“จริงหรือนี่ ว่าแล้วเชียว ต้องมีกระไร” แพงตบเข่าฉาดใหญ่ นึกสงสารเกื้อจับใจที่โดนเจ้านายสาวแกล้งเอาอีกแล้ว
“คุณหนูดอกแก้วแสบแค่ไหนแม่แพงก็รู้ แกงส้มที่ตักมาให้คุณเกื้อรับประทานถึงได้มีรสชาติเช่นนั้น พอจะโดนจับได้เลยรีบพาไปทิ้ง” เพิ่มเล่าเป็นฉากๆ เพราะเกื้อเองนี่แหละที่เล่าให้เขาฟังอีกทอดหนึ่ง เกื้อรู้ทันคู่หมั้นสาวว่าอยากจะแกล้ง แต่ก็ไม่ปริปากบอกใคร เพราะไม่อยากให้ดอกแก้วโดนตำหนิ หรืออีกในหนึ่งคือเจ้านายของเขาก็อยากโดนคู่หมั้นสาวแกล้งเหมือนกัน เพราะเมื่อโดนแกล้งก็จะโดนอีกฝ่ายสนใจ
“คุณหนูดอกแก้วน่ะไม่มั่นใจในตัวคุณเกื้อ ก็เห็นคุณเกื้อมีผู้หญิงมาชอบมากมาย คุณหนูสายบัวก็เช้าถึงเย็นถึง ถึงเนื้อถึงตัวอีก”
“คุณเกื้อไม่รักไม่ชอบคุณหนูสายบัวดอก”
“พี่เพิ่มมั่นใจได้อย่างไรกัน คนเขาสนิทชิดเชื้อกันเช่นนั้น ต้องมีหวั่นไหวกันบ้างมิมากก็น้อย”
“ก็คุณเกื้อไม่เคยปริปากบอกว่ารักว่าชอบคุณหนูสายบัวเลยสักครา นอกจากเอ็นดูเหมือนน้องสาว”
“คุณเกื้อเก็บอารมณ์เก่ง หน้านิ่งตลอดเวลา ถึงรักถึงชอบก็ไม่แสดงออกมาให้เห็นดอก ลองได้อยู่กันสองต่อสอง รับรองว่าโดนคุณหนูสายบัวคาบไปกิน”
“คุณเกื้อไม่ใช่คนเจ้าชู้ แม่แพงก็รู้”
“แต่ผู้ชายกับผู้หญิงเหมือนน้ำมันกับไฟ ใครมันจะไปทนไหว”
“แม่แพงช่วยพี่หน่อยสิ”
“จะให้ฉันช่วยกระไร”
“ช่วยทำให้คุณเกื้อของพี่ได้อยู่กับคุณหนูดอกแก้วของแม่แพงสองต่อสองสักคราเถิด”
“มันจะไม่งามนะ คุณหนูของฉันจะเสียหาย ตอนนี้คุณหนูโตเป็นสาวแล้ว สวยเสียด้วยไม่ใช่เด็กทโมนเหมือนแต่ก่อน”
“คุณเกื้อมิทำกระไรเสียหายดอก แค่จะพูดคุยกันให้เข้าใจ คุณหนูดอกแก้วชอบหลบหน้า ชอบหนีหน้าคุณเกื้ออยู่เรื่อย พี่เห็นแล้วนึกสงสาร คุณเกื้อน่ะรักคุณหนูดอกแก้วจริงหนา หางตาก็ไม่เคยชายตาแลหญิงใด”
“ฉันช่วยก็ได้ แต่ต้องหาโอกาสเหมาะๆ หนา ฉันเองก็คิดว่าคุณหนูดอกแก้วก็มีใจให้คุณเกื้อเหมือนกัน แค่ยังรู้สึกไม่มั่นใจเท่านั้นเอง เพราะว่าคุณหนูน่ะเป็นหญิงจะออกเรือนก็ต้องมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นจะรักคุณหนูจริงแล้วก็อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่นอกใจหรือทำไม่ดีต่อกัน”
“พี่เข้าใจ ก็จะช่วยอยู่นี่ไง แม่แพงทำตามที่พี่บอกก็พอ”
“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะช่วย เพราะฉันเองก็มั่นใจว่าคุณเกื้อเป็นคนดีเช่นกัน” แพงคิดว่าเกื้อเป็นคนดีเพราะเห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย
“แล้วแม่แพงล่ะ เมื่อใดจะยอมตกลงเป็นเมียพี่สักที”
