เพียงแรกพบสบพักตร์ก็รักเจ้า EP.3

1069 คำ
ชวาลา พิริยะศักดิ์ บุตรชายคนเดียวของเจ้าพระยาพิริยะศักดิ์ ข้าราชการสำคัญในกระทรวงมหาดไทย มารดาคือหม่อมราชวงศ์ประกายดาว สกุลเดิมพรหมกุล พระญาติในเสด็จพระองค์หญิงตำหนักริมน้ำ ซึ่งเป็นเสด็จป้าของท่านชายดนัยเทพรังสรรค์ ชวาลาเป็นพระสหายของท่านชายมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง จนกระทั่งไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยกัน สนิทสนมรักใคร่กันมากจนแทบจะเข้าไปกินนอนอยู่ในตำหนักริมน้ำที่ท่านชายทรงพำนักอยู่ “อ้าว...นั่นไงมาพอดี” ชายหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเป็นชายร่างสูง แต่เตี้ยกว่าท่านชายดนัยเทพรังสรรค์กับชวาลาเล็กน้อย หน้าตาคมสัน ในชุดผ้าม่วงหางกระรอก สวมเสื้อราชปะแตนไม่ต่างกัน เป็นบุตรชายของมหาดเล็กเก่าแก่ในวังของเสด็จพระองค์หญิง และเสด็จฯ ทรงชุบเลี้ยงส่งเสียให้เรียนต่อพร้อมๆ กับภาติยะ พีระจึงจงรักภักดีต่อเสด็จพระองค์หญิงกับท่านชายมาก ถึงขั้นยอมตายถวายชีวิตแทนให้ได้ “นั่นสิกระหม่อม ทำไมฝ่าบาทถึงได้ทรงดำเนินเร็วนัก กระหม่อมกับคุณต้นเดินตามหากันให้ควั่ก ทรงดำเนินมาไกลจนถึงที่นี่เลยรึ” พีระพูดพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ในมือมีกล่องสีสวยถืออยู่ “ฉันเดินเล่นมาเรื่อยๆ” ท่านชายก้องเกือบจะพลั้งโอษฐ์รับสั่งเรื่องนางในฝันที่ทรงพบตัวจริงเมื่อครู่ให้ทั้งสองฟัง แต่ยั้งโอษฐ์ไว้ได้ทัน “ทรงดำเนินเล่นมาเรื่อยๆ นี่นะ มันไม่ใช่ใกล้ๆ เลยนะ กระหม่อมซื้อของเสร็จก็มองไม่เห็นฝ่าบาทแล้ว แต่ยังแลเห็นคุณต้นอยู่ เพราะมัวแต่มองหาฝ่าบาท หันมาอีกทีคุณต้นก็หายไปอีกคน” พีระพูดด้วยน้ำเสียงยังไม่คลายจากอาการเหนื่อยหอบนัก “จริงของพีระ ทรงดำเนินมาจนถึงตรงนี้ไม่ใช่ใกล้ๆ เลย แล้วพักตร์ของฝ่าบาทเหตุใดจึงดูแปลกๆ เป็นอะไรไปรึเปล่าหม่อม” ชวาลาเอ่ยถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะจากจุดที่เดินมาจนถึงตรงนี้ไม่ใช่ใกล้ๆ ขนาดเขากับพีระเดินตามมายังถึงกับหอบแฮกๆ “ไม่ได้เป็นอะไรดอกน่า” ทรงปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่ภายในหทัยนั้นโหวงไหว ราวกับหทัยทั้งดวงสูญสิ้นไป ทรงถามพีระเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพระสหาย เนื่องจากอีกฝ่ายพูดไม่ผิดความจริงไปนัก ไม่รู้ว่าอะไรดลพระทัยให้ท่านทรงดำเนินมาไกลถึงตรงนี้ได้ “แล้วแกซื้ออะไรมาเป็นของขวัญวันเกิดให้หญิงแต้วหรือพีระ” “ผ้าเช็ดหน้ากระหม่อม” พีระตอบด้วยสีหน้าปั้นยาก “แกซื้อผ้าเช็ดหน้าเป็นของขวัญวันเกิด เขาไม่ถือกันดอกรึ” ท่านชายทรงถามเสียงเรียบ “หม่อมคิดว่าถือกันนะ เพราะได้ยินมาว่าคนเป็นคู่รักห้ามให้ผ้าเช็ดหน้ากันเป็นอันขาด ถือว่าจะเป็นลางไม่ดี กลัวจะต้องเอาไว้ซับน้ำตาน่ะฝ่าบาท” ชวาลาเป็นผู้ตอบ “ผมไม่รู้จะซื้ออะไรจริงๆ นะครับคุณต้น ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าซื้ออะไรก็ได้ ผมเลยซื้อผ้าเช็ดหน้านี่แหละ ซื้อซะครึ่งโหลเลย” พีระตอบเสียงอ่อยๆ “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ” ท่านชายตรัสอย่างไม่ใส่พระทัยนัก ชวาลาส่ายหน้าก่อนเอ่ยออกมาตรงๆ “หม่อมคิดว่าเรื่องผ้าเช็ดหน้าคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าประเด็นที่ว่า ถ้าคุณหญิงแต้วรู้ว่าของขวัญชิ้นนี้ฝ่าบาทไม่ได้ทรงซื้อด้วยพระองค์เอง จะรู้สึกอย่างไร” “ถ้าแกกับพีระไม่ปริปากบอก หญิงแต้วจะรู้ได้อย่างไร” ท่านชายรับสั่งตอบอย่างไม่ใส่พระทัย ราวกับคนที่รับสั่งถึงหาได้มีความสำคัญไม่ ชวาลาหันไปมองหน้ากับพีระแล้วต่างพากันถอนหายใจ นึกสงสารหญิงสาวที่ถูกพูดถึงขึ้นมาทันที “ถ้าอย่างนั้น เรารีบไปที่งานกันเถอะ เย็นมากแล้ว ป่านนี้คุณหญิงแต้วคงนั่งรอฝ่าบาทแล้ว” ดวงพักตร์งามสมชายพลันเคร่งขรึมลง เมื่อทรงคิดว่าจะต้องไปร่วมงานฉลองวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของหม่อมราชวงศ์วิไลเลขาหรือคุณหญิงแต้ว ที่ดำรงฐานะเป็นคู่หมายที่จะต้องหมั้นกันในอนาคต ซึ่งท่านชายเองทรงบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ทรงเหลียวหานางในฝันอีกครั้งเพราะทรงหวังว่าจะเจอเธอ แต่ก็สิ้นหวังเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงา หรือนางในฝันของท่านเป็นนางฟ้าจริงๆ ถึงได้หายตัวไปรวดเร็วนัก! “ทรงมองหาใครหรือกระหม่อม” ชวาลาทูลถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่านชายเหลียวเนตรคล้ายกับเหลียวหาผู้ใดอยู่ “ปละ...เปล่าหรอก เรารีบไปกันเถอะ แต่วันนี้ฉันอยากนั่งรถรางนะต้น พีระ แกเอารถยนต์จอดไว้แถวนี้แหละ ค่อยมาเอาวันรุ่งขึ้น” สาเหตุที่ท่านชายอยากประทับรถราง เพราะทรงหวังว่าจะเจอเธอบนนั้น และการที่เอารถจอดไว้แถวนี้ก็ทรงหวังอีกเหมือนกันว่าจะเจอเธออีกในวันรุ่งขึ้น “รถราง ฝ่าบาทนี่นะจะประทับรถราง” ชวาลากับพีระถามขึ้นพร้อมกันอย่างแปลกใจ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไง ท่านชายดนัยเทพรังสรรค์ราชนิกูลผู้แสนจะโก้หรูในวงสังคมชั้นสูงจึงอยากประทับรถรางที่ส่วนใหญ่คนธรรมดาเท่านั้นถึงใช้บริการ “ทำไมฉันจะขึ้นรถรางไม่ได้ ฉันก็เป็นคนธรรมดาเหมือนแกสองคนนั่นแหละ” ท่านชายตรัสเสียงเข้ม “ตามพระทัยฝ่าบาทแล้วกัน” ชวาลาไม่อยากขัดพระทัย เพราะดวงพักตร์ของอีกฝ่ายดูหงุดหงิดชอบกล ผิดกับก่อนหน้าที่ยังทรงอารมณ์ดีอยู่เลย หลังจากรอให้พีระกลับไปนำรถยนต์มาจอดแถวๆ นี้ตามพระประสงค์ ทั้งสองก็พาท่านชายขึ้นไปประทับบนรถรางตรงส่วนหน้าซึ่งเป็นเบาะนุ่ม เพื่อจะได้ประทับสบายๆ แล้วก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนในรถทันที เพราะด้วยเครื่องแต่งกายที่โก้หรูของทั้งสาม ที่ผิดแผกแตกต่างจากคนบนรถ แต่สายตาดังกล่าวไม่ได้ทำให้ท่านชายดนัยเทพรังสรรค์สนพระทัยแต่ประการใด ได้แต่สอดส่ายพระเนตรหาผู้หญิงคนนั้นบนรถ แต่ก็ไม่เจอเหมือนเดิม พระกริยาดังกล่าวของท่านชายสร้างความสงสัยให้เกิดแก่ชวาลากับพีระไม่น้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม