"ฮูหยินนางจากไปด้วยอารมณ์เช่นนั้น ไม่รู้ว่าจะไปพูดจายุแหย่ท่านแม่ทัพอย่างไรบ้าง" หลิวอี้มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจแทนผู้เป็นนาย แต่ดูเหมือนว่าเหอเพ่ยเจินจะไม่มีท่าทีวิตกกังวลใดๆ เลยแม้แต่น้อย
"อย่างมากเขาก็แค่มาไล่ข้าออกจากเรือนนี้ เพื่อเอาใจนาง เรือนหลันฮวาก็ใช่ว่าจะไม่ดี พวกเจ้าอย่าได้ยึดติดเลย"
"ฮูหยิน…!!! หากทำเช่นนั้น จะไม่เป็นการหยามเกียรติของท่านหรอกหรือ"
"แล้วเจ้าคิดว่ายังมีสิ่งใดที่เขายังไม่กล้าทำอีก ช่างเถิดอีกไม่นานพวกเราก็รู้แล้วว่าเขาจะทำเช่นไร"
เป็นไปดังคาดเพียงไม่นาน หลังจากที่เซี่ยซู่เหยียนกลับมาจากค่ายทหาร ก็ตรงดิ่งมาที่เรือนไป๋หลานของเหอเพ่ยเจิน พร้อมกับบ่าวรับใช้จำหนึ่ง โดยข้างกายของเขามีหลี่จื่อเหยาเดินเคียงคู่มาด้วย ไม่ต้องคิดให้ยากความเพียงใช้หัวแม่เท้าคิดนางก็เดาออก…
เมื่อเห็นสามีมาถึงเรือนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตกแต่งเข้ามา นางจึงออกไปต้อนรับด้วยตนเอง สตรีที่มีใบหน้างดงาม ยืนด้วยแผ่นหลังที่เหยียดตรงคอตั้งบ่า ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มงดงาม กำลังส่งรอยยิ้มหวานที่สามารถละลายใจไปให้กับเขา แต่เซี่ยซู่เหยียนกลับส่งสายตาเย็นชา ที่ไร้คลื่นลมของความหลงใหลใดๆ กลับมาให้นาง
"ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะมาเยือนเรือนของข้า จึงไม่ได้เตรียมการใดต้อนรับ ต้องขออภัยท่านแม่ทัพด้วย" เหอเพ่ยเจินกำลังทำท่าจะเชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้าไปในเรือน แต่เซี่ยซู่เหยียนรีบตัดบทออกมาเสียงดัง
"ข้าสั่งเจ้าไปก่อนหน้านี้ เหตุใดถึงไม่ทำตาม คิดว่าคำสั่งของข้าเลื่อนลอยไม่มีความหมายอย่างนั้นหรือ หรือเจ้ายังคิดว่าตนเองเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ เฉกเช่นในอดีต จึงได้ลืมว่าตอนนี้เจ้าได้แต่งเข้ามาในตระกูลเซี่ยแล้ว ชีวิตของเจ้าต่อจากนี้ต้องขึ้นอยู่กับข้า ในเมื่อข้าสั่งการสิ่งใดไป ก็จงให้ปฏิบัติตาม"
"หือ... ข้าขัดคำสั่งท่านแม่ทัพเรื่องอันใดหรือ" บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ยิ่งนางแสดงออกมาเช่นนี้ ยิ่งเพิ่มแรงโทสะของเซี่ยซู่เหยียนให้มากขึ้นกว่าเดิม
"ยังจะมาทำเป็นไขสือ เจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจดี เหยาเอ๋อร์ต้องการย้ายมาอยู่ยังเรือนแห่งนี้ก็เพื่อข้า เจ้ายังกล้าด่าทอขับไล่นางกลับไป ก่อนหน้านี้ข้าให้สิทธิ์ในการดูแลจัดการเรือนทุกอย่างอยู่กับนาง แล้วเจ้ามีสิทธิ์อันใดที่กล้าปฏิเสธ"
"เรือนนี้ข้าอยู่มาตั้งแต่แต่งเข้ามา และนางก็ถามความสมัครใจหาได้บังคับให้ข้าออกจากเรือนนี้ ในเมื่อ เป็นเช่นนั้น คำตอบของข้าก็สามารถตอบได้ทั้ง 2 อย่างคือปฏิเสธและตกลง แล้วเช่นนี้ข้าทำผิดอันใดหรือ"
"ดี ในเมื่อเจ้ากล้าต่อปากต่อคำกับข้า งั้นข้าก็จะเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เอง จากนี้ไปเจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่เรือนร้างท้ายจวนแทนเสีย เรือนที่ใหญ่โตงดงามเช่นนี้ไม่เหมาะกับสตรีเช่นเจ้าหรอก"
"เรือนร้างอย่างนั้นหรือ ทำเช่นนี้ท่านแม่ทัพมิคิดว่ามันจะเกินไปหน่อยหรือเจ้าค่ะ ท่านไม่อนุญาตให้ฮูหยินมีสาวใช้ หรือบ่าวรับใช้ติดตัวตามตำแหน่งที่นางควรจะได้รับเท่านั้นยังไม่พอ ตอนนี้ท่านยังจะขับไล่นางไปอยู่ที่เรือนร้างท้ายจวนอีก" หลิวอิงที่ไม่สามารถทนกับความอยุติธรรมที่ผู้เป็นนายได้รับไหว จึงกล่าวแย้งออกมา
"เจ้าช่างสั่งสอนสาวใช้ของตนเองได้ดียิ่งนัก ถึงขนาดกล้ามาต่อปากต่อคำกับข้าได้" สายตาของเซี่ยซู่เหยียน เปลี่ยนเป็นดำมืดในทันที เหอเพ่ยเจินถึงกับต้อง ดึงร่างของสาวใช้มาไว้ด้านหลังของตนเอง
"ท่านแม่ทัพอย่าได้ ถือสานางเลย เอาไว้ข้าจะสั่งสอนนางทีหลัง แต่เรื่องที่จะให้ข้าไปอยู่ที่เรือนร้างท้ายจวนนั้น ข้าก็เห็นว่ามันจะเกินไปหน่อย ถึงอย่างไรข้าก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาเอกของท่าน หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายให้คนภายนอกได้ทราบ เกรงว่าชื่อเสียงของท่านคงจะไม่ดีนัก ข้ารู้ว่าที่ผ่านมา อาจจะทำอะไรบุ่มบามจนสร้างความไม่พอใจให้กับท่าน แต่ถึงอย่างไรข้าก็ได้ตกแต่งเข้ามาแล้ว เรื่องบางเรื่องไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ต่อจากนี้ข้าจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพวกท่าน จะใช้ชีวิตอยู่ในที่ของตนเอง"
เซี่ยซู่เหยียนคล้ายกับได้ฟังเรื่องตลก เขาทอดมองไปที่ใบหน้าของเหอเพ่ยเจินคล้ายกับมองคนแปลกหน้า ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็น จนคนฟังถึงกับต้องรู้สึกหนาวสั่น "เรื่องนั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เจ้า ข้าสั่งการสิ่งใดไปก็จงให้ปฏิบัติตาม"
เพียงกล่าวจบเขาก็หันไปสั่งการกับบ่าวรับใช้ของตนเอง "ขนข้าวของๆ นางไปไว้ที่เรือนร้างท้ายจวนให้หมด"
เมื่อเหอเพ่ยเจินได้ยินคำสั่งนั้น ก็ถึงกับรู้สึกแข็งค้างไปชั่วขณะ แต่ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา นางไม่ได้โวยวายหรือตีโพยตีพาย แต่กลับทอดมองไปที่เซี่ยซู่เหยียนชั่วครู่ ก่อนที่จะดึงสายตากลับมา เซี่ยซู่เหยียนเองก็คล้ายกับสังเกตท่าทีของนางอยู่ก่อนแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจที่เห็นนางแสดงออกมาเช่นนั้น แต่ความรู้สึกบางอย่างของเขาบอกว่าเขาควรที่จะยั่วยุนางให้มากกว่านี้
"ลากสาวใช้ของนางทั้งสองคนออกมาโบยคนละ 50 ไม้ โทษฐานที่กล้าต่อปากต่อคำกับข้า"
"ท่านจะลงโทษสาวใช้ของข้าไม่ได้ ทำกับข้าๆ ไม่ว่า แต่พวกนางหาได้มีความผิดอันใด" เหอเพ่ยเจินเดินเข้ามาขวางบ่าวรับใช้ที่กำลังจะมาลากตัวหลิวอี้และหลิวอิงออกไปอย่างไม่ยินยอม
"ข้ากำลังจะสอนบทเรียนให้กับเจ้าได้รู้อย่างไรเล่า ในเมื่อตอนนี้เจ้าได้แต่งเข้ามาในตระกูลเซี่ยแล้ว ทุกคำตัดสินของข้าย่อมถือว่าเป็นประกาศิต เจ้าไม่สามารถโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตสาวใช้ ของเจ้าก็ย่อมขึ้นอยู่กับข้าเช่นกัน ข้าต้องการให้พวกนางมีลมหายใจหรือว่าตายไป มันก็ย่อมขึ้นอยู่กับข้า เจ้าอยากตกแต่งเข้ามาในตระกูลเซี่ยมากไม่ใช่หรือ ถึงขนาดทำทุกวิถีทาง แค่เพียงเรื่องราวง่ายๆ เช่นนี้เหตุใดถึงไม่เข้าใจ"
