1
พุทธศักราช ๒๔๒๐ โมกข์ วัชรศักดิ์ หรือหลวงพิทักษ์ธำรงเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องคลอดด้วยจิตใจว้าวุ่น หมอตำแยกำลังทำคลอดให้ภรรยาของเขาอยู่ด้านในเป็นนานก็ไม่มีวี่แววว่าลูกน้อยในครรภ์จะคลอดออกมาเสียที “เมื่อใดลูกพี่จักคลอดเสียที” โมกข์เอ่ยกับน้องชายอย่างว้าวุ่นใจ เพียรกับอินเป็นน้องชายและน้องสะใภ้ที่เดินทางมาจากหัวหิน ทั้งสองมาเยี่ยมเยียนเหมือนเช่นเคย ในครานี้ประจวบเหมาะกับที่เพ็ญคลอดลูกพอดิบพอดี เพียรเป็นน้องชายแท้ ๆ ของโมกข์ อีกฝ่ายไม่ชอบรับราชการงานเมือง ชอบการค้าขายมากกว่า และยังชอบท่องเที่ยว จึงเดินทางค้าขายไปทั่ว จนไปเจอกับอินเข้า อินเป็นลูกสาวเศรษฐีทางใต้ ของประจบคีรีขันธ์ หน้าตาสวยคมเช่นสาวใต้ ผิวสีน้ำผึ้ง รสมือการทำอาหารจัดจ้านและเป็นคนขยัน ค้าขายเก่งไม่แพ้ผู้ชาย เพียรถูกใจอินยิ่งนัก เมื่อทั้งสองรักใคร่ชอบพอกัน โมกข์จึงเป็นธุระสู่ขอและจัดการเรื่องงานแต่งให้น้องชาย ด้วยว่าอินเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว มารดานั้นป่วยหนัก จึงมีเงื่อนไขว่าหากอยากออกเรือนกับอินต้องย้ายมาอยู่บ้านฝ่ายหญิง เพราะทรัพย์สมบัติและที่ทางมากมาย หากลูกสาวไม่อยู่เสียคนก็คงไม่มีใครดูแล เพียรเห็นว่าทางนี้มีพี่ชายอยู่แล้ว จึงไม่ห่วงอันใด ออกเรือนแล้วจึงย้ายมาอยู่กับเมียรักทางใต้เพื่อดูแลเรือกสวนไร่นาและทำการค้าขายให้เป็นเรื่องเป็นราว ลงหลักปักฐานที่บ้านของเมียเสียเลย เสียงเด็กร้องไห้จ้าทำให้โมกข์มีท่าทีดีใจไม่น้อย ก่อนจะตะโกนบอกน้องชายเสียงดังลั่นบ้าน “ลูกพี่คลอดแล้ว ลูกพี่คลอดแล้ว พ่อเพียรลูกพี่คลอดแล้ว” “ขอรับพี่โมกข์ น้องเองก็ดีใจกับพี่โมกข์ด้วยขอรับ มาเยี่ยมครานี้จักได้เห็นหน้าหลานเสียที” “ยังมีอีกคน” หมอตำแยตะโกนบอกบ่าวรับใช้ที่คอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างเพื่อทำคลอดทารกอีกคน ประโยคนั้นทำให้โมกข์ดีใจยิ่งนัก “พี่จักได้ลูกแฝดเชียวหนาพ่อเพียร ดีเสียจริงท้องครั้งเดียวพี่ได้ลูกถึงสองคน” “น้องดีใจด้วยท่านพี่” เพียรหันไปมองเมียรักด้วยรอยยิ้ม อินเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน หล่อนออกเรือนกับเพียรแต่ยังไม่มีลูก ใจก็อยากมีลูกเหมือนกัน ทายาทที่คลอดออกมาเป็นแฝดหญิงสองคน คนโตโมกข์ให้ชื่อว่าดอกรัก คนเล็กให้ชื่อว่าดอกแก้ว ทั้งสองเป็นเด็กน่ารัก แต่มีนิสัยค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดอกรักนั้นเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นเด็กน่ารักอยู่ในโอวาทของบิดามารดา ชอบงานเย็บปักถักร้อย ส่วนดอกแก้วนั้นแก่นแก้วไม่เกรงกลัวใคร ทั้งยังเฉลียวฉลาดทันคน ดอกแก้วชอบปีนป่ายต้นไม้ ไม่ชอบงานเย็บปักถักร้อย แต่สองพี่น้องก็รักกันมาก ดอกแก้วรักพี่สาวมาก ใครมารังแกพี่สาวต้องข้ามศพตนไปก่อน “แม่ดอกแก้ว ลูกนี่เหลือเกินเสียจริง งานเย็บปักถักร้อย งานบ้านงานครัวไม่ทำ กลับไปเตะต่อยปีนป่ายต้นไม้ เด็กผู้ชายคนอื่นยังไม่ซุกซนเท่าลูกเลยหนา แม่จักทำเช่นไรกับลูกดี ถึงจักได้ไม่ดื้อไม่ซน เรียบร้อยอ่อนหวานดังเช่นพี่สาวของลูกบ้าง” ดอกแก้วนั่งยิ้มแป้นไม่เถียงมารดาเลยสักคำ ก่อนจะค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปออดอ้อนตามประสา “คุณแม่เจ้าขา ลูกไม่ชอบงานเย็บปักถักร้อยนี่เจ้าคะ ปวดหลังจะแย่ คุณแม่ก็อย่าดุลูกเลยนะเจ้าคะ” “ยังจะมาเอ่ยอ้างอีก น่าจะโดนหวายสักทีสองที” “คุณพ่อเจ้าขา” ดอกแก้วหันไปขอความช่วยเหลือจากบิดา “แม่เพ็ญก็อย่าไปดุลูกนักเลย ลูกยังเล็กนัก” “คุณพี่ก็เข้าข้างลูกจนเสียคน น้องจักทำเช่นไรก็ให้ท้าย แม่ดอกแก้วเลยกลายเป็นม้าดีดกะโหลกเช่นนี้ โตขึ้นจะมิมีผู้ใดมาขอเป็นเมียนะเจ้าคะ แม่ดอกแก้วจักได้เป็นสาวแก่ทึนทึกขึ้นคาน” “มิมีผู้ใดมาขอเป็นเมีย ลูกก็จักอยู่เป็นโสดจนวันตายเจ้าค่ะ” “ตายแล้วแม่ดอกแก้ว พูดกระไรเช่นนี้ ไปเอาความคิดเช่นนี้มาจากผู้ใด” เพ็ญยกมือขึ้นทาบอก “เอาน่าแม่เพ็ญ ค่อย ๆ สอนกันไปลูกยังเล็กนัก” “คุณพ่อเจ้าขา ลูกอยากอ่านหนังสือของคุณพ่ออีกเจ้าค่ะ” ดอกแก้วบอกบิดาอย่างตื่นเต้น ในห้องหนังสือของบิดานั้นเต็มไปด้วยหนังสือมากมาย หล่อนได้อ่านแล้วได้ความรู้มากมาย จึงอยากจะอ่านให้ครบทุกเล่มเพื่อจักได้มีความรู้มากยิ่งขึ้นไปอีก “เอาสิ ตามพ่อมา พ่อมีหนังสือสนุกๆ ให้ลูกอ่านหลายเล่มเชียวหนา” ดอกแก้วเดินตามบิดาไปอย่างตื่นเต้น นั่นทำให้เพ็ญถึงกับส่ายหน้าไปมา หากดอกแก้วเกิดมาเป็นชายเสียให้รู้แล้วรู้รอดคงจะดี เพราะนิสัยเช่นนี้ไม่ต่างจากเด็กผู้ชายเลยสักนิด เพียรกับอินนั้นยังไม่มีทายาทสืบสกุล มาเยี่ยมเยียนพี่ชายกับพี่สะใภ้ทีไรก็เอ่ยปากขอดอกแก้วไปเลี้ยงเป็นลูกเสียทุกคราไป ดอกแก้วเองก็รักเพียรและอินค่อนข้างมาก เพราะคุยกันถูกคอ อินมักเอาขนมและของฝากแปลกๆ มาฝากเสมอ ด้วยว่าเพียรกับอินนั้นค้าขายไปทั่ว จึงเดินทางบ่อยครั้ง และมักได้ของแปลกตามาครอบครองอยู่เสมอ จึงไม่ลืมหลานสาวที่เอ็นดูและรักใคร่เหมือนลูกสาวอย่างดอกแก้ว “อันนี้ต้องแล้วแต่เจ้าตัว พี่เองก็เห็นใจน้องทั้งสอง อยู่กินกันมาสิบกว่าปีแล้วยังไม่มีทายาทสืบสกุล พี่เองก็ยังไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาวสองคนเท่านั้น”