7

993 คำ
“ก็ไม่เชิงนะเจ้าคะ แต่พี่เกื้อที่คุณอาทั้งสองชมเสียหนักหนาว่ารักเหมือนลูกน่ะ ขี้เก๊กจะตายไปเจ้าค่ะ ชอบทำหน้านิ่ง ๆ ดุ ๆ แบบนี้เจ้าค่ะพี่ดอกรัก” คนพูดแกล้งทำหน้าขึงขัง กอดอกเชิดคอขึ้น “คิกๆ” ดอกรักถึงกับหัวเราะออกมาในทันทีเมื่อได้เห็นท่าทีล้อเลียนของน้องสาว “พี่ดอกรักยังจักมาหัวเราะอีก น้องไม่ชอบดอกหนา คนกระไรก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นยิ้มเสียบ้างเลย ทำหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา ยังกับยักษ์แน่ะเจ้าค่ะ” “พี่จักคอยดูว่าน้องสาวของพี่จักได้ออกเรือนกับผู้ใด” “น้องไม่อยากออกเรือนดอกเจ้าค่ะ ชีวิตมีกระไรให้ทำอีกมากมาย” “เป็นหญิงมิออกเรือนจักเป็นสาวทึนทึกขึ้นคานหนา ผู้คนจักได้ครหานินทากันไปทั่ว” “พี่ดอกรักสนใจคำคนด้วยหรือเจ้าคะ น้องหาได้สนใจไม่” “น้องน่ะเป็นคนแปลก คิดไม่เหมือนผู้ใด เป็นหญิงมิออกเรือนถือว่าแปลก มิมีผู้ใดเขาทำกันดอก” “น้องคิดว่าถ้าไม่รักไม่ชอบ แล้วชายผู้นั้นก็มิได้เป็นคนดี เราจักต้องทนอยู่ด้วยหรือเจ้าคะ น้องคนหนึ่งละ จะไม่ยอมทนเจ้าค่ะ” “ก็จริงดังที่น้องพูด เจ้าคุณพ่อเป็นผู้ชายที่ดีมาก พี่เองก็หวังว่าในภายภาคหน้าหากจักต้องออกเรือนไป ก็ขอให้เจอกับผู้ชายที่ดีแบบเจ้าคุณพ่อ” “จริงด้วยเจ้าค่ะ อันนี้น้องเห็นด้วย เจ้าคุณพ่อไม่เจ้าชู้ รักเดียวใจเดียวไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อย คุณหญิงแม่ถือว่าโชคดีมากกว่าหญิงใดในพระนคร” “ในพระนครก็คงจักมีชายที่รักเดียวใจเดียวไม่มีเมียน้อยเมียบ่าวในเรือนหลงเหลืออยู่บ้าง” สองพี่น้องพูดคุยกันอย่างสนุกสนานให้หายคิดถึง และหากดอกแก้วกลับมาเยี่ยมเยือนบิดามารดาแล้วได้เจอพี่สาว ก็จะนอนคุยกันจนดึกดื่นเพื่อให้คลายจากความคิดถึง “แล้วน้องจักเขียนจดหมายถึงพี่ดอกรักอีกนะเจ้าคะ” คนพูดถึงกับเข้าไปกอดพี่สาวฝาแฝดแนบแน่น “ดูทำเข้าแม่ดอกแก้ว กระโดกกระเดกเหมือนม้าดีดกะโหลกเสียจริงลูกคนนี้นี่” เพ็ญดุลูกสาวคนเล็ก “ปล่อยไปเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ แม่ดอกแก้วยังเด็กนัก ค่อย ๆ สอนกันไป เดี๋ยวโตเป็นสาวก็มิกล้าทำกระไรแบบนี้แล้วเจ้าค่ะ” “จะยิ่งเหมือนลิงน่ะสิเจ้าคะ ยิ่งไปอยู่กับแม่อิน ตามใจกันเข้าไป โตจนป่านนี้แล้วหุงข้าวเป็นกับเขาแล้วหรือยังเล่า” เวลาให้ทำงานบ้านงานเรือน เย็บปักถักร้อยดอกแก้วก็บ่ายเบี่ยงอยู่เรื่อย “คุณหญิงแม่อย่าดูถูกลูกนะเจ้าคะ ลูกน่ะทำอาหารเป็นหลายอย่างเชียวเจ้าค่ะ อาอินเป็นคนสอนลูกด้วยตัวเองเจ้าค่ะ” อินไม่เคยบังคับให้ทำ แต่ชักชวนให้ทำเสียมากกว่า “จริงรึแม่อิน” “จริงเจ้าค่ะคุณพี่” อินมีวิธีสอนหลานที่แยบยล ไม่สั่ง ไม่วางอำนาจ ไม่บังคับ แต่คอยเรียกมาถามว่าอยากกินกระไร