วันหยุดไตรเข้าไปดูไร่ของแม่นายแพรพรรณตามที่ได้รับปากไว้กับลูกสาวก็คือ จันจิรา โดยไตรเข้าไปทักทายเจ้าของไร่ก่อน ถึงแม้จันจิราจะบอกกับมารดาเอาไว้แล้วก็ตาม แต่ตามมารยาทคนเป็นเด็กควรต้องไปลามาไหว้เพราะไม่อยากให้มีใครต่อว่าไปถึงแม่นายใจเดียวที่เป็นเจ้านาย
“ไตรจะเหนื่อยเปล่านะ แม่ลูกสาวฉัน คุณหนูออกจะตาย”
“แม่คะ รักษาหน้าลูกสาวด้วยค่ะ” จันจิราพูดต่อว่ามารดา
“ทิไปด้วยใช่ไหม” แพรพรรณถามทิวารี
“ค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ ไปกันสองคนเดี๋ยวไตรจะเสียหายเอา” แพรพรรณยิ้มๆ
“แม่นายก็ชอบไปว่าจัน” ทิวารีไม่เรียกคุณจันเหมือนปกติ
“ยายจันบังคับเรียกชื่อเฉยๆ ล่ะสิ”
“เปล่าสักหน่อย พี่ไตรสอนว่าให้ดูแลคนงานและผู้ร่วมงานเหมือนเป็นญาติ จันเลยให้เรียกชื่อเฉยๆ และจันเองก็เรียก พี่ทิ แม่น่า
จะดีใจนาที่จันเข้ากับพี่ทิได้ดี” จันจิรายักคิ้วหลิ่วตาล้อ
“เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ วันนี้วันหยุด แม่นายไร่โน้นก็ได้พักสิ”
“คนงานพักครับ แม่นายก็คงตรวจไร่ตามปกติ แต่คงออกสายครับไปกันหรือยังครับ ถ้าสายจะร้อนเอานะครับ คุณจัน” ไตรพูด
ขึ้น ทิวารียิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินแม่นายแพรพรรณพูดถึงแม่นายที่ไร่ใจเดียว
“ไม่ได้ไปไร่โน้นมาหลายวันแล้ว” แม่นายแพรพรรณพูดขึ้น
“ระวังเถ๊อะ จับปลาหลายมือจะไม่ได้ปลาสักตัว”
“ฉันก็ใช้เครื่องมือจับปลาสิจ๊ะ แม่ลูกสาว” แม่นายแพรพรรณยิ้มๆ
“กลับมาทานกลางวันไหมคะ” ทิวารีถาม
“ไม่ล่ะ ไม่อยากกวนเวลาพวกเธอ ฉันจะทานกับแม่นายที่ไร่โน้น”
“ค่ะ” ทิวารีบอกแล้วรีบตามไตรกับจันจิรา แต่ถูกดึงตัวเอาไว้
“บอกอะไรยายจันไปหรือเปล่า” แม่นายแพรพรรณถาม
“อะไรที่แม่นายแพรอยากให้เป็นความลับ ทิไม่พูดหรอกค่ะ ทิรู้ดีว่า ทิเป็นใคร” ทิวารีบอกแล้วรีบออกไปทันที
“ยายจันรู้จะบ้านแตกจนเธอไม่ได้อยู่น่ะสิ ฉันเป็นห่วง” แพรพรรณพูดขึ้นขณะมองดูทิวารีเดินไปสมทบกับสองหนุ่มสาวที่รออยู่
แม่นายใจเดียวรับรองแขกที่เรือนพักรับรองเหมือนเคย ปรายฝนมารับประทานอาหารเช้าที่โรงอาหารเหมือนปกติ จนกระทั่งปลามาแจ้งว่ามีคนมาขอพบอยู่ที่ด้านหน้าสำนักงานซึ่งทำเอาแปลกใจ
“สวัสดีครับ ผมดวงฤทธิ์เป็นแฟนปรายฝนครับ” ดวงฤทธิ์บอกกับแม่นายใจเดียวซึ่งเป็นเจ้าของไร่ แม่นายแพรพรรณเมื่อได้ยินถึงกับนิ่งไป
“สวัสดีค่ะ เชิญที่เรือนรับรองดีกว่าค่ะ กระเป๋าเดียวให้คนช่วยยกไปให้นะคะ” ใจเดียวบอกกับดวงฤทธิ์ที่มีท่าทางสุภาพและอ่อน
น้อม
“หน้าคุ้นๆ นะคะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” แพรพรรณพูดขึ้น
