ตอนที่ 17

2038 คำ
ไตรถอนใจ เพราะเมื่อกลับมาที่สำนักงานถึงได้ทราบเรื่องแขกที่มาหาปรายฝน ปลากับกลอยรายงานอย่างละเอียด แต่ไตรแปลกใจกับการไปพบปรายฝนรอแม่นายใจเดียวอยู่ที่ทางเข้าออกทั้งสองไร่ทั้งตอนที่ได้พบกันและดูเหมือนช่วงเย็นด้วย “คงไม่ต้องหาผู้ช่วยใหม่ ถ้าปรายกลับไปแม่นายคงไม่รับผู้ช่วยแล้ว” ไตรพูดขึ้น “น่าเสียดายนะคะ ช่วยงานได้ตั้งเยอะ ทั้งงานแม่นาย งานเอกสาร เข้ากับคนงานได้ดีด้วย ยิ่งคนแก่ยิ่งพูดชมกันทุกคนเลยว่า คุณผู้ช่วยจิตใจดี” ปลาบอกกับไตร “ดูค่ะ แม่นายเดินมาไม่ซ้อนจักรยานเหมือนทุกวัน” ไตรหันไปมอง ดูเห็นแม่นายเดินอยู่ลิบๆ แต่ปรายฝนกำลังนำจักรยานไปจอดข้างสำนักงาน “ผู้ชายคนนั้นท่าทางเป็นอย่างไร” ไตรถาม “หล่อมากค่ะ เป็นดารานักร้อง คนงานตื่นเต้นมาขอถ่ายรูปกันเต็มเลยค่ะ” ปลารายงานให้ไตรทราบ “ถ้าปรายกลับไป แม่นายจะเป็นอย่างไร” ไตรคิดแต่ไม่ได้พูดออกมารีบออกไปจูงจักรยานเพื่อไปรับแม่นาย “พี่ไตรอย่าไปเลย รออยู่ที่นี่ดีกว่า” กลอยรีบมาทักท้วง “จริงของกลอย แม่นายอาจจะเดินคิดอะไรมาเรื่อยๆ ไปกินข้าวกันดีกว่าพวกเรา” ไตรยิ้มให้ปลากับกลอยที่ยังคงหันไปมองดูแม่นายใจเดียวที่เดินเรื่อยๆ กลับมายังสำนักงาน ปรายฝนมาแอบยืนดูแม่นายใจเดียวจากด้านข้างสำนักงานและตั้ง ใจว่าจะคอยจนกว่าจะเดินมาถึง แต่เมื่อเห็นแม่นายใจเดียว เลี้ยวไปอีกด้านหนึ่งถึงกับถอนใจ เพราะคงไม่อยากเจอหน้าตัวเธอสักเท่าไรนัก ปรายฝนคิด “ไปทานมื้อเย็นที่โรงอาหารกันค่ะ” ปรายฝนเอ่ยชวนไตร “ทานที่นี่ไม่ได้หรือคะ” ไตรถาม “ปรายเป็นแค่ลูกจ้างนะคะ ไม่มีใครจัดอาหารมาให้หรอกค่ะ ขนาดแม่นายเองยังไปทานรวมกับคนงานเลยค่ะ” ปรายฝน บอกดวงฤทธิ์ “ปรายไปทานเถอะค่ะ พี่มีผลไม้แล้ว ไม่ต้องทานมื้อเย็นก็ได้” แม่นายใจเดียวถึงโรงอาหารช้ากว่าปกติเล็กน้อย คนงานทักทายและพูดคุยรายงานเรื่องพืชผลที่ดูแลบ้าง รอยยิ้มที่เคยสดใสจางหายไปซึ่งทุกคนสัมผัสได้ “เหนื่อยหรือ แม่นาย” ชายสูงวัยถาม “สงสัยจะแก่แล้วล่ะ พี่ส่ง” แม่นายใจเดียวยิ้มๆ ให้ เมื่อมองเห็นปรายฝนมาคนเดียวจึงถามถึงดวงฤทธิ์ “แขกล่ะ ใครจัดอาหารไปให้หรือเปล่า” แม่นายใจเดียวถาม “แขกปราย ถ้าอยากทานก็ต้องมาทานที่โรงอาหารค่ะ ถ้าไม่มาก็ไม่ต้องทาน” ปรายฝนพูดจบก็เดินไปเข้าแถวเหมือนทุกวัน “คนเราเวลาชอบกันย๊ากยาก แต่เวลาจะทะเลาะกัน ง๊ายง่ายว่าไหม พี่ไตร” กลอยถาม “ทุกความสัมพันธ์มีอุปสรรคทั้งนั้นแหละ ถ้าท้อก็จบ” “พูดเหมือนเคยมีความรัก” ปลาหัวเราะ ขณะขยับให้ปรายฝนนั่งที่นั่งข้างๆ ตัวเอง ส่วนแม่นายใจเดียวยังคงมาร่วมรับประทานอาหารเหมือน เดิมและพูดคุยกับไตรเรื่องไร่แพรพรรณ “น่าเสียดายนะครับ เพิ่งมาไม่นานจะกลับไปแต่งงานเสียแล้ว” ปลาขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคนงานพูดคุยกับปรายฝน แม่นายใจ เดียวเงียบไปสักครู่ก่อนพูดคุยกับไตรต่อ ปลาเอามือทาบทับไปที่มือของปรายฝนเพื่อเป็นการให้กำลังเพราะสังเกตเห็นแอบมองไป ทางแม่นายใจเดียวอยู่บ่อยๆ “ตกลงจะกลับกรุงเทพฯ จริงๆ หรือ” กลอยกระซิบถามโดยการทำปากขมุบขมิบไม่กล้าพูดเสียงดังนัก “ตอนนี้ก็เหมือนโดนไล่ออกกรายๆ อยู่แล้ว” ปรายฝนพูดขึ้น “เอาไว้ค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้นะ ไตร ฉันอิ่มแล้วล่ะ” แม่นายใจเดียวบอกทำเอาปลากับกลอยยิ้มเจื่อนๆ “เราจะโดนไล่ออกด้วยไหม” ปลาพูดเสียงอ่อยๆ มองสบตากลอย “งอนกันเป็นเด็กๆ เลย” ไตรพูดขึ้น “ปรายเปล่านะ พี่ไตร แต่แม่นายบอกว่า แม่นายรักแม่นายไร่โน้น” ปรายฝนพูดเสียงอ่อยๆ จู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมา เมื่อแม่นายใจ เดียวแสดงท่า ทางเหมือนไม่อยากพูดคุยหรือแม้แต่จะมองหน้า “ทีอย่างนี้ล่ะ เชื่อง่าย เพิ่งจะรู้นี่ล่ะว่าเคยรักกันมาก่อน ถ้าปรายไม่มาแม่นายไร่โน้นคงไม่มาไร่เรา ไร่ติดกันมาตั้งเป็นชาติ ก่อน เรามาทำงานเสียอีก ก็ไม่เห็นจะเคยมา” กลอยพูดคล้ายต่อว่าแม่นายแพรพรรณ “ปรายอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะ” ปรายฝนพูดขึ้น “อิ่มอะไรยังไม่ได้กินเลย ปรายนั่งลงกินให้หมด แม่นายยังกินหมดถ้ากินไม่หมดจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ก็เห็นอยู่ว่าต้องเหนื่อย ขนาดไหนถึงจะได้ข้าวได้ผักมากินน่ะ กินให้หมดไม่อย่างนั้นจะให้นั่งเฝ้าโรงอาหาร” ปลาพูดดุท่าทางดูจริงจังทำเอาปรายฝนยอมนั่ง ลงและรับประทานอาหารต่อ ปรายฝนยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับดวงฤทธิ์ แต่การมามีการอ้างอิงถึงเรื่องเจ็บป่วยของบิดาทำให้ปรายฝนอยากแน่ใจก่อนว่าเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่รบกวนความรู้สึกก็คือ แววตาของแม่นายใจเดียวที่เปลี่ยนไปตั้งแต่แขกที่ มาแนะนำตัวเองว่าเป็นคนรักของเธอ ปรายฝนเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูที่เชื่อมต่อระหว่างห้องพักของของตัวเองกับห้องพักแม่นายใจเดียว “ต้องทำอย่างไรถึงจะเข้าใจ เคาะแล้วจะยอมเปิดไหม” ปรายฝนคิดวนไปวนมา ตั้งแต่กลับมาถึงห้องจนกระทั่งอาบน้ำเปลี่ยน เสื้อผ้า หลังจากรวมรวบความกล้าจึงเคาะเบาๆ ไปที่ประตู เพราะไม่รู้ว่า แม่นายใจเดียวนอนแล้วหรือยัง “เปิดให้ปรายหน่อยได้ไหมคะ” ปรายฝนพูดขึ้น แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ “เปิดประตูให้ปรายหน่อยค่ะ ปรายขอร้องล่ะ ถ้าแม่นายอยากให้ปรายกลับปรายจะยอมกลับแต่โดยดี แต่เปิดประตูให้ปรายได้ อธิบายก่อน” ปรายฝนพูดขึ้น แต่ความเงียบทำให้รู้สึกอ่อนล้าแข้งขาไม่มีแรงทรุดตัวนั่งลงเอาหน้าแนบกับประตู โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝั่งก็ทำอยู่เช่นกัน ปรายฝนยังคงเคาะและพูดซ้ำไปซ้ำมาให้แม่นายใจเดียวเปิดประตูให้โดยไม่รู้ว่าหากเปิดให้จะพูดอย่างไร