“นี่ก็ห้องของฉันเหมือนกัน” เขาว่าพลางยกเท้าตั้งบนโต๊ะ
“หื้อ นี่มันห้องของหนูค่ะ ห้องของนางสาวโมราห์ ทองพิน ไม่ใช่ห้องของลุง และห้องนี้มันเป็นชื่อของหนูที่เป็นผู้เช่า” เธอยืนเท้าเอวตรงเก้าอี้ที่เธอนั่ง แต่สำหรับกุมภัณฑ์เขาเห็นเธอเป็นแค่หุ่นตุ๊กตาธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
“ฉันถูกส่งมาให้มาปกป้องเธอ” เขากล่าวออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ปกป้องหนู ปกป้องจากอะไร หนูโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ค่ะ อีกอย่างหนูเป็นลูกมีพ่อมีแม่ แล้วลุงเป็นใคร ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่”
“เออนา พูดมากจริง บอกว่าถูกส่งมา ก็ถูกส่งมาซิ ยังจะถามมากอีก แล้วอีกอย่างเลิกเรียกฉันว่าลุง ชื่อฉันกุมภัณฑ์ จำเอาไว้” เขาสบถอย่างหัวเสีย พลางบอกชื่อของตนให้กับหญิงสาว
“ลุง เอ๊ย! พี่กุมภัณฑ์ชื่อเหมือนในวรรณคดีของไทยเลย แต่ทำไมชื่อแปลกจัง ใครเป็นคนตั้งให้เหรอ” เธอว่าพลางสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวใหญ่ ที่สนใจแต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจอสี่เหลี่ยมขนาดกลาง
“ไม่รู้ จู่ ๆ ฉันก็ได้ใช้ชื่อนี้ อย่าถามมาก ฉันหิว ไปทำอะไรให้ทานหน่อยซิ” กุมภัณฑ์ไล่ให้หญิงสาวทำกับข้าวให้เขา
ก่อนหน้าที่กุมภัณฑ์จะมาอยู่บนโลกมนุษย์ เขาได้ศึกษาการใช้คำพูดต่าง ๆ ที่ไม่มีคำว่า ข้า, เจ้าอยู่ในประโยค แต่มนุษย์จะใช้คำเรียกแทนตนเองแตกต่างกันออกไป รวมไปถึงการใช้คำเรียกผู้ที่มีอายุมากกว่าตน
เขาใช้เวลาศึกษามานับแรมปีจากท่านยมทูต ที่มาปฏิบัติหน้าที่บ่อยที่สุด กว่าเขาจะจำได้ขึ้นใจ เผื่อว่าวันใดเขามีโอกาสดี ๆ ได้มาปิกนิกบนโลกมนุษย์ เขาก็อยากสัมผัสสาวมนุษย์บ้างเป็นธรรมดา ว่าความอร่อยระหว่างเนื้อมนุษย์กับในโลกใต้บาดาลที่เขาอาศัยอยู่มันแตกต่างหรือไม่
“มาอยู่ห้องคนอื่น แล้วยังจะมาใช้เจ้าของห้องทำอาหารให้ทานเนี่ยนะ ลุง เอ๊ย! พี่กุมภัณฑ์เป็นผู้ชายแบบไหนกันหา” เจ้าตัวที่นั่งขมวดคิ้วอยู่ข้าง ๆ เขา
แต่ชายหนุ่มทำได้แค่เหลือบสายตามองคนข้าง ๆ ที่จมูกของเขาได้กลิ่นน้ำยาสระผมที่ลอยแตะเข้าจมูกของเขาด้วยความบังเอิญ แต่ทว่ามันกลับทำให้ความเป็นชายของเขากลับผงาดขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ก็ฉันเป็นคนแบบนี้ ไปทำมาให้ทานเลยนะ ฉันจะรอทานฝีมือของเธอ” กุมภัณฑ์ผลักไหล่หญิงสาวให้ลุกออกจากโซฟาที่นั่งห่างเขาไปเพียงไม่กี่เซ็น
“ก็ได้ ๆ ค่ะ หนูเห็นว่าเป็นคนหล่อหรอกนะ ถ้าไม่หล่อไม่ทำให้ทานหรอก” เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยพลางลุกออกจาโซฟา แต่เผอิญว่าชุดนอนกระโปรงที่เธอสวมใส่ มันกลับปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดมาจากหน้าระเบียง ที่กุมภัณฑ์เปิดทิ้งเอาไว้ เผยให้เห็นกางเกงชั้นในสีชมพูบาง ๆ
