พระพายขับรถตามไปห่างๆ พิมพ์พลอยจัดได้ว่า เป็นคนที่ขับรถด้วยความเร็วค่อนข้างสูง ดื่มไวน์ไปมากพอสมควร ทำให้พระพายรู้สึกเป็นห่วง แต่คงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่า ขับรถตามไปจนกระทั่งอีกฝ่ายถึงบ้าน
“ขับรถแบบนี้ปกติ หรือเพราะฤทธิ์ไวน์กันแน่นะ” พระพายรำพึงออก มาเบาๆ รถยนต์ของพิมพ์พลอยกำลังเลี้ยวซ้ายเข้าซอยๆ หนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้คนที่ขับรถตามมารู้สึกโล่งใจ แต่ก็ยังคงขับตามไปห่างๆ เช่นเดิม จนกระทั่งเห็นพิมพ์พลอยจอดรถและเดินลงไปเปิดประตูบ้านหลังหนึ่ง พระพายจึงนำรถเข้าไปจอดรถอยู่ใกล้ๆ อย่างน้อยก็ทำให้สบายใจได้ว่า เจ้าของบ้านถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว
“นี่คุณนักข่าว ถามจริง ขับรถเร็วแบบนี้เป็นปกติหรือเปล่า” พระพายลงจากรถเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของพิมพ์พลอย
“ตามมากวนใจถึงบ้านเลยนะ ว่างนักหรืออย่างไรกัน คุณพายุ”
“ขับให้ช้ากว่านี้หน่อยนะ อย่างน้อยก็ต้องคิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นด้วย” พระพายพูดเสียงเรียบ ฟังดูจริงจัง พิมพ์พลอยหันขวับมาจ้องเขม็งทั้งๆ ที่ก่อนหน้ากำลังทำท่าจะขึ้นรถเพื่อขับเข้าบ้าน
“บ่นอะไรหนักหนา ก็ถึงบ้านแล้วอย่างไรล่ะคะ จะขับตามมาทำไมล่ะ มาถึงก็บ่นๆ ขี้บ่นมากนะ เราน่ะ” พิมพ์พลอยพูดจบก็ทำท่าจะกลับขึ้นรถ
“ไม่บ่นก็ได้ ถ้าดื่มอย่างนี้อีก เบาความเร็วลงหน่อยนะ มันอันตราย”
“เจ้าค่ะ บ่นจบหรือยังคะ ง่วงแล้ว กลับบ้านได้แล้ว” พิมพ์พลอยแอบยิ้ม เมื่อได้พูดกวนโมโหคนที่ยืนหน้าบูดอยู่ใกล้
“ใจร้ายมาก อุตส่าห์เป็นห่วง มาถึงบ้านน้ำสักแก้วเคยคิดจะชวนกินบ้างไหม หน้าตาก็ดี แต่ใจดำจริงๆ” พระพายพูดงึมงำ แต่ดังพอที่จะทำให้คนที่เป็นเจ้าของบ้านได้ยิน
“ไม่มีโซดานะ บ้านนี้” พิมพ์พลอยบอก
“น้ำเปล่าสักแก้วก็ได้ ถ้ามีน้ำใจล่ะก็” พระพายอมยิ้ม รีบวิ่งกลับไปขึ้นรถขับตามพิมพ์พลอยเข้าไปจอดในบ้าน และกดโทรศัพท์
ส่งข้อความแจ้งให้ศศิมาทราบว่า คนที่เป็นห่วงอยู่นั้นกลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว
ศศิมายิ้มๆ กับข้อความที่ได้เห็น ดาริกาแอบมาชำเลืองดู หลังจากเห็นรอยยิ้มแปลกๆ ของคนรัก
“แอบคุยกับใครคะ พี่ศศิ” ดาริกาแสร้งถามเสียงเข้ม
“ไม่ได้แอบสักหน่อย ดาวอ่านแล้วนี่” ศศิมาจูบไปที่แก้มของดาริกา ซึ่งหันมายิ้มหวานให้
“ไม่เห็นสักหน่อย”
“เหรอคะ ยายพลอยถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ไต้ฝุ่นส่งข้อความมาบอก” ศศิมายังคงอมยิ้ม เมื่อนึกถึงสองสาวที่เป็นไม้เบื้อไม้เมา
กัน
“แล้วยิ้มอะไรคะ ยิ้มแปลกๆ” ดาริกาหันมาถาม
“ไอ้สองคนนั้น มันแปลกๆ นะ ไอ้พลอยก็ไม่รู้ว่า ไม่ชอบไต้ฝุ่นเรื่องอะไร ไอ้เจ้าไต้ฝุ่นนั่นก็ ไม่รู้อยากเอาชนะ หรือว่าอยากเป็น
เพื่อนจริงๆ กันแน่ ปกติไม่เห็นจะเคยสนใจใคร นอกจากคนที่รู้จักคุ้นเคยกัน แต่กับไอ้พลอยดูท่า ทางเป็นห่วงเป็นใยอยู่พอสมควร
“พลอยมันอาจได้ยินคนอื่นพูดถึงไต้ฝุ่นมาไม่ดีก็ได้นะคะ บางทีอาจจะแค่พูดจากวนๆ แหย่เล่นก็ได้ พี่ศศิคิดมากไปหรือเปล่าคะ” ดาริกาถาม ศศิมาเอื้อมมือไปโอบไหล่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ไม่ได้กังวลอะไร เชื่อว่า เดี๋ยวคงเป็นเพื่อนกันได้ ว่าแต่ว่า คิดถึงพี่บ้างไหมคะ” ศศิมาอมยิ้ม มองสบตากับคนที่กำลังจ้องมอง
เธออยู่
“คิดสิ เป็นวินาทีเลยด้วย แอบเคืองสองคนที่มาบ้านเราเสียด้วยซ้ำ เพราะอยากอยู่กับพี่ศศิตามลำพัง” ดาริกาพูดแล้วยิ้ม
“ชื่นใจ รักตายเลยแบบนี้ มาขอกอดหน่อย” ศศิมาอ้าแขนออก
“กอดอย่างเดียว ก็พอเนอะ” ดาริกาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก
“น้องดาวคะ กอดอย่างเดียวไม่พอนะคะ พี่จะทำอย่างอื่นด้วย แต่น้องดาวอยู่นิ่งๆ ก็ได้นะ ถ้าอดใจไหว” ศศิมายิ้มทะเล้นให้ดาริกาที่ยิ้มอายๆ
“เสียเปรียบสิคะ ถูกจูบ แล้วไม่จูบตอบ คิดถึงคนตัวหอม คิดถึงริมฝีปากอุ่นๆ คิดถึงคนขี้อ้อน คิดถึงคนเร่าร้อน คิดถึงส่วนเว้าส่วน
โค้งเวลาพี่ศศิไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แล้วแบบนี้ยังคิดว่า ดาวจะอยู่เฉยๆ ได้ไหมล่ะ” ดาริกาพรมจูบไปที่ริมฝีปากของศศิมาที่ตอบรับอย่าง
อ่อนโยน แววตาของทั้งสองได้บอกรักกันโดยไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากสองร่างกายที่อยากชิดใกล้ด้วยความเสน่หา
พิมพ์พลอยเดินเข้าบ้าน โดยไม่ได้สนใจคนที่เพิ่งจอดรถ ซึ่งกำลังเดินตามเข้ามาในตัวบ้าน เจ้าของบ้านเข้าไปทำบางสิ่งบางอย่าง เสียงดังก๊อกแก๊ก อยู่ในครัวและกลับออกมาพร้อมน้ำดื่มกับผลไม้ พระพายยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นคน ที่เป็นเจ้าบ้านกำลังเดินออกมา
“มีผลไม้แถมให้ จะได้ไม่ว่า เจ้าบ้านใจร้าย” พิมพ์พลอยพูดด้วยน้ำ เสียงห้วนๆ แต่พระพายไม่ได้ถือสาอะไร เพราะการที่ให้เข้า
มาดื่มน้ำแถมด้วยผลไม้ ถือว่า มีไมตรีให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
“ขอบคุณมากนะคะ กินแล้วไม่ตายใช่ไหม” พระพายอมยิ้ม เมื่อเห็นดวงตาวาววับของเจ้าของบ้านกำลังจ้องเขม็งมาที่เธอ
“ไม่เลิกนะ ไม่กินก็กลับบ้านไป พลอยเหนื่อยอยากพัก”
“ขอโทษที่มารบกวนค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำเย็นชื่นใจ ผลไม้ค่อยมาทานวันหลังได้ไหม คุณนักข่าวก็หาอะไรอุ่นๆ ดื่มก่อนนอนด้วยนะ จะได้หลับสบายไม่ต้องตื่นมาปวดหัวกลางดึก หรือไม่ก็พรุ่งนี้เช้า ไปก่อนล่ะคะ หวังว่าเราคงได้เจอกันเร็วๆ นี้นะ ไม่อย่างนั้นคงเหงาปากแย่”
“กวนไม่เลิก ขับรถดีๆ ล่ะ ดึกแล้ว” พิมพ์พลอยยังคงพูดน้ำเสียงเข้ม
“เป็นห่วง ก็ขับไปส่งหน้าบ้านสิ” พระพายยิ้มทะเล้น
“ไป๊ กลับไปได้แล้ว ปวดหัว” พิมพ์พลอยดันหลังพระพายให้รีบออก ไปเร็วๆ แต่คนที่ถูกดันหลังอยู่ ก็แกล้งขืนตัวให้เดินออก
จากบ้านไปอย่างช้าๆ
“ไล่แบบนี้ระวังนะ จะเข้าไปอยู่ในฝันให้ดู ปิดบ้านดีๆ นะ คุณนักข่าว บ้านสวยดี ฝันดีค่ะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะส่งข้อความมาบอก รู้
นะ ว่าเป็นห่วง” พระพายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รีบวิ่งออกจากบ้านไปที่รถทันที หลังจากเห็นพิมพ์พลอยเงื้อมมือทำท่าจะตีเข้าให้
“ไอ้บ้า” พิมพ์พลอยยิ้มๆ เมื่อมองดูพระพายที่ขับรถออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเด็กที่กลัวจะถูกผู้ใหญ่ตี
พระพายอมยิ้ม เปิดเพลงแล้วก็ร้องคลอตาม ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำไมถึงได้อารมณ์ดี ทั้งๆ ที่เพิ่งโดนเจ้าของบ้านไล่ออก
จากบ้านมา จนต้องวิ่งแนบมาขึ้นรถและรีบขับบึงออกมาทันที รอยยิ้มน่ารักๆ ที่ได้เห็นตอนอยู่ที่บ้านของดาริกากลับมาให้นึกถึงอีกครั้ง น่าแปลกที่ทำไมถึงได้รู้สึกดี รู้สึกอยากเป็นมิตร อยากเป็นเพื่อนกับคนที่แสดงออกชัดเจนว่า ไม่ได้อยากคบหาสมาคมด้วยเลยสักนิด
“หรือ เพราะแค่อยากเอาชนะกันนะ” พระพายรำพึงออกมาเบาๆ ขณะกำลังจอดรถที่หน้าบ้านของตัวเอง
ภายในตัวบ้าน ซึ่งเป็นห้องรับแขก ไฟยังคงเปิดสว่างจ้าอยู่ พระพายถอนใจเล็กน้อย เพราะคาดเดาเอาว่า บิดากับมารดาคงยังไม่นอน รู้สึกอยากดุตัวเองนักที่ทำไมไม่โอ้เอ้ให้ดึกกว่านี้ จะได้ไม่ต้องกลับมาตอบคำถามประจำ วันโน่นนี่นั่น แต่คงทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านทั้งสองคงรู้แล้วว่า ลูกสาวคนเดียวกลับมาแล้ว หลังจากได้ยินเสียงของรถยนต์ของเธอ
“ถึงบ้านเรียบร้อย รู้นะว่าเป็นห่วง จอดรถหน้าบ้านปุ๊บ รีบรายงานตัว ฝันดีนะ แม่สาวเจ้าอารมณ์ ขอบคุณมากค่ะ ที่สร้างรอยยิ้ม
ให้” พระพายยิ้มเมื่อกดส่งข้อความถึงพิมพ์พลอย ซึ่งฝ่ายโน้นคงแปลกใจว่า ได้เบอร์โทรศัพท์มาได้อย่างไรกัน พระพายนึกขำตัวเองที่