“พี่ก็รู้ว่าพ่อแม่ขายฉันมาตั้งแต่เด็ก ให้มารับใช้ครอบครัวคุณอิน ฉันจะอยู่กินฉันสามีภรรยากับพี่ได้ก็ต่อเมื่อคุณหนูดอกแก้วได้ออกเรือนกับคุณเกื้อเท่านั้น”
“พี่รักแม่แพงหนา” เพิ่มดึงแพงมากอด ก่อนจะบรรจงจูบอย่างดูดดื่ม แพงนั้นรักเพิ่มมากจึงยอมตกเป็นของอีกฝ่ายอย่างเต็มใจ
เพียรกับอินมิอยากให้หลานสาวห่างไกลจากเกื้อนัก จึงไหว้วานให้หลานสาวนำอาหารคาวหวานไปให้ศักดิ์กับอุ่นเพราะเรือนอยู่มิใกล้มิไกลกันนัก
แท้ที่จริงแล้ว เรือนมิได้ห่างกันมาก ดอกแก้วจึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับเกื้อมากกว่าสายบัวที่ต้องเดินทางมาหาเช้าเย็นเสียอีก
“คุณอาให้หลานนำกับข้าวคาวหวานมาฝากคุณลุงกับคุณป้าเจ้าค่ะ แลวันนี้ที่เรือนทำเมี่ยงด้วย จึงนำมาให้ชิมเจ้าค่ะ” ดอกแก้วพยักหน้าให้แพง บ่าวรับใช้คนสนิทนำของที่เอามาฝากวางลงตรงหน้าของศักดิ์และอุ่น
แม้ศักดิ์และอุ่นจะนึกเคืองอยู่บ้างมิมากก็น้อย เรื่องที่ดอกแก้วมิยอมตกลงปลงใจกับลูกชายเสียที แต่ดอกแก้วก็วางตัวดี มิเคยแสดงออกเกินงามหรือเทียวไล้เทียวขื่อตามตื้อผู้ชายเหมือนเช่นสายบัว นั่นทำให้สองสามีภรรยานึกพึงใจแลเกรงใจสาวน้อยนางนี้อยู่ในที เหตุด้วยว่าหล่อนนั้นช่างเจรจา แลพูดจาน่ารักน่าเอ็นดู แต่ก็วางตัวให้น่าเกรงขาม จึงมิมีใครกล้าตำหนิติเตียนหรือว่ากล่าวรุนแรง
“ขอบใจหนาแม่ดอกแก้ว หมู่นี้มิใคร่ได้เห็นแม่เท่าใดนัก งานยุ่งรึแม่” ด้วยว่าดอกแก้วนั้นเข้ามาดูแลจัดการเรื่องงานและควบคุมคนงานทุกอย่างในเรือนของเพียรและอิน หล่อนจึงมีงานที่ค่อนข้างยุ่ง แต่หลายคนก็นึกทึ่งในความสามารถของหล่อนที่ทำงานไม่แพ้ชาย
ด้วยว่าครอบครัวของอินมีกิจการอยู่มากมายหลายอย่าง ทั้งมีเรือหาปลาเป็นของตัวเอง ทั้งค้าขายผ้าและอาหารทะเลตากแห้งและอาหารทะเลสด อีกทั้งยังมีเรือกสวนไร่นาที่ให้ลูกน้องช่วยทำ หรือแบ่งเช่าก็มากมาย ดอกแก้วเป็นหญิงแต่กลับช่วยเหลือแบ่งเบาได้ไม่แพ้ชาย ผิดกับสายบัวที่งานบ้านงานเรือนนั้นเก่ง แต่การงานค้าขายไม่เท่าใดนัก มิสู้งานหนักมากเหมือนดอกแก้ว และทำงานเล็กน้อยเยี่ยงสตรีที่อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนเสียมากกว่า
“ค่อนข้างยุ่งเจ้าค่ะคุณป้า”
“คงเหนื่อยมากนะแม่”
“มิเหนื่อยดอกเจ้าค่ะ หลานชอบทำงานเจ้าค่ะ ยิ่งค้าขายก็ได้พูดคุยพบปะกับผู้คนหลายเชื้อชาติหลายภาษา ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมแลเรื่องต่าง ๆ อีกหลายอย่างเจ้าค่ะ”
“หลานนี่เก่งเสียจริง พ่อเพียรกับแม่อินถือว่าโชคดีที่มีหลานคอยช่วยงาน เก่งทั้งการค้าขายเจรจา แลเก่งทั้งภาษา ฝึกมิทันไรก็พูดได้ตั้งหลายภาษา”