"แม่หนูมาแล้ววันนี้อาจารย์สั่งการบ้านเยอะเหมือนกลัวหนูจะโง่เลย" ฉันเดินเข้ามาในร้านน้ำเต้าหู้ที่ดังขึ้นชื่อที่สุด(ในซอย)แล้วประนมมือไหว้แม่แล้วเดินไปหลังร้านเพื่อที่จะเก็บกระเป๋าเตรียมช่วยแม่ขายน้ำเต้าหู้
แต่ทว่ายังไม่ทันที่ฉันจะเดินไปถึงหลังร้านกลับมีคนตัวสูงที่คลับคล้ายคลับคราหน้าคุ้นๆกำลังนั่งมองฉันอยู่ที่โต๊ะภายในร้าน
"ไงเต้าเจี้ยว" เมื่อเขาเห็นว่าฉันยืนมองเขานิ่ง ร่างสูงจึงเอ่ยทักขึ้น แต่โทษทีนะคะนั่มมันไม่ใช่ชื่อฉันโว้ย!
"เต้าหู้ค่ะ" ฉันกระแทกเสียงกลับพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
แต่อีกคนกลับไหวไหล่ไม่แคร์ แล้วพูดสวนขึ้นมาหน้าตาเฉย
"ฉันพอใจจะเรียกแบบนี้"
"มาทำไมคะ จะมาเรียกค่าเสียหายเหรอ" ฉันเอ่ยถามขึ้นอย่างหวั่นๆ เพราะจำได้ว่าเมื่อวานได้ตกลงกับเขาแล้วว่าเราจะจากกันด้วยดี..
"ฉันแค่จะมากินน้ำเต้าหู้ ไม่ได้มาเรียกค่าเสียหายอะไร" เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆผิดกับฉันที่แทบจะร้อนรนราวกับไฟติดก้นเพราะกลัวแม่จะรู้
"นาย..เอ้ย พี่บอกแม่หนูหรือเปล่า?" ฉันเอ่ยถามเสียงเบาพร้อมกับเสมองไปด้านหลังอย่างหวาดระแวงกลัวแม่จะได้ยิน
"เธออยากให้รู้หรือไง" มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นอย่างยียวน นี่เขาจงใจมาปั่นประสาทฉันชัดๆงานการไม่มีทำแล้วหรือไง
"ขอเตือนไว้เลยนะคะ ถ้าฟ้องแม่ละก็โดนกระบวยฟาดแน่" ฉันพูดขู่เสียงกร้าวบ่งบอกว่าเอาจริงอย่าได้มาท้า หากแต่คนฟังกลับหัวเราะออกมาเบาแล้วใช้นิ้วเคาะโต๊ะราวกับกำลังคิดอะไรอยู่จนฉันเองก็คาดเดาไม่ได้
"ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยว่ะ" เขายิ้มเยาะออกมาราวกับคำขู่ของฉันเป็นเรื่องตลก
"หนูพูดจริงนะ" ฉันใช้ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของตัวเองจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาจริง
"มานี่ดิเต้าเจี้ยว" เขาเอ่ยเรียกพร้อมกับกระดิกนิ้วเรียกฉัน คนนะโว้ยไม่ใช่มาที่จะกระดิกนิ้วเรียกแล้วฉันต้องสั่นหางวิ่งเข้าไปหาน่ะ
"อะไรคะ" ฉันเบะปากเดินเข้าไปใกล้แล้วถามด้วยน้ำเสียงติดรำคาญนิดๆ
"ฉันอยากกินน้ำอัดลม" เขายื่นแบงค์พันให้ฉันแล้วออกคำสั่งเสียงเรียบ
"นี่ร้านน้ำเต้าหูค่ะไม่ได้ขายน้ำอัดลมถ้าจะกินก็ไปซื้อร้านหน้าปากซอยนู่น"
"ก็ไปซื้อสิ"
"ห้ะ?"
"ก็ไปซื้อมาให้ฉันสิ ปากฉันอยู่ไม่นิ่งอาจจะเผลอเล่าเรื่องเมื่อวานให้แม่เธอฟังก็ได้"
"....."
"ถ้าได้อะไรมาปิดปากไม่ให้ปากฉันว่างฉันก็อาจจะไม่พูด"
"กระดูกหมูร้านข้างๆมีนะคะ รับรองทั้งคืนก็ไม่ว่างค่ะ" ฉันชี้ไปยังร้านต้มซุปข้างๆแล้วหันมาส่งยิ้มใสซื่อแฝงยาพิษใส่เขา
"เอาไว้แทะเองเหอะเต้าเจี้ยวปากดีแบบนี้ ฉันว่าน่าจะ..."
"เต้าหู้ไปส่งของให้ลูกค้าด้วย" ยังไม่ทันที่เขาจะพูดเสียงทรงอำนาจที่สุดในร้านก็เรียกชื่อฉันดังลั่น
"เดี๋ยวหนูไป" ฉันหันไปตะโกนบอกกลับพร้อมกับเชิ่ดหน้าใส่เขาไปยังหลังร้านแล้วเอากระเป๋าวางไว้ แล้วเดินออกมายังหน้าร้าน
ทว่าเมื่อเดินออกมากลับไร้เงาของคนตัวสูงที่เคยนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ ทำตัวยังกับผีผลุบๆโผล่ๆนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป
"เอ้า มัวแต่ยืนเหม่ออยู่นั่นแหละลูกค้าเขาไม่ใช่พระเจ้าที่จะส่งกระแสจิตไปถึงได้นะเต้าหู้" คำพูดของแม่ทำเอาฉันต้องหันขวับมามองแม่สุดสวยด้วยสายตาอ่อนใจ
"รู้แล้วน่ะแม่ เดี๋ยวหนูจะไปส่งให้ไวอย่างกับเดอะแฟรชเลย" ว่าจบก็รีบวิ่งไปคว้าถุงเต้าหู้ที่วางเอาไว้แล้วควบจักรยานน้องตุ๊ดตู่สีชมพูคู่ใจปั่นไปยังที่อยู่ของลูกค้า
"น้ำเต้าหู้มาส่งแล้วค่ะ" ฉันหันซ้ายหันขวามองหาลูกค้าที่ให้มาส่งเมื่อได้ส่งเสียงเรียกไปสักพัก
วี้ดวิ้ววว~
เสียงผิวปากดังขึ้นใกล้ๆพร้อมกับผู้ชายร่างสูงกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้าหาฉันเรื่อยๆ นี่มันไอ้พวกที่ต่อยตีกันเมื่อวานหนิ
"ไม่นึกว่าสั่งแล้วจะมาส่งจริงๆด้วย" หนึ่งในชายหนุ่มกลุ่มเดียวกันพูดขึ้นเสียงเรียบด้วยสายตาน่ากลัว
"พวกพี่สั่งเหรอ" ฉันยิ้มถามแสร้งทำเป็นไม่กลัวแต่กลับถอยหลังเพื่อระวังตัวจนพวกเขาสังเกตุได้
"ใช่ แต่ขอจ่ายเป็นอย่างอื่นแทนเงินละกัน" สิ้นเสียงพูดฉันก็ใส่เกียร์หมาปั่นจักรยานหนีไอ้พวกนั้นไม่คิดชีวิต
"อย่าหนีสิวะ"
"แล้วจะอยู่ให้โง่เหรอ เป็นแกจะหยุดไหมไอ้โง่ โอ๊ยเหนื่อย" ฉันตะดกนตอบกลับไปยังไอ้พวกนักเลงที่วิ่งตามรถจักรยานของฉันมา
น้องตุ๊ดตู่สู้นะลูกอย่าทำให้แม่ผิดหวัง
"กรี๊ดดดด หลีกไป๊!" ฉันตะโกนบอกเมื่อมีใครบางคนกำลังขวางทางอยู่ แต่เมื่อใบหน้าคมหันมาตวัดดวงคมกริบมองอย่างไม่สบอารมณ์ทำให้ฉันต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจเพราะเขาคือคนก่อนหน้านี้ ไอ้ผู้ชายปากร้ายนิสัยรวยคนนั้น
แต่แล้วรอยยิ้มที่ผุดขึ้นกลับต้องหุบลงทันทีเมื่อตุ๊ดตู่ลูกรักดันเบรคไม่อยู่ ด้วยความเร็วที่แม้กระทั่งเดอะแฟรชยังตามไม่ทันทำให้ฉันไม่สามารถควบคุมรถจักรยานเอาไว้ได้
"แงงง เบรคไม่อยู่แล้วช่วยด้วย!" ฉันหลับหูหลับตาตะโกนออกไปหวังจะขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างเลยทำคนตัวโตที่ยืนอยู่พูดขึ้นเสียงดัง
"โดดสิวะ จะลงไปในคูน้ำหรือไง โดดลงพุ่มไม้ข้างทางสิจะได้ไม่เจ็บยัยโง่"
**** ไม่มีหรอกพระเอกแสนดี มีแต่พระเอกปาก...แค่นั้น??