รสชาติมันเป็นยังไง

1335 คำ
“กับเพื่อนคนที่อุ๋งคบมากี่ปีก็ไม่รู้ กับพี่ฉลามที่อุ๋งเจอแค่สองครั้ง อุ๋งคงไม่เชื่อพี่” เขาเดิมพันด้วยความเสียเปรียบของตัวเอง โดยเอาความจริงใจเป็นที่ตั้ง ส่งภาษาใจสื่อสารผ่านดวงตา ฉลามจ้องลึกดำดิ่งเข้าไปในผลึกสีดำ...ไม่เคยลืมดวงตาคู่นี้เลยจริงๆ เขามองเห็นความเจิดจรัสสวยงาม เหมือนพระเจ้าได้คัดสรรดวงดาวที่สวยที่สุด สุกสกาวที่สุด เปล่งประกายที่สุดมาเป็นดวงตาของอุ๋ง เพียงแต่ตอนนี้มันถูกบดบังด้วยม่านความโศกที่เขาอยากจะกำจัดมันทิ้งเพื่อเปิดทางให้ดวงดาวได้ทำหน้าที่ของมัน เพียงจ้องตอบตาเขา สติที่กระเจิดกระเจิงก็หวนกลับคืน ความเด็ดเดี่ยวที่เธอเติบโตมากับมัน และการตัดสินใจที่จะเชื่อใจพี่ชายคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่เจอ มันไม่สามารถมีคำตอบเป็นอื่น “หนูเชื่อพี่ฉลาม” ฉลามพยักหน้าอย่างพอใจ “ต้องแบบนี้สิ” เขาหยิบแว่นกันแดดจากกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ ตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำอะไร แต่ก็เลือกที่จะก้มลงถามใกล้ๆ ใบหน้าเธอ “ถ้ามีคนเห็นอุ๋งเดินออกจากห้องน้ำชายต้องไม่ดีแน่ อุ๋งจะมุดเข้ามาอยู่ในเสื้อพี่แล้วให้พี่พาออกไป หรือจะใส่แว่นกันแดดอำพรางใบหน้าดี” “หึ ไม่มุดแล้ว พี่ฉลามตัวเค็ม เหม็นขี้เต่าด้วย” คนโกหกเสหลบตาหันหน้าหนี ฉลามจับคางให้ใบหน้าเรียวเล็กหันกลับมาเผชิญหน้า “งั้นพี่คงต้องเปลี่ยนแบรนด์น้ำหอม แต่ก็จริง Bvlgari Aqva Pour Homme ที่พี่ฉีดมาเขาร่ำลือว่ามีกลิ่นคาว อุ๋งต้องเรียกว่ากลิ่นคาวฉลาม ไม่ใช่กลิ่นเต่า แล้วอุ๋งมีวิธีล้างคาวฉลามไหม” ฉลามถือโอกาสโยงไปถึงข้อความในจดหมายที่เธอเขียนถึงอาสมบูรณ์ “ถ้าเป็นฉลามที่ติดมากับอวน อุ๋งทำได้ แต่พี่ฉลามคนนี้ อุ๋งทำไม่ได้” “อุ๋งทำได้ และ...เชื่อพี่ หนูกินมันได้ด้วย” ฉลามพูดเป็นนัย จับจ้องใบหน้าเด็กสาวว่าจะจำประโยคนี้ได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้อุ๋งจับความอะไรไม่ได้แล้ว ความเขินเข้ามาแทนที่ความนึกคิดทั้งหมด ประมวลผลได้แค่ว่ามันไม่ใช่คำถาม “แล้วใครบอกว่าไม่ได้เลีย แต่เป็นเพราะปากเผลอไปโดน” ฉลามยิ้มพลางสวมแว่นกันแดดลงบนใบหน้าที่เล็กกว่าตนเยอะ มันเอาแต่เลื่อนหลุด ความพยายามของเขาฉุดรั้งอุ๋งพ้นจากภวังค์ เธอเอามือมาจับขาแว่นด้วยตัวเองไม่ให้มันเลื่อนหลุด “เอ่อ ไม่ได้เลียจริงๆ แต่ตอนที่กัดนมพี่ฉลาม รสเค็มมันติดที่ริมฝีปากหนู” “ไหน รสชาติมันเป็นยังไง” “พี่ฉลามก็ลองเลียแขนตัวเองสิ” “เรื่องอะไรจะเลียแขนที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 รสชาติที่อุ๋งชิมมันอยู่ตรงไหน พี่ก็ต้องชิมตรงนั้นสิคะ” “พี่ฉลามก้มลงไปชิมนมตัวเองได้ด้วยเหรอ” ฉลามส่งยิ้มทะลุผ่านแว่นกันแดดบนใบหน้าสาวน้อย ซึ่งใหญ่เทอะทะ แต่ก็ส่งให้ริมฝีปากสะดุดตาน่าค้นหา เขาทอดเวลาจนอุ๋งสะเทิ้นอายที่โดนหนุ่มหล่อจ้องไม่วางตา สายตาว่าร้ายกาจแล้ว คำพูดของเขายิ่งทำให้อุ๋งใจเต้นรัว “ที่ริมฝีปากของอุ๋ง...พี่อยากรู้ว่ารสชาติของพี่บนริมฝีปากอิ่มๆ ของอุ๋งมันเค็มขนาดไหน” จบคำฉลามก็ไม่ให้อุ๋งตั้งตัว เขาแกล้งรวบเอวเล็กเข้ามาประชิด ก้มลงไปจนริมฝีปากชิดริมฝีปากอิ่ม “แค่นี้พี่ก็ได้กลิ่นความหวานแล้ว แต่รสชาติพี่ต้องชิม” “พี่ฉลามปล่อยอุ๋ง เราออกไปกันดีกว่า” หัวใจของอุ๋งเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอก เธอผลักเขาออก ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะประกบติด พลันนั้นเสียงร้องเบาๆ ดังมาจากห้องข้างๆ “เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเราหรอก ไปค่ะ” ฉลามเปิดล็อกแล้วดันแผ่นหลังบางออกไปก่อน จากนั้นก็กึ่งลากกึ่งจูงให้อุ๋งเดินเร็วๆ เพื่อให้พ้นไปจากตรงนี้ เมื่อถึงโรงอาหาร ฉลามดันหลังอุ๋งเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารตัวยาว เขาเดินไปซื้อน้ำเย็นๆ กลับมา สอดตัวเข้าไปนั่งข้างๆ ส่งขวดน้ำที่เปิดฝาใส่หลอดแล้วให้เธอดื่ม “หิวข้าวไหม อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” เขาต้องใช้เสียงที่ค่อนข้างดังเพื่อแข่งกับเสียงเชียร์จากสนาม “ไม่อะ กี่โมงแล้ว” อุ๋งถามเขา แต่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ร่องรอยและรุ่นมือถือบ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการใช้งานมาพอสมควร “สิบโมงสี่สิบห้า” ฉลามบอกเวลาตามนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “สิบเอ็ดโมงหนูต้องไปที่สนามแล้ว” “รีบไปเชียร์ไอ้เปรมแข่งวิ่งละสิ” เขาว่า หยิบขวดน้ำที่เธอเพิ่งดื่มเสร็จมาดื่มบ้าง “คนเชียร์เขาเยอะแยะไป แต่ที่หนูต้องไปที่สนามเพราะว่าหนูมีหน้าที่ส่งอาหารขึ้นไปให้พวกกองเชียร์บนสแตนด์” “อ๋อเหรอ เอารสอะไร” ฉลามส่งเสียงรับ แกะช็อกโกจุ๊บสองอันให้เธอเลือก “มันต่างกันตรงไหนอะ” อุ๋งหยิบมาอันหนึ่ง หมุนอมยิ้มตรงหน้าตัวเองพร้อมกับหันมามองอันของเขา “ที่อุ๋งเป็นสีชมพูขาว ส่วนของพี่เป็นสีขาวชมพู” “พี่ฉลาม นี่มุกเหรอ แล้วนึกยังไงให้อมยิ้มหนู” อุ๋งยิ้มเต็มหน้าจนตาหยี “ก็อุ๋งเป็นเด็กไง ส่วนพี่ก็กินเป็นเพื่อนเด็ก เดี๋ยวคุยกันไม่รู้เรื่อง” เขาเอาอมยิ้มเข้าปากให้เธอดู “เอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนหนูได้ยัง” อุ๋งเอาอมยิ้มเข้าปากเสร็จก็แบมือขอสิ่งที่อยากได้ “ถ้าอยากได้ จบงานแล้วไปเอาที่พี่ เลิกกี่โมงล่ะ” เขาวางพลาสติกหุ้มอมยิ้มใส่มือเธอ เป็นนัยว่าฝากไปทิ้ง “สี่โมงเย็น” อุ๋งจับมือเขาแล้วยัดขยะคืน “อืม พี่กลับรีสอร์ตก่อน ตอนเย็นพี่มารับ” เขาขยุ้มขยะใส่ขวดน้ำที่หมดเกลี้ยง “ไม่ต้องหรอก หนูต้องเป็นคนตามหาพี่นี่นา” ฉลามยกมือไปโยกหัวทุยๆ ของเด็กสาว “งั้นเอาเฟซบุ๊กมา เดี๋ยวแชตคุยกัน” เขาดึงมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงเข้าเฟซบุ๊กแล้วยื่นให้เธอ ทำเป็นไม่รู้จักเฟซบุ๊กอุ๋งมาก่อน อุ๋งเข้าเฟซบุ๊กของตัวเองแล้วส่งเครื่องคืนเขา “พี่ฉลามไม่ต้องแอดมานะ หนูไม่รับแอดพี่ แต่พี่เข้ามาดูและแชตคุยได้ หนูตั้งค่าสาธารณะไว้” อุ๋งออกตัวก่อนที่ฉลามจะแอดเฟรนด์ “ทำไมล่ะ ในนี้อุ๋งก็มีเพื่อนตั้งสองพันกว่าคน แต่อุ๋งบอกว่าไม่รับแอดพี่!!!” ฉลามขมวดคิ้วมุ่น น้ำเสียงของอุ๋งจริงจังขัดกับบุคลิกที่ดูบอบบาง อุ๋งดุนอมยิ้มไปมาในปาก ชั่งใจว่าควรพูดดีไหม เธอเหลือบมองเขา “ถ้าพี่ฉลามอยากให้หนูหาพี่เจอ พี่ก็ส่งโลเกชั่นให้หนู แล้วหนูจะเล่าให้ฟัง” ฉลามยิ้มมุมปาก “ฉลาดพูดไม่เบานะเรา กะจะให้วิ่งหาจนทั่วหาดพัทยาสักหน่อย” อุ๋งดึงแว่นกันแดดที่เอาไปคาดไว้บนหัวส่งคืนเขา “พี่ฉลามใส่แว่นไว้นะ สายตาพี่มันเลวร้ายมาก” “อุ๋ง เดี๋ยว” ฉลามเรียกอุ๋งที่จู่ๆ ก็วาดขาออกจากม้านั่งและรีบวิ่งไปตามทางเดินโรงอาหาร “อุ๋ง เข้ามาอ่านแชตบ่อยๆ นะ” เขาตะโกนลั่นโดยไม่สนใจเด็กนักเรียนที่ต่างหันมามอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม