ตอนที่ 1 ฮูหยินเอกผู้น่าสงสาร
เหอเพ่ยเจินนั่งรอเจ้าบ่าวที่พึ่งแต่งงานด้วยความสุข ที่ในที่สุดบุรุษที่นางรัก ก็ได้มาเป็นของนางอย่างสาสมใจ ถึงแม้นวิธีที่ได้มานั้นจะดูสกปรกอยู่ไม่น้อย แต่นางจะถือเป็นอันใดได้ แค่เพียงได้เขามาเท่านี้ที่นางต้องการ
หญิงสาวกำมือแน่นเมื่อคิดถึงรูปโฉมของตนเอง ในตอนที่อยู่หน้าคันฉ่องบานใหญ่ จะมีสตรีใดในใต้หล้านี้ งดงามเทียบเคียงนางได้อีกแล้ว
"หลิวอี้ เจ้าคิดว่าเมื่อท่านพี่เห็นรูปโฉมของข้าแล้วเขาจะรู้สึกหลงใหลหรือไม่" แน่นอนว่านางมีความคาดหวัง ไปถึงตอนที่สามีเปิดผ้าคลุมหน้าออกตามจารีตประเพณี จนลืมนึกถึงเวลาที่ล่วงผ่านมากว่าค่อนคืน ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
หลิวอี้สาวใช้ที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่สามารถพูดมันออกไปได้ ถึงอย่างไรคืนนี้ท่านแม่ทัพเซี่ยซู่เหยียน ก็คงไม่เหยียบย่ำเข้ามาในห้องหอนี้หรอก เพราะเขาใช้เวลาอยู่กับฮูหยินรองที่พึ่งตกแต่งเข้ามาในวันเดียวกัน โดยไม่สนใจถึงความรู้สึกของเหอเพ่ยเจินเลยต่างหาก ป่านนี้มิใช่ว่าเรือนทางฝั่งตะวันตกนั้น จะถูกแผดเผาไปด้วยไฟแห่งราคะ จนไม่สามารถมอดดับได้แล้วอย่างนั้นหรือ แต่ผู้ใดเล่าจะกล้าบอกความจริงกับผู้เป็นนายหญิง ที่เมื่อรู้คงได้อาละวาด จนไม่มีผู้ใดสามารถหยุดยั้งได้เป็นแน่
"ฮูหยินนี่ก็ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว ข้าว่าคุณหนูไปพักก่อนดีหรือไม่ เมื่อตอนที่ท่านแม่ทัพมาถึง จะได้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอิบของท่าน เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะเป็นผู้ปลุกท่านเอง" หลิวอี้พยายามหว่านล้อมผู้เป็นนาย อย่างถึงที่สุดด้วยความสงสารจับใจ
"จะได้อย่างไร คืนนี้เป็นคืนเข้าหอของข้า...ข...ข้าต้องตั้งตารอท่านพี่อยู่เช่นนี้ จนกว่าเขาจะมาเปิดผ้าคลุมหน้าออกให้ ถึงจะเรียกว่าเป็นการแต่งงานที่สมบูรณ์" ในขณะที่เอ่ยตอบไป ใบหน้าของนางก็เห่อร้อนเมื่อคิดถึงคืนเข้าหอคืนแรก...
"ฮูหยินงั้นท่านงีบหลับสักนิดเถิดเจ้าค่ะ หิวหรือไม่ข้าจะนำอาหารมาให้ท่าน"
"ข้าจะรอทานพร้อมท่านพี่"
หลิวอี้และหลิวอิงต่างลอบมองหน้ากันด้วยไม่รู้จะทำเช่นไร
หญิงสาวที่วาดหวังถึงวันแห่งความสุขของตนเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าความสุขนั้นจะไม่เกิดขึ้น จนเมื่อเวลาหลายชั่วยามล่วงผ่าน นางจึงได้ตระหนักว่าบุรุษที่นางรอคงจะไม่มาเสียแล้ว จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าหมอง นางทอดมองปลายเท้าของตนเอง ผ่านผ้าคลุมหน้าโดยมีหมอกน้ำตากั้นกลาง ริมฝีปากรูปกระจับที่ถูกตกแต่งด้วยชาดสีแดงสดอย่างงดงามเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันสั่นเทา
"หลิวอี้เจ้าไปเตรียมน้ำอาบให้ข้าเถิด หลิวอิงเจ้าก็มาช่วยข้าถอดชุด ปลดมงกุฎพวกนี้ออกเสีย"
สาวใช้ตัวน้อยเมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือของผู้เป็นนายก็ไม่รั้งรอ รีบไปทำตามหน้าที่ของตนเอง ซึ่งในตอนนี้ท่าทีของผู้เป็นนายดูไร้เรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่นางก็ยังพยายามไม่แสดงออกมาอย่างถึงที่สุด
เมื่อนางดูแลอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ก็ทอดกายลงนอนบนเตียง ที่ได้ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี สายตาของนางกวาดมองผ่านความมืดไปทั่วทั้งห้องสีแดงสด ที่ถูกตกแต่งเอาไว้นั้น ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจ...แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เขาอาจจะรู้สึกโกรธ ที่นางใช้อำนาจของผู้เป็นบิดา มาบังคับให้เขาต้องตกแต่งตนเองเข้ามาโดยไม่เต็มใจ มันก็ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกโกรธเคืองตน แต่ในเมื่อนางแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินของเขาแล้ว นางก็จะทำให้สุดความสามารถ หญิงสาวมาดความมุ่งมั่นนั้นไว้ในใจ พร้อมกับพยายามข่มตาให้หลับลง ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปได้ยากยิ่งนัก…
เมื่อรุ่งอรุณมาเยือนหญิงสาวนั่งอยู่หน้าคันฉ่องด้วยใบหน้าที่ดูอิดโรย แต่ทันใดก็แปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น
"ไปกันเถิดถึงท่านแม่ทัพจะเป็นเด็กกำพร้าไม่มีบิดามารดามาคอยให้ต้องยกน้ำชาในตอนเช้าตามจารีตประเพณี แต่ข้าก็ควรจะตื่นเช้าเพื่อมาดูแลสามีตนเองถึงจะสมควร" เหอเพ่ยเจินเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองคน ที่ถูกอนุญาตให้นำติดตัวมาได้ และเดินนำหน้าพวกนางไปด้วยความมุ่งมั่น
เซี่ยซู่หยียนยอมให้นางแต่งเข้ามาก็จริง แต่เขาไม่อนุญาตให้นางนำสาวใช้ติดตัวมามากมายนัก เพราะให้เหตุผลแค่เพียงว่าต้องการความเป็นส่วนตัว เหอเพ่ยเจินจึงนำสาวใช้คนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันมาเพียง 2 คน และมีองครักษ์ที่มีวรยุทธ์สูงผู้หนึ่งติดตามมาเพียงเท่านั้น
"ข้าละสงสารนางจริงๆ ป่านนี้นางคงยังไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นได้เพียงฮูหยินเอกตาตั้ง ที่ถูกสามีทอดทิ้งตั้งแต่คืนแรกของวันเข้าหอ"
"ก็ใช่นะสิ เจ้าไม่รู้อะไร เมื่อคืนนี้ข้าเพียงเข้าไปใกล้กับเรือนหลันฮวา เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าได้ยินอะไร"
"อะไรเล่าเจ้ารีบพูดมาอย่าได้โยกโย้ให้มากความ"
สาวใช้ทั้งสองคนยืนกระซิบกระซาบหัวเราะกันอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ เลยว่าเหอเพ่ยเจินได้มายืนอยู่ข้างหลังพวกนางตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ
"ก็จะเสียงอันใดเล่า ก็เสียงครวญครางอย่างมีความสุขของการเสพสมกันของบุรุษและสตรี ข้านี้หน้าแดงก่ำ รีบเดินออกมาแทบไม่ทันมาดว่าท่านแม่ทัพคงจะไม่ปราณีฮูหยินรอง ที่เพิ่งตกแต่งเข้ามาใหม่ผู้นั้นเสียเลย"
"ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถึงขนาดไม่ไว้หน้าฮูหยินเอกตกแต่งฮูหยินรองเข้ามาในวันเดียวกัน มิหนำซ้ำยังไม่เหยียบย่ำเข้าไปหานางเลย ใช้เวลาจนรุ่งสางอยู่กับฮูหยินรอง ข้าได้ยินสาวใช้ที่ได้ไปรับใช้เรือนหลันฮวากล่าวว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวของฮูหยินรองเต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบ ในตอนที่นางเข้าไปปรนนิบัติอาบน้ำ ดูท่าว่าค่ำคืนที่ผ่านมาคงจะหนักหนาสาหัสอยู่ไม่น้อย"
"พวกเจ้ากล่าวเรื่องอันใดกัน…!? " เสียงกล่าวลอดไรฟันที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำให้สาวใช้ทั้งสองรีบหันขวับมายังผู้เป็นเจ้าของเสียง เมื่อพวกนางได้เห็นใบหน้าของสตรีผู้นั้น ก็ได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ พร้อมกับถอยหลังไปหลายก้าว
"ฮูหยิน…!!!"
"ข้าถามว่าพวกเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอันใดไยจึงไม่ตอบข้า ฮูหยินรองอันใด" เสียงในตอนหลังนี้ แทบจะติดไปทางตะคอก จนทำให้สาวใช้ทั้งสองต่างหวาดผวา คุกเข่าลงด้วยความกลัว
"ฮูหยินพวกข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ"
"ข้าบอกให้พูดพวกเจ้าก็ต้องพูด" เหอเพ่ยเจินใช้ท่าทีคุกคามเดินเข้าไปใกล้สาวใช้ทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่เหมือนกับจะฆ่าคนได้
"ท่านแม่ทัพแต่งฮูหยินรองเข้ามาที่เรือนหลันฮวาเมื่อคืนนี้พร้อมกันกับท่านเจ้าค่ะ"
เพียงแค่สาวใช้ทั้งสองกล่าวจบ ก็คล้ายกับร่างทั้งร่างของเหอเพ่ยเจิน จะระเบิดออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ ที่เขาไม่มาหานางเพราะใช้เวลาทั้งคืนอยู่กับสตรีอีกนาง ที่พึ่งตกแต่งเข้ามาอย่างนั้นหรือ และเมื่อนึกไปถึงท่าทีของสาวใช้ทั้ง 2 คนของตน ที่คล้ายกับจะรู้อะไรบางอย่าง เป็นนางที่โง่เขลา สังเกตไม่ได้เอง เมื่อคิดได้เช่นนั้น ก็หันไปจ้องมองที่ใบหน้าของสาวใช้คนสนิททั้งสองคนที่เติบโตมาด้วยกันอย่างคาดคั้นหาความจริง
"พวกเจ้าเองก็รู้ใช่หรือไม่" นางเค้นเสียงถามออกไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ สายตาของนางบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน
หลิวอี้และหลิวอิงได้แต่ก้มหน้าหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบตา
"เรือนหลันฮวาอยู่ที่ใด เจ้านำข้าไปบัดเดี๋ยวนี้"
สาวใช้ผู้นั้นมีหรือจะสามารถปฏิเสธได้ นางรีบกุลีกุจอนำทางเหอเพ่ยเจินไปถึงแม้จะรู้ว่าไม่ควร
"อ่าส์ ท่านพี่หยุดก่อนเจ้าค่ะ นี่มันยามใดแล้ว"
"เหตุใดต้องสนใจในเมื่อข้ายังกินไม่อิ่ม และอีกอย่างสามีของเจ้าก็เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีบิดามารดาให้เจ้าต้องไปคารวะน้ำชาในยามเช้าเสียหน่อย"
"ท่านพี่ แต่นี่มันก็รุ่งสางแล้ว อายบ่าวไพร่บ้างเจ้าค่ะ"
"เรือนนี้มีข้าเป็นเจ้าของ ข้าพอใจจะทำสิ่งใดพวกมันจะกล้ากล่าวอย่างนั้นหรือ"
"อ่าส์ อ่าส์ ท่านพี่"
เหอเพ่ยเจินแทบจะกระอักเลือดออกมาเสียตรงนั้นให้ได้ นางยืนอยู่ยังหน้าเรือน เพียงแค่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น มือทั้งสองข้างก็ถูกกำแน่น
หลิวอี้และหลิวอิงได้แต่หวาดกลัวว่าผู้เป็นนายจะไม่สามารถระงับโทสะของตนเอง แล้วทำสิ่งที่เลวร้ายลงไป
และสิ่งที่พวกนางกังวลก็ได้เกิดขึ้น เมื่อเหอเพ่ยเจินเดินเข้าไปหวังจะทุบประตูบานนั้นให้มันพังลง อย่างไม่สามารถระงับสติอารมณ์ของตนเองได้ แต่หญิงสาวก็ได้ถูกหยุดยั้งไว้โดยองครักษ์ของเขาเสียก่อน
"เซี่ยซู่เหยียนท่านกล้าดีอย่างไร ถึงได้ไม่ไว้หน้าข้าเช่นนี้ ท่านออกมาเดี๋ยวนี้ สตรีนางนั้นมันคือผู้ใด ข้าจะจัดการมัน" นางจึงทำได้เพียงตะโกนออกไป เพื่อให้คนข้างในได้ยินและเปิดประตูออกมาเผชิญหน้ากับตนเพียงเท่านั้น
เซี่ยซู่เหยียนได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่แสยะยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่จะเริ่มบทรักกับฮูหยินรองอย่างเร่าร้อนมากกว่าเดิม โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอย่างที่เหอเพ่ยเจินต้องการ
"ท่านพี่ฮูหยินเอกอยู่ที่หน้าประตูเรือนนะเจ้าคะ"
"แล้วอย่างไร นางสั่งให้ออกไป ข้าก็ต้องทำตามอย่างนั้นหรือ"
น้ำเสียงของเขาติดไปทางแหบพร่า มือทั้งสองข้างยังคงลูบไล้ไปตามเรือนกายขาวโพลนดุจหิมะที่นุ่มละมุนด้วยความหลงใหล
"แต่…" หลี่จื่อเหยาเอง ก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นใด เสียงของนางที่กล่าวออกมาแทบจะเป็นเสียงกระเส่า เพราะลิ้นสากของเซี่ยซู่เหยียน กำลังไล้เลียอยู่ที่ซอกคอของนาง จนหญิงสาวขนลุกขนชันไปทั่วสรรพางค์กายอย่างไม่เป็นตัวของตนเอง
"อ่าส์ อ่าส์ ข้าไม่ไหวแล้ว ท่านพี่ได้โปรดอย่าทรมานข้าอีกเลย"
ตับ! ตับ! ตับ!
เสียงครวญครางร่วมกับเสียงร่วมรักอย่างถึงพริกถึงขิง ดังเล็ดลอดออกมาถึงหน้าเรือน คล้ายกับจงใจให้เป็นเช่นนั้น เหอเพ่ยเจินที่ไม่รู้จะทำเช่นใด จึงได้กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง หวังว่าพวกเขาจะหยุดบทรักอันเร่าร้อนนั้นลงเสียที เพราะหัวใจของนางตอนนี้ แทบจะแหลกสลายลงไปให้ได้เสียแล้ว
หญิงสาวยังคงไม่ยอมหนีไปไหน นางกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง เมื่อรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ก็ได้แต่นั่งลงยังหน้าเรือนอย่างหมดหวัง แต่ก็พยายามจะเปล่งเสียงที่แทบจะขาดห้วงของตนเองออกมา ร้องเรียกคนข้างในอย่างไม่ยอมแพ้
"ออกมาเซี่ยซู่เหยียน ท่านมันบุรุษไม่มีหัวใจ ข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคนท่านยังกล้า"
"ฮูหยินพอเถิด พอเถิดเจ้าค่ะ กลับไปที่เรือนของเราดีกว่า" หลิวอี้และหลิวอิง ไม่สามารถทนเห็นเหอเพ่ยเจินเป็นเช่นนี้ จึงเดินเข้าไปปลอบโยน
"ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะรอพวกเขาอยู่ที่นี้ ดูเถิดว่าพวกเขาจะหลบอยู่ด้านในนั้นได้นานเพียงใด" เหอเพ่ยเจินเอ่ยออกมาด้วยน้ำตาอาบแก้ม
แน่นอนว่าผู้ที่อยู่ด้านใน ล้วนได้ยินบทสนทนานี้อย่างชัดเจน เซี่ยซู่เหยียน ได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งกระแทกเอวสอบของตนเองให้แรงยิ่งขึ้น จนหลี่จื่อเหยากรีดร้องออกมาเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม
คล้ายกับเสียงกรีดร้องเมื่อสักครู่นี้ เป็นมีดที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเหอเพ่ยเจิน หัวใจของนางถูกบีบรัดอย่างรุนแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
...