แล้วก็ขอให้ช่วยทำ ให้ช่วยชิม พบว่าดอกแก้วรสมือดี ดอกแก้วเป็นเด็กหัวดีแลเฉลียวฉลาด หากใส่ใจกับสิ่งใดก็จะทำอย่างสุดความสามารถ “มารอบหน้าคงต้องลองชิมฝีมือเสียแล้วแม่ดอกแก้ว” เพ็ญเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพียรกับอินมาได้ไม่นานก็ต้องกลับเพราะมีงานต้องทำ อีกทั้งลูกยังเล็ก จึงต้องขอตัวกลับ ส่วนดอกรักก็ต้องกลับเข้าวัง ดีหน่อยว่ายังมีลูกคนเล็กอย่างยศ เลยทำให้ไม่เหงาจนเกินไปนัก เมื่อไม่มีลูกคนอื่นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ดอกรักกับดอกแก้วหมั่นเขียนจดหมายหากันไม่เคยขาด สองพี่น้องเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ได้พบเจอในแต่ละวันให้อีกฝ่ายได้รับรู้ สองพี่น้องจึงรับรู้เรื่องราวของกันและกันเป็นอย่างดี หลายปีผ่านไป สองพี่น้องได้เจอกันบ้างแต่ก็น้อยลงเพราะดอกแก้วต้องรับหน้าที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงดูแลเรื่องการค้าขายแทนผู้เป็นอาทั้งสองอย่างเต็มตัว เทพยังเล็กจึงมีหน้าที่เรียนหนังสือเป็นหลัก ส่วนดอกรักนั้นก็โตเป็นสาวสวยสะพรั่ง มีฝีมือดีและเป็นคนโปรดของเสด็จ คอยทำหน้าที่ดูแลฝึกฝนเด็ก ๆ ที่เข้าไปถวายตัวกับเสด็จในวัง “แม่ดอกแก้วพี่เขามาหาน่ะหลาน” เสียงของผู้เป็นอาทำให้ดอกแก้วที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวหันไปมอง ดอกแก้วในวัยสิบแปดเป็นหญิงสาวที่สวยจับตาจับใจ ชายใดได้เห็นก็ถึงกับต้องเหลียวหลัง “มาทำไมอีก” ดอกแก้วบ่นอุบ “หลานว่ากระไรรึ” “เปล่าเจ้าค่ะ หลานแค่จะบอกว่าอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะคุณอา” “ดีเลย อาทั้งสองจักต้องออกไปทำธุระข้างนอก พ่อเกื้อมา หลานก็รับรองพี่เขาด้วยหนา จักได้เพลามื้ออาหารกลางวันแล้ว หลานจักได้มีคนกินข้าวเป็นเพื่อน จักได้ไม่เหงาอย่างไรเล่า” “เจ้าค่ะคุณอา” ดอกแก้วยิ้มหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้า สีหน้าเจ้าเล่ห์นั้นปรากฏบนใบหน้าเมื่ออาทั้งสองลงเรือนไปแล้ว “อยากกินข้าวกับฉันนักใช่ไหม ได้เลย” ดอกแก้วพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “สวัสดีค่ะพี่เกื้อ” ดอกแก้วออกมาต้อนรับพลางยกมือไหว้ เกื้อในเวลานี้เจริญวัยเป็นหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดที่หล่อเหลาคมเข้ม เขาสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร เขารูปงามเข้มแข็งและร่ำรวยที่สุดในจังหวัดนี้ สิ่งนี้ทำให้เขาเป็นที่หมายปองของสาว ๆ โดยเฉพาะสายบัว หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับหล่อน เป็นลูกสาวของเศรษฐีญาติของศักดิ์ซึ่งเป็นบิดาของเกื้อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม