ใบหน้าของคุณหมอขวัญตาในเช้าวันนี้ทำให้ไม่มีใครกล้าเอ่ยทักทาย มีเพียงรุ่นน้องนักศึกษาแพทย์ที่ค้อมศีรษะให้กับเธอ พยาบาลหลายคนที่เงียบเสียงเมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของคุณหมอขวัญตา
“ข่าวที่ว่าหมอพายุจะแต่งงานนั้นคงจริง หมอขวัญหน้าบอกบุญไม่รับแต่เช้าเลย” คล้อยหลังคุณหมอเดินเข้าไปในห้องตรวจของเธอ เสียงซุบซิบของเหล่าพยาบาลก็ดังขึ้นทันที
“หึ...ใคร ๆ ก็ดูออกมาว่าคุณหมอชอบหมอพายุ มีแต่หมอพายุนั่นแหละที่ดูไม่ออก”
“แกว่าหมอพายุไม่รู้จริงดิ ฉันว่านะ...ที่หมอพายุยอมแต่งงานอาจจะเป็นเพราะหมอขวัญก็ได้”
“ยังไงอ่ะ”
“ก็แบบรู้มาตลอดว่าหมอขวัญชอบแต่ไม่ได้ชอบกลับ ก็เลยไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดไปเอง เดี๋ยวเสียเพื่อนน่ะสิ”
“แกคิดไปเอง หมอพายุน่ะ...ไม่สนใจใครอยู่แล้ว เขาไม่รู้แน่นอนว่าเพื่อนคิดไม่ซื่อด้วย”
“โหย...ถ้าไม่รู้ก็หมดคำพูดแล้วล่ะ จะสิงอยู่แล้ว ที่ผู้หญิงไม่กล้าเข้าหาหมอพายุก็เพราะหมอขวัญขู่ฝ่อ ๆ อยู่นี่แหละ ฉันว่าดีเสียอีกที่คุณหมอแต่งงานไป” เสียงนินทาไม่ได้เข้ามาในห้องตรวจโรคของแพทย์หญิงขวัญตา เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างเช่นทุกวัน
เที่ยวบินที่โชว์บนตั๋วเครื่องบินนี้ทำให้ขวัญตาลังเล เธอมองการ์ดแต่งงานที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นของพรีเมียมที่ราคาน่าจะสูงมาก น้ำตาที่หยดลงซองสีชมพูทำให้ซองแต่งงานเปื่อยยุ่ย หวนนึกถึงคำพูดของเขาที่เคยพูดไว้
“ทำไมแกไม่มีแฟนสักทีวะ ทั้ง ๆ ที่มีผู้หญิงมาให้เลือกไม่ซ้ำหน้า”
“ไม่เอาอ่ะ ยังไม่อยากมีใคร กูยังไม่รู้สึกถูกใจใครเลยว่ะ”
“หึ...แล้วอย่างนี้แกจะได้แต่งงานไหมวะ”
“คงไม่หรอก ทุกวันนี้กูก็มีความสุขดี...”
เพียงเพราะเขาเคยพูดว่าจะไม่แต่งงานทำให้เธอปลงใจ ไม่สารภาพรักกับเขาสักที เพราะยังไงเขาก็ไม่สนใจหญิงใด อีกนัยหนึ่งหญิงสาวกลัวเขาปฏิเสธจนมองหน้ากันไม่ติด ขวัญตาชอบที่จะอยู่ใกล้เขา ชอบให้เขาคอยเทคแคร์เธอ ไม่คิดว่าจะมาถึงวันที่เขากำลังแต่งงาน
“กรี๊ดดด!!” แรงอารมณ์ที่อัดอั้นภายในใจทำให้เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาภายในห้องตรวจโรค ร่างบางฉีกการ์ดแต่งงานในมือจนขาดกระจุย เธอกัดฟันกรอด ไม่คิดจะไปงานแต่งของเขาให้ช้ำใจแน่นอน อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยกเลิกงานแต่ง แต่หลังจากนี้เธอจะทวงคืนเขา ทว่า
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณหมอเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องตรวจของเธอทำให้หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา เธอรีบตะโกนเสียงตอบกลับ
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกคนไข้คนแรกให้เลยนะคะ”
“ค่ะ...” ร่างบางดึงทิชชูขึ้นเช็ดน้ำตา เก็บงำความเสียใจทั้งหมดไว้ พายุคงไม่ชอบแน่หากว่าเธอคิดอยากพังงานแต่งงานของเขา ขวัญตารู้ดีว่าอะไรที่เขาไม่ชอบ อะไรที่พายุชอบ เธอเป็นเพื่อนกับเขามาสิบเอ็ดปี ทำไมจะไม่รู้...
ยามเช้าของอิตาลีไม่ได้มีแสงแดดอย่างที่ประเทศไทย บรรยากาศอาหารเช้าของชายหนุ่มหญิงสาวถูกขับกล่อมด้วยบทเพลงคลาสสิคสุดแสนโรแมนติก
“หึ...” พายุหลุดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง แม้นจะพยายามไม่คิดแล้วแท้ ๆ ทว่าก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี
“หยุดขำนะคะ”
“โอเค ๆ ครับ”
“ฉันอายนะ” ภาพจำยังคงติดตาอยู่ แพตตี้เอียงคอหันหน้าหนีเขา ขณะที่พายุไม่สามารถหยุดขำได้จริง ๆ เขานึกถึงสีหน้าของเธออยู่ตลอดเวลา
“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มยกหลังมืออังริมฝีปากของตนไว้ พยายามจะไม่ขำ เพราะเธอกำลังหน้างอสุด ๆ แล้ว “กินเถอะครับ สเต๊กต้องกินตอนร้อน ๆ มัวอายอยู่มันเย็นเสียก่อน”
แพตตี้หันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง เธอหิวจนไส้จะกิ่ว ตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อมาแต่งหน้าแต่งตัวจะได้มากินข้าวกับเขา ไม่คิดว่าสิ่งที่เตรียมมาอย่างดีจะพังเพราะตัวเอง
“ทำไมถึงชื่อแพตตี้ครับ” พายุพยายามชวนคุยให้บรรยากาศกลับมาเป็นเหมือนเดิม คนขี้อายเงยหน้าขึ้นมองเขาเพียงเล็กน้อย สบตากับเขาทีไรเหมือนกับมีเครื่องมากระตุ้นหัวใจ ใจสั่นไหวเสียทุกครั้งไป
“มีพี่ชายชื่อแพทริคค่ะ”
“อื้ม แพทริค...พี่เจอแพทริคบ่อยนะ แต่ไม่เคยเจอเราเลย ไม่ค่อยกลับไทยเหรอ” เขาถามด้วยความใคร่รู้ ด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกัน ชายหนุ่มพบปะกับพี่ชายของเธอบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเจอหน้าเธอเลยสักครั้ง
“คุณตาหวงค่ะ ไม่อยากให้ไปไหน ก็เลยไม่ค่อยได้ไปไหนค่ะ”
“แล้วไม่ได้กลับไทยเลย?”
“กลับค่ะ”
“ไม่ไปหาพี่บ้าง เราน่าจะนัดเจอกันสักครั้ง”
“เคยไปค่ะ พี่คงจำไม่ได้” ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย ทว่าเจ้าของร่างบางเพียงแค่ส่งยิ้มให้กับเขาไม่ไขข้อกระจ่างให้เขาเสียที เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้ ที่บ้านของเธอแม้แต่คนรับใช้ก็คิดว่าเธอไม่เคยเจอเขา แต่ความจริงหญิงสาวเคยแอบไปหาเขาที่โรงพยาบาลมาก่อน
“ทำไมพี่ไม่รู้”
“หึ...” แพตตี้ยกน้ำขึ้นจิบแก้เขิน เธอส่งยิ้มให้เขาบาง ๆ พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนั้นทำให้เขายิ้มตามไปด้วย ก่อนหน้านี้พายุคิดว่าเธอน่าจะเป็นคุณหนูเอาแต่ใจเหมือนกับรุ่นน้องที่รู้จักกัน คนร่ำรวยมีคนรับใช้มากมายต้องเอาแต่ใจเป็นแน่ แต่ดูแล้วเธอต่างจากที่คิดไว้มาก
“ทำไมเราตกลงแต่งงานกับพี่ล่ะ แต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กนะ”
“แล้วทำไมพี่ตกลงล่ะคะ” แพตตี้ยอกย้อน เธอไม่ตอบคำถามของเขาแต่เลือกให้เขาตอบก่อน
“พี่ถามเราก่อนนะ”
“หึ...”
“ไม่รู้สิ พี่ก็แค่แต่งตามที่บ้านบอกว่าโอเค”
“อ้อ...” ได้ยินอย่างนี้แล้วก็รู้สึกเสียใจ ใบหน้าเล็กก้มลงเล็กน้อย เขาช่างตอบตรงไปตรงมา คำตอบของเขานั้นไม่ผิด แต่พอได้ยินก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย
“แต่ตอนนี้ก็...”
“คะ?” อยู่ ๆ เขาก็เอ่ยพูดขึ้นมาอีก พายุชะงักริมฝีปากไว้ เขายกยิ้มให้เธอบาง ๆ
“ตอนนี้ก็รู้สึกโอเค เหมือนที่บ้านบอกจริง ๆ” คิ้วเรียวเล็กขมวดมุ่น เขาว่าพร้อมกับยิ้มให้เธอ พายุก้มหน้าลงหั่นเนื้อสเต๊กในจานปล่อยให้แพตตี้นั่งอึ้งโดยไร้คำอธิบายใด ๆ เขากำลังจะบอกว่าโอเค...โอเคที่แปลว่าดีหลังจากที่ได้เจอเธออย่างนั้นหรือ...