เพียงเขากล่าวจบก็มากระชากร่างแบบบางของนางออกไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง จนเหอเพ่ยเจิน ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
เมื่อไม่มีผู้ขัดขวางแล้วบ่าวรับใช้พวกนั้นจึงมาลากตัวหลิวอี้และหลิวอิงออกไปโบยตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว เหอเพ่ยเจินในตอนนี้ได้ถูกขัดขวางไว้โดยบ่าวรับใช้ของเขา นางไม่สามารถทำสิ่งใดได้ จึงทำได้เพียงทอดมองไปที่ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นอย่างเคียดแค้น
"เซี่ยซู่เหยียนท่านมันใจดำ"
"หึ... ในเมื่อเจ้ามีน้ำใจเป็นห่วงเป็นไยสาวใช้ของตนเองนัก เหตุใดถึงไม่รับโทษไปพร้อมกับพวกนางเล่า หากเจ้ายอมรับโทษโบยนี้ ข้าอาจจะใจดีลดโทษให้พวกนางเหลือคนละ 30 ไม้ก็ได้" เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเย้ยหยัน เพราะไม่คิดว่าสตรีในห้องหออย่างเหอเพ่ยเจิน จะสามารถออกรับแทนผู้ใดได้ แต่เมื่อหญิงสาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่น นั่นจึงทำให้เขาถึงกับต้องอ้าปากค้างเป็นครั้งแรก
"ได้ข้าจะรับโทษโบยนี้พร้อมกับพวกนาง"
"ฮูหยินไม่ได้นะเจ้าค่ะ โทษโบยเพียงเท่านี้พวกข้ารับได้อยู่แล้ว" หลิวอี้และหลิวอิงแทบจะตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตื่นตระหนก เหอเพ่ยเจินไม่ฟังเสียง นางยังคงเดินไปเบื้องหน้า พร้อมกับนอนลงเพื่อรับโทษโบยนั้นอย่างเต็มใจ
"เจ้าเป็นผู้เลือกเอง ข้าหาได้บังคับสิ่งใดไม่" เซี่ยซู่เหยียนคล้ายกับกล่าวถามออกมาอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ ก่อนที่จะสั่งให้บ่าวรับใช้ของตนเองได้ลงโทษนาง
เหอเพ่ยเจินในตอนนี้ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่น "ท่านรีบสั่งการมาเถิด ทำให้มันจบๆ ไป เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่คิดที่จะปล่อยตัวพวกข้าไปอยู่แล้ว"
"ดี…!!!" เซี่ยซู่เหยียนพยักหน้าให้คนของตน พร้อมกับทอดมองร่างที่นอน อยู่ที่พื้น นางไม่ร้องออกมา แม้นแต่เพียงครึ่งคำ เมื่อไม้กระทบเข้าไปยังร่างของนาง เซี่ยซู่เหยียนในตอนนี้ได้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น แต่เขาก็รีบกดข่มมันเอาไว้ พร้อมกับเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องการเห็นภาพนั้นอีกต่อไป เขาเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่านางจะยอมรับโทษแทนบ่าวต่ำต้อยสองคนนี้
หลี่จื่อเหยายังคงยืนอยู่ตรงนั้น นางมีรอยยิ้มที่สาแก่ใจอย่างถึงที่สุด เมื่อได้เห็นเหอเพ่ยเจินเป็นเช่นนี้ เมื่อการลงโทษจบลง นางจึงเดินเข้าไปใกล้ร่างของเหอเพ่ยเจิน พร้อมกับกล่าวบางประโยคออกมาที่ชวนให้คนฟัง ถึงกับต้องกดข่มโทสะของตัวเองเอาไว้อย่างยิ่งยวด
"ถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็คือคนที่ท่านพี่โปรดปรานมากที่สุด เมื่อเทียบกันกับเจ้า ที่ในตอนนี้ก็ไม่ต่างกันกับสุนัขที่ไร้เจ้าของ หัดเจียมตัวรู้ถึงสถานะของตนเองเสียบ้างก่อนที่จะมาสั่งสอนข้า"
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!
เสียงหัวเราะของนางคล้ายกับสาสมใจเป็นอย่างยิ่ง เหอเพ่ยเจินทำเพียงหลับตาลงก่อนที่จะสลบไปเพราะความเจ็บปวด…