่กล้าเดินหน้า ป๊อดนะเว๊ย” ดาริกายิ้ม
“ไปกันใหญ่แล้ว ไปทำงานดีกว่า เหมือนโดนรุม ขอบคุณมากค่ะ พี่ศศิ ขอบใจนะ ดาว”
“มาที่บ้านไหมล่ะ จะได้คุยกัน” ดาริกาเอ่ยชวน
“ไม่ล่ะ แกจะได้อยู่กับพี่ศศิตามลำพัง ไปก็อิจฉาตาร้อน หวานกันเหลือเกิน” พิมพ์พลอยยิ้ม นึกถึงความน่ารักของดาริกาและศศิมา
“หมั่นไส้ นัดหนุ่มมากกว่า ไว้เจอกัน บายนะ แก”
“บาย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ พี่ศศิ”
“บายจ้ะ”