“ผมเป็นนักแสดงครับ” ดวงฤทธิ์บอก เมื่อเห็นปรายฝนมาจึงหันไปยิ้มให้ แต่รอยยิ้มจางๆ ที่ได้เห็นทำเอาดวงฤทธิ์ถอนใจ
“มาได้ยังไงคะ” ปรายฝนถามดวงฤทธิ์ แต่เจ้าตัวยังไม่ทันตอบ
“พักที่เรือนรับรองก็แล้วกันนะคะ ดิฉันจะไปช่วยไตรดูไร่โน้น”
“ดูไร่แพรน่ะนะ” แม่นายแพรพรรณถามด้วยความแปลกใจ
“เผื่อจะช่วยอะไรไตรได้บ้าง” แม่นายใจเดียวบอก โดยไม่ได้หันไปสนใจปรายฝนเลยแม่แต่น้อย
“มีแฟนเป็นพระเอกทำไมไม่เคยบอก” กลอยกระซิบบอก จึงทำให้ปรายฝนพอจะเดาท่าทางนิ่งเฉยของแม่นายใจเดียวได้
“พี่ดวงฤทธิ์บอกแม่นายไปอย่างนั้นหรือ” ปรายฝนถามดวงฤทธิ์
“แล้วจะให้พี่บอกว่าอะไรล่ะคะ” ดวงฤทธิ์ถาม
“แต่ปราย” ปรายฝนมองดูแม่นายใจเดียวที่กำลังเดินไปขึ้นรถยนต์ของแม่นายแพรพรรณที่หันมายิ้มๆ มองดูปรายฝนทีดวงฤทธิ์
ที
“บรรลัยล่ะ ปราย อุตสาห์เชียร์ มีแฟนแล้วซะงั้น” ปลากับกลอยถอนใจและปล่อยให้สองหนุ่มสาวได้พูดคุยกัน
ดวงฤทธิ์บอกกับปรายฝนว่า บิดาให้มารับกลับเพราะท่านไม่ค่อยสบายอยากให้ปรายฝนกลับไปช่วยงานท่านที่กรุงเทพ ปรายฝนขยับถอยหลังเมื่อดวงฤทธิ์ทำท่าจะเดินเข้ามากอด
“ยังไม่หายโกรธอีกหรือคะ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวปรายก็หายเอง”
“ปรายไม่ได้โกรธ”
“ไม่โกรธ ทำไมถึงได้หนีมาทำงานไกลขนาดนี้ล่ะคะ ขับรถมาจากสนามบินไกลเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ” ดวงฤทธิ์มองสบตากับปรายฝนที่ยัง คงมองไปทางที่รถยนต์ของแม่นายแพรพรรณขับออกไป
“ไม่ได้หนี ปรายแค่อยากหางานทำ โดยที่ไม่ต้องพึ่งบารมีพ่อ พี่ฤทธิ์กับพ่อชอบพูดบ่อยๆ ว่าปรายทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง โดยเฉพาะเรื่องงานแล้วจู่ๆ จะมาตามกลับไปทำงาน” ปรายฝนพูดคล้ายต่อว่า
“อ้าวก็เราน่ะ งานการไม่ทำเอาแต่เที่ยว จบมหาวิทยาลัยมาสามสี่ปีไม่เห็นทำงานอะไรจริงจัง เที่ยวอย่างเดียวเลย” ดวงฤทธิ์บอก
“ก็ทำอยู่นี่ไง แล้วจะให้ปรายกลับไปทำไมคะ”
“พ่อไม่สบาย ไม่คิดจะกลับไปดูแล ไปช่วยงานหรือ”
“คนตั้งเยอะแยะ” ปรายฝนพูดบ่น
“เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนั้น แต่ปรายต้องกลับพร้อมพี่พรุ่งนี้ พี่จองตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว ปรายบอกว่าทำงานที่นี่ไหนพาไปดู
หน่อยสิว่าทำ งานอะไรบ้าง” ดวงฤทธิ์พูดท้าทายซึ่งได้ผลเสมอ
“เมื่อไหร่พี่ฤทธิ์จะหยุดสร้างปัญหาให้ปรายสักที” ปรายฝนพูดบ่นก่อนจะพาดวงฤทธิ์ไปดูงานในไร่
ดวงฤทธิ์เป็นดารานักร้องที่มีชื่อเสียงทำให้ถูกคนงานแวะเวียนมาพบปะพูดคุยและท่าทางเจ้าตัวจะชื่นชอบเอาเสียด้วย ไม่เว้นแม้แต่ปลากับกลอยที่เอ่ยชมว่าตัวจริงหล่อเหลากว่าในโทรทัศน์
“แล้วทำไมถึงยังมาอะไรกับแม่นายอีก ปรายนะปราย” กลอยรำพึงออกมาเบาๆ อดเป็นห่วงแม่นายใจเดียวไม่ได้
