“น้องไหว้เจ้าค่ะพี่เกื้อ”
“จะกลับเรือนแล้วหรือแม่ดอกแก้ว”
“เจ้าค่ะ”
“พี่จักเดินไปส่งหล่อนที่หน้าเรือน”
“มิต้องเดินไปส่งดอกเจ้าค่ะ น้องมิได้เป็นง่อย”
“ปากคอเราะรายนัก โกรธอันใดพี่อีกรึ”
“น้องนี่น่ะหรือจะกล้าโกรธอันใดพี่เกื้อ น้องแค่บอกว่าน้องมิได้ง่อยเปลี้ยเสียขา มิต้องให้ผู้ใดเดินไปส่งดอกเจ้าค่ะ”
“หึงรึ” คนหน้านิ่งถามเสียงขรึม ทำเอาคนฟังถึงกับตาโต ด้วยเขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่สายบัวหกล้มแล้วให้เกื้ออุ้ม
“พี่เกื้อพูดกระไรเจ้าค่ะ คนอะไรหลงตัวเองเป็นที่สุด มิเคยพบเคยเห็นมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
“ปากของเจ้านี่หนา” คนพูดส่ายหน้าไปมา
“ปากของน้องเป็นเช่นไรเจ้าค่ะ เหตุใดคุณพี่เกื้อต้องเดินหนีน้องด้วยเจ้าคะ” ดอกแก้วอยากเอาชนะจึงเดินตาม จากที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายไปส่ง ก็จำต้องเดินตามคนไม่อยากให้ไปส่งเสียเอง
“ก็เป็นเช่นนี้แหละ ตอบคำถามวกวนทุกคราที่เอ่ยถาม ถ้าจักไม่ตอบคำถามวกวนสักคราจะตายหรือไม่ แลไม่มีหญิงใดพูดจายอกย้อนเช่นหล่อนอีกแล้วแม่ดอกแก้ว”
“น้องพูดจริงนี่เจ้าคะ ใครจะเหมือนแม่สายบัวกันเล่า หกล้มนิดหน่อยแกล้งทำหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต้องให้ไปส่งถึงเรือน ป่านฉะนี้หายหรือยังล่ะเจ้าคะ หรือขาหักไปเสียแล้ว” ดอกแก้วประชด นั่นทำให้ริมฝีปากหยักหนาโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองคนหน้างอด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นเดิม
“เช่นนี้เรียกหึง” เกื้อขยับใบหน้าเข้าไปหา พลางมองสบตาคนตรงหน้า ดอกแก้วถึงกับตาโต รีบเฉไฉในทันที
“น้องจักกลับเรือนแล้วเจ้าค่ะ คุยกับพี่เกื้อแล้วปวดหัวเสียนี่กระไร คนอะไรหลงตัวเองเป็นที่สุด” ดอกแก้วแกล้งโวยวาย ใบหน้าแดงจัด ดูออกว่าเขินอาย ก่อนจะรีบเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทกลับเรือน
“พี่แพงกลับเรือนกันได้แล้ว ฉันร้อน ฉันอยากอาบน้ำ”
“คุณหนูจักอาบน้ำเพลานี้เหรอเจ้าคะ”
“ใช่ อาบมิได้รึ” ข้ออ้างของหล่อนทำให้เกื้อทั้งเอ็นดูแลทั้งหมั่นไส้ไม่น้อย
“อยากอาบน้ำก็อาบที่สระหน้าบ้านของพี่ดีหรือไม่แม่ดอกแก้ว” เกื้อเอ่ยถามปนเย้า
“ให้พี่เกื้ออาบเองสิเจ้าค่ะ น้องจักกลับไปอาบน้ำที่เรือนตัวเองเจ้าค่ะ” หล่อนสะบัดหน้าหนี แต่พอคิดอะไรขึ้นมาได้ หมั่นไส้คนโคตรหลงตัวเองนัก หล่อนจึงจะวิ่งเข้าใส่เพื่อผลักเขาตกสระบัวเสียตรงหน้า เหมือนที่เคยแกล้งมาหลายครั้งหลายคราก่อนหน้านี้ แต่กลายเป็นว่าเกื้อหลบทัน หล่อนเลยถลาลงไปในสระบัวตรงหน้าแทน
ดอกแก้วร้องเสียงหลงที่เสียหลักถลาลงไปในสระบัว หล่อนทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากสระ มองเกื้ออย่างเจ็บใจ
“ให้พี่ช่วยไหมแม่ดอกแก้ว”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ น้องขึ้นเองได้”
“คุณหนูให้บ่าวช่วยนะเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องฉันขึ้นเองได้” หล่อนพูดอย่างเจ็บใจ สีหน้ามีความแง่งอนอยู่ในที แต่พอคิดอะไรขึ้นมาได้ หล่อนก็อยากแกล้งคนขี้เก๊กอย่างเขาอีกครา ไหน ๆ ก็เปียกปอนถึงขนาดนี้แล้ว
“วะ! ว้าย!” หล่อนแกล้งขึ้นจากสระบัวมิได้ แลลื่นตกน้ำไปอีกครา คราวนี้เกื้อยื่นมือส่งมาให้ด้วยความเอ็นดู หล่อนมองอย่างหมายมาด คว้าหมับเข้าให้ แลออกแรงดึงเขาลงไป
ตู้ม! เสียงน้ำกระจายดังขึ้นอีกครา เกื้อตกลงไปในสระสมใจของดอกแก้ว หล่อนหัวเราะชอบใจ ก่อนจะรีบปีนหนีขึ้นจากสระโดยไว
“ร้อนเหลือเกินเจ้าค่ะ ได้อาบน้ำในสระบัวพร้อมพี่เกื้อช่างดีเสียจริง พี่เกื้อว่าจริงไหมเจ้าคะ ไปเถิดพี่แพง” ดอกแก้วยิ้มชอบใจที่แกล้งเขาได้ ก่อนจะหันไปชวนบ่าวรับใช้คนสนิท เดินหนีกลับเรือนไป
“ไม่น่าเลยขอรับคุณเกื้อ จะดีอยู่แล้วเชียว มิวายโดนคุณหนูดอกแก้วแกล้งให้อีกนะขอรับ”
“เอ็งก็รู้ว่าแม่ตัวดีแสบแค่ไหน” เกื้อขึ้นจากน้ำได้ก็มองตามร่างอรชรไปจนสุดท้าย โดยภาพเหตุการณ์นั้นมีศักดิ์และอุ่นแอบมองอยู่บนเรือน
อุ่นส่ายหน้าไปมา ก่อนจะมองหน้าสามีแล้วยิ้มขำออกมา
“บางทียังมิออกเรือนตอนนี้ก็ดีนะเจ้าคะคุณพี่ ถึงแม้นว่าน้องจะชื่นชมแม่ดอกแก้วเป็นอันมาก แต่เรื่องความแก่นแก้วแลชอบแกล้งพ่อเกื้อของเรายังมากโขอยู่ ไม่มีความเอียงอายเป็นกุลสตรีเลยสักนิด ยิ่งกว่าม้าดีดกะโหลกเสียอีก”
“ถึงเป็นเช่นนี้ แต่น้องก็เอ็นดูแม่ดอกแก้วเกินใครมิใช่รึ” ศักดิ์รู้ทันภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของตนเองดี
“อันนั้นน้องยอมรับเจ้าค่ะ แม้จะไขว้เขวเอ็นดูแม่สายบัวไปบ้าง แต่แม่ดอกแก้วเป็นหญิงที่น้องพึงใจและเอ็นดูมากกว่าใคร แลอยากได้มาเป็นสะใภ้เจ้าค่ะ เอาเถิดหนา รออีกสักปีสองปี แม่ดอกแก้วอายุสิบเก้ายี่สิบอาจจะเลยวัยแก่นแก้วเซี้ยวซนไปได้บ้าง ในเพลานั้นหล่อนอาจจักเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นแม่บ้านแม่เรือนมากขึ้นก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
ทางด้านดอกแก้วนั้น หล่อนได้อ่านจดหมายของพี่สาวแล้วอมยิ้ม ตอนนี้พี่สาวกำลังมีความรักกับคุณหลวงอัฐ เนื้อความในจดหมายดูหวานละมุนและบ่งบอกว่าพี่สาวคงไม่แคล้วต้องออกเรือนกับหลวงอัฐผู้นี้เป็นแน่แท้
ในขณะที่ดอกแก้วกำลังอ่านจดหมายพี่สาวอยู่นั้น ดอกรักเองก็กำลังอ่านจดหมายของน้องสาวอยู่เช่นเดียวกัน