ชายหนุ่มเมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็แอบหวั่นใจอยู่ไม่น้อย ว่าหญิงสาวผู้นี้อาจจะทำให้เขาหลงรักเธอหัวปักหัวปำจนถอนตัวไม่ขึ้น ตามที่นางไว้ก็ได้
“ว้าย!!! พี่กุมภ์ ทำไมถึงไม่ปิดประตูหน้าระเบียงคะ แล้วนี่เห็นอะไรรึเปล่า” เจ้าตัวตกใจจนร้องออกมา พร้อมกับมือที่ทาบลงบนกระโปรงชุดนอน พลางหันตัวไปหาเขา
“ปะ เปล่า ๆ ไม่เห็นอะไรเลยนิ รีบไปทำได้แล้ว ฉันจะได้พักผ่อน” ใบหน้าดุของเขากลับมีเลือดฝาดตรงแก้ม เขาตอบกลบเกลื่อน และหันไปสนใจรายการที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยม
“ถามแค่นี้ ทำไมจะต้องดุด้วย” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ แล้วจัดแจงทำอาหารให้เขา
อาหารมื้อค่ำสุดแสนจะง่ายดายเพียงไม่กี่นาทีก็ทำเสร็จเรียบร้อย นั้นก็คือ ไข่เจียวหมูสับ ที่ทำออกมาถึงสองจาน เพราะเจ้าตัวทำเผื่อตนเองด้วย อีกอย่างฝนตก ๆ เธอเลยไม่ได้แวะข้างทางหาอาหารสดตุนไว้ในห้อง
“สีเหลือง ๆ กับสีขาว ๆ เขาเรียกว่าสิ่งใดกัน” กุมภัณฑ์ใช้ช้อนเขี่ยเข้าไปที่ไข่เจียวหมูสับที่มีสีเหลืองอร่าม กับข้าวสวยร้อน ๆ ที่มีควันลอยฟุ้ง .
“หื้อ พี่กุมภ์ ไม่รู้จักไข่เจียว” เธอแทบจะไม่เชื่อหูว่าเขาไม่รู้จักไข่เจียว ด้วยสีหน้าฉงนแปลกใจ “ก่อนจะเป็นไข่เจียว มันจะเป็นไข่เป็นฟองแบบนี้ก่อนค่ะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบไข่ไก่ที่ตั้งอยู่บนแผง มาให้ชายหนุ่มดู “เขาเรียกว่าไข่ไก่ค่ะ ส่วนสีขาว ๆ มันคือข้าวค่ะ เม็ดข้าวที่ชาวนาหลังคดหลังแข็ง ตั้งแต่การปลูกต้นข้าวในนา การเกี่ยวข้าว ไหนการสีข้าว เมื่อทำการหุงโดยผสมน้ำ มันก็จะออกมาเป็นข้าวสวย
“ว่าแต่มันอร่อยเหมือนที่เจ้ากล่าวมาหรือไม่” กุมภัณฑ์ใช้ช้อนตักอาหารที่อยู่ในจานอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“ทำไมการพูดการจาของพี่กุมภ์เปลี่ยนไปล่ะคะ อย่างกับหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ เลย” เธอก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดี คิ้วที่ขมวดเป็นปมจนเห็นได้ชัด
“อ๋อ เอ่อ ๆ ข้าดูหนังบ่อยไป เอ๊ย! ฉันชอบดูหนังแบบนี้เลยติดคำพูดมา” กุมภัณฑ์เผลอใช้คำพูดที่เขาชินปากมานานหลายร้อยปี
“ว่าแต่ พี่กุมภ์ไม่รู้จักไข่เจียวหมูสับ กับข้าวสวยเหรอคะ เป็นผู้ชายที่พิลึกจัง ทำอย่างกับว่าเพิ่งเกิดมาบนโลกมนุษย์” เจ้าตัวว่าพลาง เอามือเกาศีรษะด้วยความงงงวยของเขาแบบนี้แหละค่า” โมราห์ว่าพลางสาวเท้าไปหยิบเมล็ดข้าวสีขาวที่ยังไม่ผ่านการหุงต้ม