ปรายฝนเดินไปเดินมาอยู่ตรงทางเข้าไร่แพรพรรณ ซึ่งเป็นทางผ่านที่จันจิราให้ไตรจัดการให้ แต่ไม่กล้าเข้าไปภายใน เพราะ
เจ้าของไร่คงไม่อยากให้เข้าไปยุ่มย่ามด้วย จึงมาดักรอและหวังว่าแม่นายใจเดียวจะกลับเข้ามาทางนี้ที่ตัวเองมารออยู่
“อ้าวปรายมาทำอะไรตรงนี้” ไตรถาม
“มาเดินเล่นค่ะ งานที่ไร่โน้นเสร็จแล้วหรือคะ”
“ถามเหมือนวันเดียวเสร็จ ยังหรอกคงอีกสักพัก” ไตรบอก
“แม่นายไม่กลับมาด้วยหรือคะ”
“แม่นาย” ไตรแปลกใจที่ได้ยิน
“แม่นายบอกจะไปช่วยพี่ไตรดูไร่โน้น” ปรายฝนพูดขึ้น
“ไม่เห็นเจอเลย ไปกับใครล่ะ ไม่เห็นบอกว่าจะไป”
“ไปกับแม่นายแพรพรรณ” ปรายฝนยิ้มจางๆ มองสบตากับไตร
“มีอะไรหรือเปล่า” ไตรถาม
“ถ้าไม่อยู่กับพี่ไตร ก็คงอยู่กับแม่นายแพรพรรณ ปรายไปดูแลแขกของปรายดีกว่า” ปรายฝนพูดขึ้น แต่เมื่อไตรเดินเข้ามาผ่านสวนจึงได้ยินคน งานที่มีทำงานกันอยู่บ้างบอกเรื่องชายหนุ่มที่มาหาปรายฝน
“ถึงได้มาดักรอ แม่นาย” ไตรส่ายและหน้ามองตามสาวน้อยที่ปั่นจักรยานกลับไปที่เรือนพักรับรอง
แพรพรรณมองดูใจเดียวที่นั่งนิ่งมองดูแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งดื่มไปนิดหน่อย
“โทรฯ ตามยายรสมาเมาด้วยกันไหมล่ะ” แพรพรรณถาม เมื่อเห็นทิวารีกับจันจิรากลับเข้ามา จึงยิ้มจางๆ ให้ทั้งสองคน
“มาตามพี่ไตรหรือคะ น้าเดียว” จันจิราถาม ทิวารีมองสบตากับแพรพรรณที่มีใบหน้าเรียบนิ่ง
“ไตรกลับแล้วหรือ ถ้าอย่างนั้นน้ากลับก่อนดีกว่า เพราะมากวนแม่เรานานแล้ว” ใจเดียวยิ้มน้อยๆ ให้จันจิราและทิวารี
“เดี๋ยวแพรขับรถไปส่ง” แพรพรรณบอก
“ไม่เป็นไร ไร่เรามีทางเข้าออกเชื่อมกันแล้วนี่”
“ถ้าอย่างนั้นเดินไปส่งก็ได้” แพรพรรณยิ้มๆ ให้ใจเดียว
แพรพรรณเดินมาส่งถึงทางผ่านเข้าไร่ของใจเดียว โดยเจ้าตัวเดินมาเงียบๆ ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“เดียวจะผ่านไปได้ แม่นายใจเดียวเข้มแข็งจะตายไป” แพรพรรณพูดให้กำลังใจ
“ขอบใจนะ”
“แพรยังรักเดียวไม่เคยเปลี่ยน แต่ด้วยความอยากได้อยากมีทำให้แพรเลือกคนจากภายนอก ถ้าปรายกลับไป แพรจะตามจีบ
เดียวจนกว่าจะใจอ่อนและหวังว่า เดียวจะให้โอกาสแพรอีกครั้ง” แพรพรรณบอกแล้วเข้าสวมกอดใจเดียวเอาไว้ โดยไม่คิดเลยว่าใจ
เดียวจะกอดตอบแถมยังกระชับเอาไว้แน่น แม้ไม่ได้พูดอะไรแต่ทำให้แพรพรรณเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง
“ไปล่ะ” ใจเดียวยิ้มจางๆ เมื่อมองเห็นปรายฝนยืนแอบอยู่ข้างต้นสนใหญ่ที่เหมือนเป็นรั้วกันระหว่างไร่ทั้งสอง ซึ่งแพรพรรณเองก็เห็นทิวารีที่กำลังหันหลังเดินกลับไปที่บ้าน
“เดี๋ยวค่ะ” ปรายฝนพูดขึ้น เมื่อแม่นายใจเดียวเดินกลับเข้ามาแต่ไม่ยอมหยุดเดินจึงจับแขนเพื่อเหนี่ยวรั้งให้หยุด
