ดาริกายิ้มๆ มองสบตากับศศิมาอยู่เป็นระยะ ไม่รู้ว่า พิมพ์พลอยทำไมถึงได้ไม่ชอบหน้าพระพายมากมายขนาดนี้ทำเหมือนไม่มีพระพายอยู่ด้วยในวงสนทนา ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ข้างกัน อีกคนได้แต่นั่งยิ้มและตั้งใจฟังจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ น่าจะเรียกคู่กัดหรือคู่ฟัดดี ดาริกาแอบยิ้มกับความคิดของตัวเอง
ศศิมายิ้มแปลกๆ เมื่อมองไปยังสองสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม คนหนึ่งรู้ จักดี รู้จักนิสัยใจคอ รู้ถึงความคิดในบางครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกคาดเดาไม่ออกว่า พระพายคิดอะไรอยู่ ชอบแหย่ ชอบหยอก ชวนต่อล้อต่อเถียง ซึ่งไม่เคยได้เห็นเลย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเฉพาะกับคนที่สนิทชิดเชื้อกันเท่านั้น
“อะ ของ ไต้ฝุ่น” ศศิมาส่งแก้ว ซึ่งมีน้ำแข็งกับโซดาให้พระพายที่ส่งยิ้มให้ด้วยความขอบคุณ
“กราบค่ะ พี่ศศิ” พระพายหัวเราะออกมา ศศิมากับดาริกาก็เช่นกัน ส่วนอีกคนนั่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลยสักนิด
“ยินดีรับใช้ค่ะ” ศศิมายิ้มมองไปทางอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พระพาย ซึ่งดาริกากำลังส่งแก้วไวน์ให้
“น่ารัก ไม่จำกัดจำนวนใช่มะ” พิมพ์พลอยยิ้ม ยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อน
“แน่สิจ้ะ ใครกลับก่อนแพ้ หรือใครหลับก่อนแพ้ดีคะ ไต้ฝุ่น” ดาริกาชำเลืองมองไปที่เพื่อนรักนิดนึง เห็นกำลังถลึงตาใส่อยู่ เลยแอบยิ้มๆ ให้กับพระพายซึ่งยิ้มตอบกลับมา
“เฮ๊ย ตกลงเอาจริงหรือนี่ งั้นเราไปอาบน้ำกันก่อนไหม” ศศิมาขยิบตาส่งสัญญาณให้ดาริกา ซึ่งพอจะเข้าใจว่า ศศิมาคงอยากให้สองคู่กัดได้อยู่กันตามลำพัง แต่คิดอีกทีก็แอบหวั่นใจ ว่าบ้านจะกลายเป็นสนามรบไหม เมื่อกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง
“อาบทีเดียวสองคน” พิมพ์พลอยพูดแหย่ศศิมากับดาริกา
“ไม่เคยล่ะ สิ แกน่ะ” ดาริกาพูด แล้วก็หัวเราะออกมา พิมพ์พลอยทำให้พระพายหัวเราะตามไปด้วย เสียงตีดังแปะจึงดังขึ้น ฝ่า
มือของพิมพ์พลอยปะทะเข้าที่แขนของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังแสดงท่าทางเจ็บปวดมากมายเสียจนคนที่เป็นคนตีต้องกลั้นยิ้มเอาไว้
แทบแย่
“หูย ปากว่ามือถึงนะเนี่ย ใจร้าย” พระพายออกอาการโอดครวญ แต่ศศิมาไม่ได้คิดว่า เป็นการโอดครวญ ดูเป็นการอ้อนคนที่ตีมากกว่า
“แปลกๆ นะ สองคนนี้” ศศิมาพูดขึ้น
“แปลกตั้งแต่ ไต้ฝุ่นดื่มแค่โซดากับน้ำแข็งแล้วล่ะ พี่ศศิ ถือศีลห้าหรือคะ คุ๊ณ” พิมพ์พลอยพูดเสียงสูง เรียกเสียงหัวเราะให้ทุก
คน
“อ๊ะ รู้นะว่า คิดอะไรอยู่” พระพายหันไปทางพิมพ์พลอย
