“ว่าแต่ กว่าข้าจะหาที่นี่พบได้ก็แทบแย่ บนโลกมนุษย์นี้ยุ่งยากชะมัด หายตัวไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ผิดกฎของโลก แล้วไหนกว่าข้าจะขอกุญแจจากด้านล่างได้ ข้าแทบเสกให้ท่านยมทูตมาเก็บวิญญาณซะเดี๋ยวนั้น” เขาพึมพำบ่นสะยกใหญ่ พร้อมกับย่นก้นตนเองนั่งลงบนโซฟาขนาดกลางที่นั่งได้ถึงสองคน
“ลุง” หญิงสาวได้ยินเสียงผิดสังเกตจากหน้าห้องนอน เธอเลยเปิดประตูห้อง ได้พบเจอกับชายหนุ่มที่เธอเพิ่งจะบ่นถึงเขาได้ไม่นาน “ลุงมาทำอะไรในห้องของหนู” โมราห์ซึ่งอยู่ในชุดนอนบางสีชมพูอ่อน แบบกระโปรงถึงหัวเข่า บนศีรษะมาผ้าขนหนูผืนเล็กที่คลุมผมของเธอไว้
กุมภัณฑ์ถึงกับหน้าเหวอเลยทีเดียว ก่อนจะลุกพรวดออกจากโซฟา พลางเอานิ้วเรียวหนาชี้ไปที่ตัวหญิงสาว
“นี่เธอ มาอยู่ห้องนี้ได้ยังไง”
“หนูต่างหากที่ต้องถามลุง นี่มันห้องของหนูค่ะ” โมราห์ยืนเท้าเอวอยู่หน้าห้องนอนของตน
“แล้วนี่ใช่ห้องพักเลขที่ xxx ชั้น 5 หรือเปล่า” กุมภัณฑ์ถามหญิงสาวตามเลขที่อยู่ที่เขาได้จดไว้ในกระดาษ
“ฮืม ๆ นี่มันเลขห้องของหนูนี่ ลุงไปเอาที่อยู่ของหนูมาจากไหน หรือว่าลุงคือพวกโรคจิตที่คอยมาแอบปล้ำผู้หญิงแถว ๆ นี้” โมราห์ว่าพลางนำแขนมาปกปิดเนื้อตัวเอาไว้
“นี่ ๆ หยุดก่อน ต่อให้ฉันมีอารมณ์ขนาดไหน ฉันก็ไม่จับเธอปล้ำ หรอกยัยบ้า คนที่ฉันจะมีอารมณ์ด้วย ต้องเป็นผู้หญิงสวย ๆ ที่หลุดออกมาจากนิตยสารปลุกใจเสือป่า ไม่ใช่ยัยเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” เขาต่อว่าเธอไปเล็กน้อย ก่อนจะย่นก้นลงนั่งตามเดิม
“คำก็ยัยเด็กบ้า สองคำก็ยัยเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม สักวันเถอะลุง จะหลงเสน่ห์ของหนูจนหัวปักหัวปำ ไม่เชื่อก็ลองดูซิ” ว่าแล้วก็ปิดประตูหนีเขา
ส่วนกุมภัณฑ์มีเรื่องต้องเคลียร์กับทางโน้น เขาจึงปลีกตัวมาอยู่หน้าระเบียงของคอนโดฯ พร้อมกับใช้สายตาชำเลืองมองเข้าไปด้านใน เพื่อที่เขาจะได้แอบคุยกับชายผู้นั้นได้สะดวก
ตี๊ด ตี๊ด
“อืม มีอะไรกันเจ้ากุมภัณฑ์ ข้ายังไม่วาง ติดต่อมาหาข้า มีเรื่องอันใดก็ว่ามา” ท่านยมทูตรับสายจากกุมภัณฑ์ด้วยสีหน้าที่อารมณ์เสีย เพราะเวลานี้มันเป็นเวลาที่เขากำลังจะพักผ่อนกับภรรยาอันเป็นที่รักของตน
“ข้าต่างหากที่ต้องถามท่าน นี่ท่านแกล้งข้า หรือว่าท่านไม่รู้จริง ๆ ว่าที่ท่านส่งมา มันคือที่อยู่เดียวกัน กับที่นางอาศัย” กุมภัณฑ์ยกแขนข้างซ้ายขึ้นมาระดับสายตา พลางเหลือบสายตาชำเลืองมองไปด้านในคอนโดฯ อีกด้วย
“ใช่ ข้ารู้ แต่มันคือคำสั่งของเบื้องบน เจ้าจะขัดคำสั่งท่านมิได้” ท่านยมทูต ว่าพลางจิบไวน์ที่อยู่ในแก้วอย่างออกรส
“เหตุใดถึงไม่ให้ข้าอยู่กับสาวงาม ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้าอดอยากปากแห้งขนาดไหน ถ้าในเวลานี้ข้ากลับไปอยู่ในโลกของข้า คงได้เสพสุขกับสาวงามของข้าไปไหนถึงไหนแล้ว” กุมภัณฑ์ว่าพลางเอามืออีกข้างลูบคางปรอย ๆ พร้อมกับขบคิดไปด้วย
“นั่นมันก็คือเรื่องของเจ้า เจ้าอยู่ในโลกมนุษย์จะไปเสพสุขกับสาวงามที่ไหน มันก็คือเรื่องของเจ้า แต่ทางเบื้องบนท่านย้ำนักย้ำหนาว่าเจ้าอย่าได้แม้แต่ที่จะคิดอะไรเกินเลยกับนาง มิเช่นนั้น เจ้าเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน” ท่านยมทูตร่ายยาว เอาคิ้วของกุมภัณฑ์ขมวดเป็นปมมากกว่าเดิม
“ฝันไปเถอะ ว่าข้าจะเกินเลยกับนาง ข้าแค่เห็นหน้าของนางก็หมดอารมณ์ที่จะสานสัมพันธ์ต่อแล้ว”
“เจ้านี่มันเหลือเกิน ข้าว่านางคนยังเด็กเป็นแน่ เพราะอายุขัยของนางอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบห้าปี แล้วนางจะจากไป”
“นั่นมันก็เรื่องของนาง ไม่ใช่เรื่องของข้า และอีกอย่างไอ้หน้าที่ของท่าน เมื่อนางหมดอายุขัย ท่านก็ต้องขึ้นมาบนโลกมนุษย์อยู่ดีมิใช่หรือ แทนที่จะเป็นท่าน แต่กลับเป็นข้าที่ต้องมาคอยดูแลนาง”
“เจ้ายังไม่ท่านแกเลยกุมภัณฑ์ บ่นเหมือนพ่อข้าไปได้นะเจ้า อ๋อ ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอันใด ข้าขอตัวก่อน ป่านนี้ภรรยาของข้า คงรอข้าเก้อแล้ว” ว่าแล้วท่านยมทูตก็ส่งสายตาหื่น ๆ ก่อนจะตัดสัญญาณจากไป
“ไอ้เฒ่ายมทูตจอมลามกเอ๊ย อายุก็ปูนนี้แล้วยังมีเรี่ยวแรงที่จะผลิตทายาทหรือไงกัน” สิ้นเสียงกุมภัณฑ์เขาก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ พลางกับวางแขนลง ในขณะที่สายตายังสอดส่องไปรอบ ๆ ห้อง
“ลุง ยืนบ่นอะไรหน้าระเบียง” โมราห์มาไม่ให้ซุ้มไม่ให้เสียง จู่ ๆ เธอก็โผล่หน้าออกมาจากห้องครัว ที่มีม่านปิดกั้นเอาไว้
“ยัยเด็กคนนี้ มันไม่เกี่ยวกับเธอ” เขาตอบอย่างไม่สบอารมณ์ พลางก้าวขาเข้ามาในห้องตามเดิม พร้อมกับย่นก้นนั่งลงบนโซฟา แขนเอื้อมไปหยิบรีโมทที่วางเอาไว้ใกล้ ๆ
“ลุงมาทำอะไรในห้องของหนูคะ ห้องตัวเองไม่มีให้อยู่เหรอ” หญิงสาวก้าวเท้าไปยังตู้เย็นที่อยู่ใกล้มือ
พลางหยิบกล่องนมเปรี้ยวมาดื่ม และย่นก้นลงนั่งบนเก้าอี้ตรงโต๊ะทานอาหารตั้งอยู่ในครัว มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถนั่งทานอาหารได้ถึงสี่คน