“มีอะไร”
“แค่คำถามเดียวที่กอดเขาแน่น เพราะอยากให้ปรายเห็น หรือยังรักเขาอยู่” ปรายฝนถาม
“ฉันไม่เคยเลิกรักแพร เธอพอใจหรือยัง” แม่นายใจเดียวบอก
“เข้าใจก็ได้ค่ะ น่าจะบอกนานแล้ว ปรายจะได้ไม่เข้าใกล้มากนัก”
“เธอก็เป็นแค่เด็กที่อยู่ใกล้ใคร ก็คงเผลอไผลรู้สึกดีด้วย ก็แค่นั้น ใช่ไหมล่ะ” แม่นายใจเดียวถามเสียงเรียบ
“ถ้าปรายบอกว่า ปรายกับพี่ฤทธิ์ไม่ได้เป็นแฟนกัน แม่นายจะเชื่อปรายไหม” ปรายฝนถอนใจ
“แต่เขาเป็นแฟนเธอ” แม่นายใจเดียวบอก
“เหมือนที่แม่นายแพรพรรณยังเป็นคนรักในใจแม่นาย ใช่ไหมล่ะ”
“เธอก็เห็นอยู่นี่” แม่นายใจเดียวพูด ปรายฝนรู้สึกไม่พอใจไม่รู้ทำไมเหมือนกัน จึงดึงตัวแม่นายใจเดียวเข้ามาใกล้ๆ แล้วกอดเอาไว้ก่อนจะเบียดริมฝีปากให้แนบชิดกับริมฝีปากแม่นายใจเดียวที่เรียบนิ่งไม่เผยอปากตอบรับสัมผัสเหมือนเคย ปรายฝนจึงถอยห่างออกมา
“ปรายคงเข้ามาทำให้ความรักที่มีกลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้งสินะคะ หายกันไปเกือบทั้งวัน โดยไม่เจอพี่ไตรด้วย” ปรายฝนพูดขึ้น
ด้วยความโกรธที่เห็นแม่นายใจเดียวกอดแม่นายแพรพรรณเอาไว้แน่น
“อย่างน้อยแพรก็พูดกับฉันตรงๆ ว่าเขาเลือกใคร เขาจะทำอะไรซึ่งน่าให้อภัยมากกว่าคนที่ไม่คิดจะบอก” แม่นายใจเดียวพูดจบ
ก็ออกเดินเพื่อกลับไปที่บ้านพักของตัวเอง โดยไม่หันมามองปรายฝนอีกเลย แม้คนที่ปั่นจักรยานจะมาชะลอเคียงข้าง แม่นายใจเดียว
ส่ายหน้าและออกเดินไปเรื่อยโดยไม่ได้สนใจปรายฝนที่ตัดสินใจปั่นจักรยานล่วงหน้าไปทันที
ทิวารีเดินเรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนนัก ตอนเดินตามไปคิดว่าขากลับจะได้เดินมาเป็นเพื่อนแม่นายแพรพรรณ แต่สิ่งที่เห็นทำให้คิดว่า
ทั้งสองคนคงอยากใช้เวลาด้วยกัน
“มื้อเย็นทำอะไรให้ทาน” แม่นายแพรพรรณถาม หลังจากรีบเดินมาอยู่เคียงข้างกับทิวารี
“จันให้คนขับไปซื้ออาหารที่ร้านรสสุคนธ์มาค่ะ เพราะเห็นว่าทิช่วย งานในไร่ทั้งวันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” ทิวารีบอก
“ทิเก่งนะ ยายจันเข้ากับคนยากจะตายไป”
“จันกรุณามากกว่าค่ะ แต่ถ้าแม่นายแพรอยากทานอะไร ทิทำให้ก็ได้นะคะ” ทิวารีพูดขึ้น
“ไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไร ยายจันคงไม่ว่า ถ้าเธอขึ้นไปที่ห้องฉันคืนนี้” แม่นายแพรพรรณหอมแก้มทิวารีที่เบี่ยงตัวหนี
“ถามความสมัครใจ หรือเป็นคำสั่งคะ” ทิวารีถาม
“น้ำเสียงเหมือนหึงเลยนะ แล้วแต่เธอเลย ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉัน ก็ไม่ต้องขึ้นไป” แม่นายแพรพรรณพูดจบก็รีบเดินเข้าบ้าน
ไปก่อน
“จะไปรู้สึกอะไรได้ล่ะ” ทิวารีรำพึงออกมาเบาๆ