“อะไร รู้ได้ไง ว่าคิดอะไร ตลกแล้ว” น้ำเสียงห้วนๆ นั้น กลับทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“ฝุ่นสร้างภาพอยู่ อย่าคิดนะ อย่าคิดว่าเป็นคนดี ไม่ดื่มสุรา”
“ร้อนตัวอะดิ ตอนแรกไม่ได้คิด ตอนนี้คิดแระ ว่าสร้างภาพชัดๆ เวลาออกงานก็เห็นดื่มนี่” พิมพ์พลอยพูด และหันมาประจันหน้า
กับพระพาย
“แน่ะ แอบสังเกตอีกต่างหาก รู้ด้วยว่า ดื่ม ยังไง ยังไงกันคะ”
“น่าโดนตืบมากเลย ดีนะที่ไม่สนิท” พิมพ์พลอยอมยิ้มกับคำพูดของตัวเอง
“ตกลงพี่กับดาว ยังไม่ควรจะไปอาบน้ำใช่ไหม เพราะกลับมาไต้ฝุ่นคงโดนไอ้พลอยตืบตายก่อนแน่” ศศิมาหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ
“พอรับมือไหวคะ เชิญตามสบายค่ะ พี่ศศิ แต่ท่าทางจะนานนะคะ”
“ทะลึ่งแล้วแก ล้อพี่ล้อเชื้อ ดาวไปอาบก่อน พี่จะเฝ้าไอ้สองคนนี้เอง เดี๋ยวตีกัน แอนตาซิลจะไม่มีเงินจ่ายค่าทำแผล นับแผลกันไม่ไหวแน่ๆ ดูสิ เจอกันแป๊บเดียวกัดกันไปมา แผลเหวอะแล้วเนี่ย” ศศิมายิ้มๆ กับหน้าจ๋อยๆ ของเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองคน
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดาวอาบน้ำเสร็จจะลงมาเฝ้าต่อให้ ไต้ฝุ่นระวังหน่อยนะ เพื่อนดาวน่ะ กัดไม่ปล่อยด้วยจะบอกให้” พิมพ์พลอยเงื้อมือทำท่าจะตีดาริกาอีกคน แต่รายนั้นว่องไว รีบวิ่งหนีขึ้นไปชั้นบนเสียก่อน
“เติมไวน์ไหม คุณนักข่าว” พระพายถาม หลังจากเห็นไวน์ในแก้วของพิมพ์พลอย พร่องไปเยอะ
“มือมี จัดการเองได้”
“ไอ้พลอย แกเป็นอะไร กินรังแตนที่ไหนมา ปกติเจอกันอารมณ์ดีทุกครั้ง หัวเราะเฮฮากันได้ยันสว่าง ระวังนะ ริ้วรอยจะขึ้นก่อนวัยอันควร อีตาโจจะไม่มาขอแต่งเอา” ศศิมาพูดแซวพิมพ์พลอย
“แม่เจ้า มีแฟนกะเขาด้วย” พระพายอมยิ้ม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดของตัวเอง
“ใส่รองเท้าผ้าใบ เบอร์เจ็ด ดีนะ วันนี้ไม่ใจร้อน” พิมพ์พลอยหันมาจ้องพระพายเขม็ง คนที่ถูกจ้องมอง ดูจะไม่ได้เกรงกลัวอะไรเอาเสียเลย
“ดี วันหลังจะได้ซื้อรองเท้ามาฝาก ชอบใส่ผ้าใบหรือคะ” พระพายทำเป็นยื่นหน้ายื่นตาเข้าไปใกล้ๆ พิมพ์พลอยรู้สึกหมั่นไส้มาก จึงดึงจมูกโด่งๆ ของพระพายแล้วบิดไปทางซ้ายที ทางขวาที
“พอแล้ว ไอ้พลอย พลาสติกที่จมูกไต้ฝุ่นหักพอดี” ศศิมายิ้ม
“เอ๊า ของปลอมหรือนี่ ได้ข่าวว่าสวย” สองสาวยังคงไม่ลดราวาศอกต่อกัน พระพายจับที่จมูก ซึ่งคาดว่าคงจะแดงอยู่พอสมควร
“ถ้าปลอมละก็ บิดขนาดนี้ คงต้องวิ่งไปทำจมูกใหม่แล้ว รุนแรงมาก ผู้หญิงอะไรเนี่ย สงสารว่าที่สามีในอนาคตจริงๆ”
“เอ๊า ยัยพายุนี่ ไม่เลิกนะ”
“พูดดีๆ กับฝุ่นสิ ฝุ่นพูดดีๆ กับคนที่พูดดีๆ กับฝุ่นได้นะ ไม่เชื่อก็ลองดู กล้าปะล่ะ” ศศิมาหลุดขำออกมา แต่ก็ต้องหยุด เพราะสายตาดุๆ ของคนที่นั่งข้างๆ พระพาย แต่ก็อดที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้
“เอาไว้สอพอ ตามงานก็แล้วกัน เอ๊ะ แต่เจอคงจำไม่ได้หรอก คอตั้งตั้งแต่เข้างานยันออกจากงาน คงมองใครไม่เห็นหรอกเนอะ”
“คิดว่า ฝุ่น เป็นแบบนั้นจริงๆ หรือ ฝุ่นไปทำอะไรให้ไม่สบายใจ ต้องขอโทษด้วยนะ เวลาไปงาน เจอนักข่าวเยอะแยะ บางทีไม่รู้ใครเป็นใคร แถมยังคำถามอะไรที่ไม่ควรถาม ฝุ่นก็แค่ไม่อยากตอบ ฝุ่นขอโทษ เพราะถ้าทำอะไรลงไป ฝุ่นไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ” พระ
พายไม่รู้เหมือนกันว่า ก่อนหน้านี้ เคยทำอะไรให้พิมพ์พลอยรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า
“คนกระทำ ไม่เห็นต้องจำอะไรอยู่แล้ว อย่างนั้นหรือเปล่าล่ะเจ้าคะ คุณพระพาย สาวไฮโซ”
“ไปกันใหญ่แล้ว สองคนนี้ หยอกล้อกันพอหอมปากหอมคอ นี่เริ่มจะกลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งแล้วนะ” ศศิมาพูดเสียงเข้ม ทำ
ให้ทั้งสองสาวที่พูดต่อล้อต่อเถียงกันเงียบไป
“ฝุ่นขอโทษค่ะ พี่ศศิ ขอโทษ คุณด้วย คุณพิมพ์พลอย”
“พลอย” เสียงศศิมาเข้มขึ้นมากกว่าเดิม
“ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด จะมาขอโทษพลอยทำไมกัน พลอยก็แค่ไม่อยากพูดด้วย ไม่อยากคบหาสมาคม เรานั่งกันเงียบๆ ก็ได้ ดีกว่าไหม ไม่อย่างนั้นคงโดนพี่ศศิดุด้วยกันทั้งคู่” พิมพ์พลอยดูจะไม่ยอมที่จะญาติดีด้วยเลยสักนิด
“แต่ฝุ่นอยากเป็นเพื่อนนะ ฝุ่นถึงขอโทษ ฝุ่นอยากญาติดี อยากคุยด้วยดีๆ” พระพายพูดเสียงอ่อยๆ
“ไม่ลองเปิดโอกาสทำความรู้จักกันจริงๆ ดูบ้าง ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ เราสองคนคงต้องเจอกันอีก อาจจะที่บ้านนี้ หรือตาม
งานสังคมต่างๆ ไฮโซมีตั้งเยอะแยะ ไม่เห็นแกเคยจะอะไรนักหนาเหมือนไต้ฝุ่นเลยนี่” ศศิมาพูด
“เหมือนโดนพี่ศศิดุอยู่เลยนะคะ รักน้องลำเอียงหรือเปล่า” ศศิมาลุกขึ้นไปเขกหัวพิมพ์พลอยที่หัวเราะออกมา พระพายยิ้ม เมื่อ
ได้เห็นรอยยิ้มสวยๆ ของพิมพ์พลอย ซึ่งทำให้รู้สึกสุขใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ไม่ได้ดุ แต่พี่รู้จักไต้ฝุ่นดี กับพลอยพี่ก็รักเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ไอ้เจ้าไต้ฝุ่นก็เหมือนกัน เอาเข้าจริง เวลาลับฝีปากกันก็สนุกดีนะ แต่ขอแค่หอมปากหอมคอดีกว่า อย่าถึงกับทะเลาะกันเลย ตกลงตามนี้ แค่หยอกกันก็พอ เนอะ ทั้งสองคน” ศศิมาพูดสรุป
“แสดงว่า รบต่อได้ ไม่โดนดุ ใช่ไหมคะ พี่ศศิ” พิมพ์พลอยพูดแหย่ ศศิมา ซึ่งเป็นคล้ายพี่สาว มีในหลายครั้งที่ได้รับคำเตือน คำแนะนำทั้งเรื่องราวในชีวิตและเรื่องการทำงาน
“ไหวไหม ไต้ฝุ่น” ศศิมาถาม แต่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว อย่างพระพายเคยยอมใครเสียที่ไหน ศศิมาอมยิ้มมองสบตากับพระพายที่กำลังยิ้มอยู่เช่นกัน
“โดนเอ็ดกันละสิ สองคนนี้ เสียงพี่ศศิดุ ได้ยินไปถึงข้างบนเลยค่ะ”
“เปล่านะคะ ไม่ได้ดุเลยสักนิด แค่ห้ามทัพ สองคนนี้ตั้งท่าจะทะเลาะกัน พี่แค่ห้ามไว้ แต่เสียงคงเข้มไปหน่อย อาบน้ำมาตัวหอมเชียว” ศศิมาหอมแก้มดาริกาเสียงดังฟอดใหญ่ ทำเอาคนโดนหอมออกอาการเขินอาย
“พี่ศศิคะ เดี๋ยวเถอะนะ” ดาริกาพูด แล้วยิ้มอายๆ
“เดี๋ยวอะไรแก เดี๋ยวเถอะนะ ลำเอียงหอมข้างเดียว หรือเปล่า”
“ไอ้พลอย เดี๋ยวจะโดนนะ แก” ดาริกาพูดดุพิมพ์พลอย
“น่ารักดีจังเลยค่ะ ฝุ่นไม่เคยเห็นพี่ศศิน่ารักกับใครแบบนี้มาก่อนเลยนะ รู้อย่างนี้มาทำความรู้จักดาวนานแล้ว เห็นแล้วอิจฉา ว่าแต่ว่า ถ้าอยู่กันตามลำพัง พี่ศศิของดาว น่ารักมากกว่านี้หรือเปล่าน๊า” พระพายยิ้ม ชำเลืองมองไปทางพิมพ์พลอย ซึ่งนั่งอมยิ้มตั้งใจฟัง ทำให้รู้สึกสุขใจที่ได้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างมีความสุข เวลาเผลอๆ ไม่ตั้งป้อมชวนทะเลาะ น่ารักดีในความรู้สึกของพระพาย
“น่ารักมากค่ะ ดาวมีความสุขทุกวัน ตั้งแต่มีพี่ศศิเข้ามาในชีวิต ถึงแม้จะมีงอนมีทะเลาะกันบ้าง” ดาริกายิ้มมองสบตากับศศิมาที่
ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน
“คุณพายุ สงบศึกชั่วคราว แค่สิบนาที กลับบ้านกันดีกว่า พลอยว่า เราสองคนอยู่เป็นก้างขวางคอกันนานแล้ว อีกอย่างพลอยชักมึนๆ กลับเถอะ เนอะ” พิมพ์พลอยยิ้มเจื่อนๆ ให้พระพายที่อมยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายเริ่มพูดดีๆ ด้วย ถึงแม้จะเพียงชั่วครู่ก็ตามที
“ชื่อ ไต้ฝุ่น ไม่ใช่พายุ สักหน่อย แต่ไหนๆ พูดด้วยดีๆ ขนาดนี้ กลับก็กลับค่ะ เห็นไหมล่ะ ฝุ่นเป็นคนน่ารัก ว่าง่ายจะตาย ว่าแต่ลุกไหวหรือเปล่า”
“ยาวและเยอะ แค่นี้ไม่ไหวได้ไง ลาล่ะคะ พี่ศศิ ไปนะ แก”
“ขับรถดีๆ นะ ระวังด่านนะจ๊ะ โดนจับล่ะก็ ดังแน่แก” ดาริกาพูดแซวเพื่อนรักที่หันมาทำหน้ายักษ์ใส่
“อย่าแช่งสิ ไอ้ดาว” พิมพ์พลอยพูดดุเพื่อน
“ขับดีๆ ล่ะ ฝากด้วยนะ ไต้ฝุ่น” ศศิมาพูดตามหลังพิมพ์พลอยที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว
“ถึงพี่ศศิไม่บอกฝาก ฝุ่นก็จะขับตามไปส่งอยู่แล้วค่ะ” พระพายยิ้มให้ศศิมาและดาริกา
“ขอบคุณมากนะ ไต้ฝุ่น ไอ้พลอยมันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ปากร้าย แต่จิตใจดี จริงๆ เป็นคนน่ารักมาก ขับรถดีๆ นะ” ดาริกาบอกกับพระพายที่อมยิ้ม ทำตาโตเล็กน้อย เมื่อได้ยินดาริกาชมพิมพ์พลอย
“ฝุ่นจะพยายามเชื่อนะ ว่าเพื่อนของดาวน่ะ น่ารัก” พระพายหันมายิ้มให้ดาริกาและศศิมา ก่อนที่จะรีบเดินตามพิมพ์พลอยออกไป