เพราะเขาเพิ่งมาถึงอิตาลี แพตตี้อยากให้ชายหนุ่มได้พักผ่อน จากที่คิดอยากชวนเขาไปดูสถานที่จัดงานแต่งของเธอกับเขานั้นต้องชะงักไป ทว่าเขากลับอยากมาดูเองเสียอย่างนั้น แม้ว่าเธอบอกไม่เป็นไรก็ตาม
“ที่นี่เหรอ”
“ค่ะ...ถ้าพี่ไม่พอใจให้คนจัดให้ใหม่เลยก็ได้ค่ะ” พายุมองไปยังโบสถ์ขนาดใหญ่นี้ พอใกล้ถึงวันงานเขาก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย หลังจากนี้เขาจะกลายเป็นคนมีภรรยาไม่ใช่หนุ่มโสดอีกต่อไป
“เราจัดเองหมดเลยเหรอ” แพตตี้เม้มริมฝีปาก ลังเลว่าจะตอบตามความจริงหรือไม่ หากบอกว่าจัดเองทุกอย่างจะเสียเชิงหญิงเลยไหม
“สวยดีนี่”
“คะ?”
“จัดได้สวยมาก” เขาพูดออกมาตามตรง ดอกไม้นานาชนิดถูกจัดแต่งเป็นพุ่มรอบ ๆ โบสถ์ หน้าทางเข้าโบสถ์มีซุ้มดอกกุหลาบสีแดงสดตั้งไว้ เขายกยิ้มให้กับเธอบาง ๆ
“ขอบคุณค่ะ”
“หืม?”
“ฉันจัดเองเลย เลือกดอกไม้มาจัดเอง ออกแบบเองหมดเลยค่ะ” พอเขาชมเธอก็รีบพูดขึ้น แพตตี้ยิ้มให้กับเขา หัวใจดวงน้อยพองโต คู่รักในจินตนาการของเธอนั้นเป็นดั่งจินตนาการจริง ๆ เขาช่างละมุนละไม
“หึ...พี่ไม่ได้ช่วยเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” แพตตี้รีบโพล่งเสียงออกมาเกรงว่าเขาจะเสียใจ ทำเอาชายหนุ่มนึกขัน เสียงหัวเราะของเขาทำให้เธอรีบยกมือขึ้นลูบผมด้วยความเคอะเขินทันที
“เรียนจบอะไรมาล่ะ”
“เอ่อ...โภชนาการค่ะ นักโภชนาการด้านอาหาร”
“งั้น...ก็คงทำอาหารอร่อย”
“แล้วแต่คนชิมค่ะ คนหลายคนมีความชอบต่างกัน”
“ไว้ทำให้พี่กิน”
“คะ...”
“_”
“อ้อ แน่นอนค่ะ” แพตตี้เม้มริมฝีปาก เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเมื่ออยู่กับเขา พูดจาก็ติดขัดไปเสียหมด “ฉันว่าเรากลับกันดีกว่าค่ะ พี่ยังไม่ได้พักเลยนี่คะ”
“_” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้ารับ พายุคาดเดาได้ยากกว่าที่คิด แพตตี้ไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไรอยู่ โอเคมากน้อยแค่ไหน...หรืออย่างไร เขาไม่ได้ส่งสายตาแพรวพราวเหมือนกับผู้ชายที่คุณตาเคยพาไปเจอ ทว่า
“เดี๋ยวพี่ขอคุยโทรศัพท์ก่อนนะ” พายุนึกอะไรบางอย่างออก เขายังไม่ได้รับคำตอบจากเพื่อนสาวเลยว่าเธอจะมาที่นี่ไหมหรือยังไง ชายหนุ่มเดินห่างจากเธอเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าพยักหน้ารับ
แพตตี้เกรงว่าจะเสียมารยาทเธอรีบเดินกลับไปขึ้นรถคันหรูที่การ์ดร่างสูงเปิดประตูให้ อยากรู้ว่าเขาคุยอะไร แต่มันก็ไม่ใช่การของเธอ
เสียงรอสายเพียงครู่ดังขึ้นก่อนที่ปลายสายจะกดรับ พายุกระตุกยิ้มให้กับขวัญตา เธอลีลาได้ไม่นานเหมือนเคย
ติ๊ด!
“ไง...”
[ไม่ไง แค่งานเยอะมาก] ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ แผนกของเขานั้นมีแพทย์อยู่หลายคน แต่มีเฟลโล่แค่สองคนคือเขาและคนเป็นเพื่อน
“ตกลงไม่มาหรือไง งานสำคัญของเพื่อนเลยนะ”
[ถ้าฉันไปใครจะดูแลคนไข้ของแกล่ะ]
“ก็พี่สตาฟ [3] ไง ไม่ก็อาจารย์แพทย์ สัปดาห์นี้พาน้องมาราววอร์ด [4] ด้วยนี่”
[อึก ไม่เอาอ่ะ ฉันปล่อยคนไข้ไว้ไม่ได้หรอก] เสียงของขวัญตาแปลกไป ทำเอาพายุขมวดคิ้วมุ่น
“พักผ่อนหน่อยก็ได้”
[ไม่เอาหรอก ฮึก...แค่นี้นะ]
“ไม่อวยพรเลยว่างั้น”
[...ฉันรีบไปทำงาน มีเคสผ่าตัดอีกสองนาทีเนี่ย แค่นี้แหละ] ไม่ทันที่พายุจะได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็กดตัดสายใส่เขาเสียแล้ว ชายหนุ่มมองดูโทรศัพท์มือถือของตนด้วยความใคร่รู้ เสียงของขวัญตาเหมือนคนกำลังร้องไห้ แต่คนอย่างขวัญตาไม่น่าจะร้องไห้เพราะทำงานหนักแทนเขา เธอเป็นหญิงแกร่งควบเวรมาแล้วหลายวันไม่เห็นเป็นไร
ซึ่งสีหน้าเป็นกังวลของชายหนุ่มทำให้เจ้าของร่างบางที่นั่งอยู่บนรถรอเขาขมวดคิ้วมุ่น เธอพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุดเมื่อร่างหนาเดินกลับมาขึ้นรถ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถึงกระนั้นความอยากรู้ของเธอก็ทำให้แพตตี้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม พายุชะงักเล็กน้อย เขาหันมามองหน้าเธอ
“...เอ่อ ขอโทษนะคะถ้าฉันยุ่ง คือว่า...แค่เป็นห่วงน่ะค่ะ”
“เปล่า พี่ไม่ได้คิดว่าเรายุ่งเลย” เขายิ้มให้เธอ แพตตี้อยากเขียนตัวหนังสือคำโต ๆ บอกเขาว่าอย่ายิ้มบ่อย เพราะมันทำให้ใจของเธอสั่น แต่ก็ทำได้แค่เก็บงำความรู้สึกไว้ภายในใจ “พอดีพี่มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งน่ะ เราคบกันมานานตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เธอไม่มางานแต่งของเรา พี่ก็เลยรู้สึกน้อยใจตามประสาเพื่อน”
“เหรอคะ ฉันบังคับให้เพื่อนของฉันทุกคนมาเลยค่ะ” เธอว่าพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ เข้าใจเขาเป็นอย่างดี วันสำคัญในชีวิตก็อยากให้เพื่อนมาร่วมแสดงความยินดีเป็นธรรมดา
“แต่ไม่เป็นไรหรอก พี่คิดว่าจะจัดงานเลี้ยงที่นั่นด้วย”
“หืม...”
“เอาจริง...งานแต่งเรามีแค่ญาติที่สนิท แต่ว่า...พี่อยากให้เพื่อนร่วมงานมาด้วย ทั้งหมอในแผนก พยาบาล แม่บ้าน ป้าร้านน้ำปั่นใต้ตึกศัลย์ฯ” เขาว่าด้วยรอยยิ้ม ทำเอาแพตตี้เผลอยิ้มตามไปด้วย เขาไม่ถือตัวเลย อบอุ่นใจดีเหมือนกับที่แม่ของเธอบอกจริง ๆ ที่บ้านคะยั้นคะยอเธอหนักหนาว่าต้องเป็นเขาคนนี้...เวลานี้เธอเข้าใจแล้วว่าต้องเป็นเขาจริง ๆ