บทนำ + เจอกันครั้งแรก Past 1
“กุมภัณฑ์ ข้าขอสั่งเจ้า ให้ขึ้นไปยังบนโลกมนุษย์ สามเดือน” น้ำเสียงเข้มขรึม ที่ดังมาแต่ไกล
ท่านยมทูตหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปมเมื่อสาวเท้ามาถึงที่หมาย ซึ่งมีสาวงามกำลังนั่งปรนเปรอชายหนุ่มผู้นั้นถึงสามตน ที่เขาเพิ่งเอ่ยปากเรียกไปเมื่อสักครู่
"เหตุใดต้องเป็นข้า ทีไปปฏิบัติหน้าที่บนโลกมนุษย์" ดวงตาคมเข้ม ใบหน้าเหมือนยักษ์ มีเขี้ยวสองข้างเป็นเอกลักษณ์ของเขา
"เบื้องบนท่านสั่งมา ให้เจ้าไปปฏิบัติหน้าที่ คอยปกป้องหญิงสาวผู้หนึ่ง" ว่าแล้วท่านผู้นั้นก็นั่งลงข้าง ๆ กุมภัณฑ์ ที่ตอนนี้มีสาวงามหันไปสนใจกับท่านยมทูตหนึ่งตนที่ขอแยกตัวออกมาจากกุมภัณฑ์ ที่มีสาวงามขนาบซ้ายขาว
"ข้าอยู่ในที่ของข้า ก็มีสาวงามมากมายที่ทำให้ข้ามีความสุข ทว่าเหตุใดกัน เบื้องบนยังสั่งให้ข้าไปปฏิบัติหน้าที่บนโลกมนุษย์
"ท่านบอกได้เพียงว่า หญิงผู้นั้นใกล้จะหมดอายุขัย ให้เจ้าเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ นาง และทำให้นางมีความสุข" ท่านยมทูตพูดจบก็ได้ใช้ใบหน้าไซ้ซอกคอสาวงาม ซึ่งไม่เกรงอกเกรงใจชายผู้นั้น
คิ้วเรียวยาวงอนเหมือนคิ้วยักษ์ ยกขึ้นด้วยความสงสัย ในขณะที่มีสาวงามกำลังใช้มือเรียวบางลูบไล้ไปทั่วแผงอกของตน
ในดินแดนยมโลกที่ร้อนกว่าเตาหลอมโลหะหลายร้อยเท่าพันเท่า ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ทว่านั้นมันเรื่องปกติของผู้ที่ดูแลและทำหน้าที่ในดินแดนแห่งนี้ จึงทำให้ผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ ไม่สวมเสื้อผ้าเหมือนบนโลกมนุษย์ นุงแค่โจงกระเบนแบบผ้าบาง ๆ สีแดง ที่เป็นสีเดียวกับสถานที่แห่งนี้
ยกเว้นสาวงามที่นุงกระโจมอกกับโจงกระเบน ซึ่งเป็นสาวงามที่มาจากโลกมนุษย์ แต่เนื่องด้วยพวกตนไม่อยากลงไปในกระทะทองแดง จึงขอแลกเปลี่ยนเป็นสาวงามให้ผู้ชายได้ปรนเปรอพวกเธอ
"เพราะเหตุใดจึงต้องเป็นข้า ถึงไม่เป็นท่าน" ว่าแล้วชายดังกล่าวได้วางแก้วน้ำสีอำพันลงบนโต๊ะไม้ ที่ออกแบบในดินแดนแห่งนี้
"ข้ามันแก่แล้ว ส่วนเจ้ายังหนุ่มยังแน่น และเบื้องบนยังกล่าวอีกว่า ให้เจ้าใช้ชื่อกุมภัณฑ์ตามเดิม ที่เกิดในราศีกุมภ์" ท่านยมทูตชี้นิ้วไปหาเขาทันทีทันใด
“เหตุใดจึงต้องเป็นราศีกุมภ์” เขาถามด้วยความสงสัย โดยที่มีสาวงามกำลังเล่นซุกซนอยู่บนร่างกายของเขา
“บนโลกมนุษย์ ถ้ามีการเกิด จะเกิดตามราศีต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นวัน เดือน ปี 12 นักษัตร หรือ 12 ราศี ที่เป็นคำเชื่อสมัยโบร่ำโบราณ และอีกอย่าง เจ้าชื่อกุมภัณฑ์ ท่านเลยให้เจ้าเป็นชายหนุ่มที่เกิดในราศีกุมภ์” ท่านยมทูตอธิบายให้ชายหนุ่มที่อายุห่างกว่าเขาหลายทศวรรษ
“แล้วข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” กุมภัณฑ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ถึงอย่างไรเขาก็มิอาจขัดคำบัญชาจากทางเบื้องบนได้ มิเช่นนั้นเขาอาจจะไม่ได้กลับไปเกิดในดินแดนของมนุษย์
“ไว้ถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้เอง” สิ้นเสียงท่านยมทูต ชายทั้งสองก็ได้ก็สนุกไปกับสาวงามในดินแดนยมโลกที่พวกเขาได้อาศัยมานานนับหลายทศวรรษ
หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีเศษกำลังสาวเท้ายาว ๆ เพื่อไปหาที่หลบฝน เมื่อเจ้าตัวผ่านกำแพงมหาวิทยาลัยได้เพียงไม่กี่นาที ห่าฝนก็ลงกระหน่ำอย่างไม่เป็นปี่เป็นขลุ่ย เธอเห็นตึกคูหาสามชั้นที่มีหลังคายื่นออกมาเพียงไม่มาก แต่ดีเสียกว่าไม่มีที่ให้หลบ
ชุดนักศึกษาที่ขาวบาง เมื่อโดนน้ำฝนทำให้ชุดนักศึกษาสีขาวที่เธอสวมใส่ มันเปียกโชกจนเสื้อผ้าแนบไปกับลำตัว ทำให้เห็นชุดชั้นในสีชมพูอ่อน ก่อนที่เธอจะนำกระเป๋าใบเล็กที่สะพายอยู่ข้างตัว มาปกปิดมันเอาไว้
“อะนี่” เสียงเข้มที่อยู่ข้าง ๆ หญิงสาวได้นำเสื้อหนังสีดำคลุมไหล่ให้คนตัวเล็ก
เธอเงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นใครกันที่จู่ ๆ มีน้ำใจส่งเสื้อหนังราคาแพงมาปกปิดร่างกายอันบอบบางของเธอเอาไว้
ดวงตาทั้งสองคู่ประจันโดยมิได้นัดหมาย โดยทีนัยน์ตาสีดำสนิทของชายปริศนา จ้องมองไปที่นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาว
ชายผู้นั้นมีดวงตากลมโต คิ้วคมเข้ม มีหางคิ้วงอนขึ้นไปเล็กน้อย ใบหน้าบึ่งตึง เขาแค่ยกยิ้มที่มุมปากทำให้เห็นเขี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา แค่เพียงเสี้ยวเดียวที่ได้เห็นมันเป็นสิ่งแรกที่เธอมองเขาว่ามีเสน่ห์ ต่อให้คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอมีสีหน้าบึ่งตึงก็ตาม
“ขอบคุณนะคะลุง” เสียงหวาน ๆ ออกมาจากริมฝีปากคู่สวย ที่มีหยดน้ำจากฝนเกาะอยู่ ในขณะที่ผมเผ้าของเธอเองก็เปียกปอนไปหมด
แต่เขากับสะดุดคำบางคำ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง ด้วยคำที่เรียกเขาว่า ‘ลุง’
“ฉันเป็นพี่ชายของพ่อเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ยัยเด็กบ้า” เขาต่อว่าเธอเล็กน้อย ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สุด ๆ
“ถ้างั้นหนูขอคืนเสื้อหนังราคาแพงให้แล้วกันนะคะ อุตส่าห์มีน้ำใจ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ดึงเสื้อหนังออกจากตัว พลางยื่นแขนไปทางเขา
แต่ทว่าสายตาของเขาเหลือบไปเห็นชุดชั้นในสีชมพูอ่อน ที่เขาดันเผลอไปเห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฉันไม่รับคืน และอีกอย่าง ไอ้ชุดชั้นในสีชมพูของเธอ มันโผล่ออกมาให้เห็นแล้วนะ อ๋อ คิดจะอ่อยฉันหรือไงยัยเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” เขายืนกอดอกพลางเหล่สายตาไปยังที่หน้าอกของเธอ