“หลานนำผ้าทอมาฝากคุณลุงกับคุณป้าด้วยเจ้าค่ะ”
“น่ารักเสียจริงแม่ดอกแก้ว ผ้าทอของแม่ช่างงามนัก”
“ญาติของเราทางสงขลาและนครศรีธรรมราชส่งผ้าทอมาให้ขายเจ้าค่ะ หลานเห็นว่าลายสวยจึงนำมาฝากคุณลุงกับคุณป้าเจ้าค่ะ” ครอบครัวของอินนั้นมีญาติทางใต้อยู่หลายจังหวัด จะเรียกว่ากว้างขวางก็ย่อมได้ แลบ้านญาติของอินนั้นก็เป็นแหล่งทอผ้าที่มีชื่อเสียง ทั้งทอผ้ายกดิ้นเงินดิ้นทอง ผู้เป็นอาเล่าว่าได้รับอิทธิพลจากชาวมุสลิม ชาวอาหรับ ที่เข้ามาค้าขาย ต่อมาผ้ายกเงินยกทอง ได้เป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูง แลเจ้าเมืองและข้าราชการหัวเมืองภาคใต้ จึงต่างสนับสนุนให้ลูกหลาน และชาวบ้านทอกันอย่างแพร่หลาย
“แม่รับผ้ามาขายด้วยหนา ช่างขยันเสียจริง”
“ในตอนนี้ที่บ้านของหลานก็มีการค้าขายกระดาษกันด้วยเจ้าค่ะ หลานชอบอ่านหนังสือแต่เล็ก แลอยากส่งเสริมให้เด็กได้อ่านออกเขียนได้เจ้าค่ะ ไม้จากเมืองเหนือเป็นไม้เนื้อดีเจ้าค่ะ”
“ดีเสียจริงแม่ดอกแก้ว ใครได้หลานไปเป็นเมียนับว่าโชคดีนัก”
“มิถึงขนาดนั้นดอกเจ้าค่ะคุณป้า”
“อาอินของหลานก็มิใช่คนอื่นคนไกลกันดอกหนา เป็นญาติของป้าเช่นกัน นอกจากผ้ายกดิ้นเงินดิ้นทองแล้ว ก็มีการทอผ้าขาวม้า ผ้าฝ้ายยกดอก ผ้าหางกระรอก ผ้าโสร่ง ผ้าตาเล็ดงาด้วย ป้าเคยได้รับเป็นของฝากจากญาติที่มาเยี่ยมจากสงขลาแลนครศรีธรรมราช”
“วันนี้หลานทำแกงรัญจวนแลแกงพะแนงเนื้อเจ้าค่ะ”
“กลิ่นหอมกรุ่นเสียจริงแม่ดอกแก้ว ลุงของหลานน่ะชอบแกงพะแนงเนื้อนัก ป้าน่ะชอบรับประทานแกงรัญจวน แลเครื่องจิ้มของหลานวันนี้เป็นน้ำพริกแมงดารึ แหม... เห็นแล้วถึงกับน้ำลายสอ”
“ยังมีแกงส้มอีกเจ้าค่ะคุณป้า”
“พ่อเกื้อน่ะเขาชอบรับประทานแกงส้ม ช่างรู้ใจเสียจริง”
“วันนี้คุณอาอินทำเมี่ยงคำรับประทานด้วยเจ้าค่ะ คุณอาจึงให้หลานแบ่งมาให้ลองชิมดูน่ะเจ้าค่ะ”
“แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่าอร่อย อาอินของหลานทำเมี่ยงคำอร่อยไม่แพ้ใคร มะพร้าวคั่วก็หอม ทั้งกุ้งแห้งเอย ถั่วคั่วเอยก็มีกลิ่นหอมเย้ายวน หอมแดง แลขิงก็หั่นมาสวยงามน่ากิน พริกขี้หนูก็สด ยิ่งใบชะพลูยิ่งสด ใบอ่อนแก่กำลังดีไม่อ่อนจนเกินไป ไม่แก่จนเกินไป ช่างคัดสรรเสียจริง จริงหรือไม่คะคุณพี่” อุ่นหันไปเอ่ยถามสามี
“จริงจ้ะ” ศักดิ์รับคำ มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างพึงพอใจไม่น้อย หญิงที่เพียบพร้อมเช่นดอกแก้วหายากยิ่ง อันว่าจักร่ำรวยเพียงอย่างเดียวมิได้ ต้องรู้จักทำมาหากิน เป็นแม่บ้านแม่เรือน แลรู้จักเก็บทรัพย์ที่หามาได้ด้วย มิเช่นนั้นออกเรือนกันไปจักลำบาก หาเงินหาทองได้เยอะเพียงใดไม่สำคัญเท่ากับการรู้จักเก็บเงินเก็บทอง
“หลานขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ วันหลังหลานจะมากราบเยี่ยมใหม่เจ้าค่ะ” ดอกแก้วยกมือไหว้เพื่อกล่าวลา หลังจากนั่งสนทนากับศักดิ์และอุ่นอยู่ครู่ใหญ่
ดอกแก้วมิได้ไปมาหาสู่กับศักดิ์แลอุ่น บิดามารดาของเกื้อทุกวันเหมือนเช่นสายบัว ด้วยว่าหล่อนนั้นต้องทำงานทำการ ดูแลกิจการของที่บ้านแทนอาทั้งสองเต็มตัว หล่อนจะเพียงแค่ตามผู้เป็นอาทั้งสองมาเยี่ยม ยามเมื่อมีของมาฝาก และมิได้ไปทำงานที่ใดเท่านั้น แต่การที่หล่อนทำเช่นนี้ก็ทำให้สองสามีภรรยานึกเปรียบเทียบอยู่ในใจ เพราะดอกแก้ววางตัวดีแลไม่ได้ตามตื้อผู้ชายจนเกินงาม หล่อนไว้ตัว ทำตัวมีคุณค่า หาเหมือนสายบัวไม่ที่เทียวไปเทียวมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนคนเอาไปนินทากันสนุกปาก
“แม่ดอกแก้ว ประเดี๋ยวก่อน”
“คุณป้ามีกระไรจะให้หลานรับใช้หรือเจ้าคะ”
“ป้าไม่เคยถามหลานตรง ๆ ด้วยเรื่องนี้มาก่อน แต่ป้านั้นติดค้างอยู่ในใจยิ่งนัก ว่าเหตุอันใดหลานถึงมิตกลงปลงใจกับพ่อเกื้อลูกชายของป้า พ่อเกื้อมีสิ่งใดบกพร่องหรือด่างพร้อย มิคู่ควรกับหลานเช่นนั้นรึ”
“มิได้เจ้าค่ะคุณป้า พี่เกื้อดีพร้อมทุกประการเจ้าค่ะ เพียงแต่หลานนั้นยังมิอยากออกเรือนในตอนนี้ หลานยังอยากทำงานแลช่วยดูแลกิจการของคุณอาทั้งสองให้เต็มที่เจ้าค่ะ หลานยังอยากท่องเที่ยวขึ้นเหนือล่องใต้แลติดตามคุณอาทั้งสองไปค้าขายที่พระนครเจ้าค่ะ หากมีเย้ามีเรือนแล้วไซร้หลานคงต้องอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน ดูแลปรนนิบัติสามีแลลูกเต้า ซึ่งหลานยังไม่อยากเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ขอให้คุณลุงกับคุณป้าได้โปรดเห็นใจหลานด้วยนะเจ้าคะ”
“แม่ดอกแก้วนี่พูดตรงเสียจริง แล้วหลานไม่นึกรักใคร่ชอบพอลูกชายของป้าบ้างเลยรึ รู้จักกันมาก็ตั้งนานหลายปี”
“หลานขอเวลาคิดตรึกตรองอีกสักนิดนะเจ้าคะ หากออกเรือนไปแล้วหลานก็อยากมั่นใจว่าหลานจักเป็นภรรยาที่ดีและแม่ที่ดีของลูกได้เจ้าค่ะ” ได้ยินประโยคนั้นก็ทำให้สองสามีภรรยาไม่มีอะไรจะถามอีก ดอกแก้วถ่อมตนว่าอยากทำตัวให้ดีพร้อมเทียบเทียมลูกชาย หาใช่พูดจาต่อว่าลูกชายของพวกตนต่ำต้อยไม่คู่ควร ประโยคก็มิใช่การตัดรอนว่ามิรักมิชอบ นั่นทำให้ศักดิ์และอินมิถามเซ้าซี้อันใดอีก
ดอกแก้วลงจากเรือนมาก็เจอเข้ากับเกื้อ หล่อนยกมือไหว้เขาด้วยนับถือว่าเขานั้นอายุมากกว่า