แอบใช้โทรศัพท์ของพิมพ์พลอยตอนเผลอๆ ระหว่างที่อยู่ที่บ้านของดาริกา โทรเข้าเครื่องของตัวเอง จึงได้เบอร์ของพิมพ์พลอยมา อันที่จริงไม่ต้องเสียมารยาทขนาดนั้นก็ได้ เพียงแค่ขอจากดาริกาหรือศศิมา ทั้งสองคงยอมให้เบอร์โทรศัพท์มาแต่โดยดี แต่แบบนี้สิ ถึงจะตื่นเต้น อย่างน้อยคนรับข้อความ คงกำลังขบคิดอยู่ล่ะว่า ไอ้คนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าไปเอาเบอร์โทรศัพท์มาจากไหน พระพายอมยิ้ม เมื่อนึกถึงคนที่ไม่เคยจะพูดดีๆ ด้วยเลยสักครั้ง
“ไอ้ดาว” เสียงเข้มๆ ของพิมพ์พลอยทำให้ดาริกาแปลกใจ
“มีอะไร ก้างขวางคอเพื่อนตอนหัวค่ำยังไม่พอหรืออย่างไร นี่ฉันกำลังจะโดนพี่ศศิทำมิดีมิร้ายอยู่เลยนะ” เสียงหัวเราะเล็กๆ ของดาริกากับศศิมา ซึ่งดังแว่วๆ มาไม่ได้เบนความสนใจของพิมพ์พลอยเลยสักนิด
“ไม่ขำ ฉันมีเรื่องจะถามแก”
“ว่ามา ถามอะไรวะ มืดค่ำขนาดนี้” ดาริการำพึง เบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดของศศิมาให้แนบชิดมากกว่าเดิม พร้อมกดที่ปุ่มเปิดเสียง เพื่อให้ศศิมาได้ยินการสนทนาระหว่างเธอกับพิมพ์พลอยด้วย
“แกเอาเบอร์โทรศัพท์ฉัน ให้ยายไฮโซนั่นไป หรือ” ศศิมาอมยิ้มมองสบตากับคนที่กำลังแหงนหน้ามามองอยู่และส่ายหน้าปฏิเสธ
“เปล่านะ จะบ้าเหรอ ว่าแต่ ไต้ฝุ่นโทรศัพท์ไปหาแกหรือไง แต่ก็นะ ระดับนั้น หาเบอร์โทรนักข่าวได้สบาย ไม่เห็นแปลกตรง
ไหน” ดาริกายิ้มๆ นึกขำเพื่อนที่โทรศัพท์มาโวยวาย กับแค่เรื่องที่พระพายได้เบอร์โทรศัพท์ไป
“พี่ศศิ หรือเปล่า” พิมพ์พลอยถาม
“พี่ไม่รู้เรื่องนะ ยายพลอย ถึงจะรู้จักไต้ฝุ่นก่อน พี่ก็ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดนะ รักเท่าเทียมกัน” ศศิมายิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น ไม่รบกวนแล้วค่ะ”
“มีอะไร ไต้ฝุ่นโทรศัพท์ไปกวนใจ หรือ” ดาริกาถาม คิ้วขมวดด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไร อย่างไรกัน ระหว่างสองคนนี้
“ส่งข้อความมา มีฝันดีด้วยนะ ใช่เพื่อนเล่นปะวะ ไปให้พี่ศศิทำมิดี มิร้ายต่อได้แล้วแก ขอโทษที่มาขัดจังหวะ พี่ศศิคะ เบาๆ หน่อยนะ ถ้าจะกวนใจเพื่อนพลอยน่ะ แค่นี้มันก็หลงรักพี่หัวปักหัวปำแล้วค่ะ ฝันดีค่ะ ทั้งสองสาวเลย” พิมพ์พลอยอมยิ้ม เมื่อนึกถึงความ
น่ารักของคนที่อยู่ปลายสายทั้งสองคน
“ทะลึ่งล่ะนะ ไอ้พลอย ฝันดี ระวังนะ ไอ้ไต้ฝุ่นมันจะโทรศัพท์ไปบอกด้วยตัวเองว่า ฝันดี” ศศิมาหัวเราะออกมา ดาริกายิ้มๆ ที่ได้ยินศศิมาพูดแหย่พิมพ์พลอยออกไปอย่างนั้น
“ฝันดี ฝันหวาน ฝันถึงไต้ฝุ่นด้วยนะ แก บ๊ายบาย”
“สงสัยจะหัวเดียวกระเทียมลีบเสียละมั้ง เพื่อนและพี่แปรพักตร์เสียแล้วล่ะแบบนี้” พิมพ์พลอยรำพึงออกมา หลังจากวางสายจากดาริกา