หรือต้องทำอย่างไร ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกให้เห็นชัดว่าไม่อยากพูดคุยอะไรด้วย แต่เมื่อประตูแง้มออกทำให้ปรายฝนรีบลุกขึ้นทันที “มีอะไร เคาะนานเป็นชั่วโมงไม่เจ็บมือบ้างหรือไง” แม่นายใจเดียวพูดคล้ายดุ แต่เมื่อมองไปที่มือถึงกับต้องจับมาดูใกล้ๆ เพราะข้อต่อของนิ้วที่ใช้เคาะประตูแดงอย่างเห็นได้ชัด “ทำบ้าอะไรของเธอ” แม่นายใจเดียวพูดดุทำเอาคนที่ยืนอยู่มีน้ำตาไหลรินออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าไหลออกมาได้อย่างไร “ปรายเคยเป็นแฟนเขา แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว” ปรายฝนบอก “จะเป็นแฟนกับใคร เธอเลือกได้ ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรและไม่เคยมีสิทธิ์เลยในเรื่องแบบนี้ ฉันไม่เคยถูกเลือก ฉะนั้นฉันก็คงไม่มี สิทธิ์เลือกเช่นกัน” “ปรายอยากถูกเลือกทั้งๆ ที่รู้ว่าแม่นายรักแม่นายแพรพรรณ” “ถ้าจะมาพูดเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ กลับไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทาง” แม่นายใจเดียวบอกแล้วทำท่าจะปิดประตู “ทำไมไม่บอกให้ปรายอยู่ แค่แม่นายเอ่ยปาก ปรายก็จะไม่ไปไหน” “ฉันตัวคนเดียวมาครึ่งค่อนชีวิต แต่เธอชีวิตยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ ฉันผิดเอง ฉันควรเตือนตัวเองให้มากกว่านี้ไม่ควรใกล้ชิดกับ เธอมากนัก” “มันห้ามกันได้ด้วยหรือคะ” ปรายฝนพูดขึ้น น้ำตายังคงไหลออกมาในบางเวลาขณะพูดคุย ปรายฝนถอดเสื้อยืดแขนยาวออก และขยับเดินตรงเข้าหาแม่นายใจเดียวที่ตกใจ เมื่อเห็นปรายฝนถอดเสื้อจนเรือนร่างท่อนบนเปลือยเปล่าและกางเกงนอนกำลังจะถูกถอดออกเช่นกัน แต่แม่นายใจเดียวห้ามปรามเอาไว้ด้วยการเข้าไปจับข้อมือและดึงตัวมาสวม กอดเอาไว้ “อย่าทำแบบนี้” ปรายฝนกอดแม่นายใจเดียวเอาไว้แน่น “ถ้าจะไล่ปรายกลับ ปรายอยากอยู่ใกล้ชิดก่อนไปจะได้เก็บความทรงจำเอาไว้ ถึงแม่นายจะไม่ได้รักปราย แต่ปรายก็ยังอยาก ใกล้ชิดแม่นายอยู่ดี” ปรายฝนพูดขึ้น แม่นายใจเดียวยิ่งกอดให้แน่นขึ้นอีก “คิดจริงๆ หรือว่า ถ้าทำแบบนั้นแล้วเธอจะรู้สึกดีจริง มันจะเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆ คิดบ้าอะไร คิดว่าการมีอะไรกันแล้วแยก ย้าย เธอคิดว่าเป็นการทิ้งความสุขไว้ให้ฉันอย่างนั้นหรือ คิดบ้าอะไรของเธอ มีอะไรกันแล้วแยกย้ายต่างคนต่างไป เธอคิดเหรอว่าวัน หนึ่งจะลืมได้ แต่เด็กอย่างเธออาจจะลืมง่าย ฉันแก่แล้ว ฉันไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะลืมเธอได้ แค่ได้ใกล้ชิดยังไม่มีความสัมพันธ์ ฉันยังไม่รู้เลยว่าความน่ารักของเธอจะจางหาย ไปจากใจฉันเมื่อไหร่ อย่าทรมานกันแบบนี้” แม่นายใจเดียวพูดจบก็คลายอ้อมกอดออกหยิบเสื้อมาสวมใส่ให้ “คิดหรือว่า ปรายจะลืมแม่นายได้” ปรายฝนพูดขึ้นก้มหน้าเล็กน้อยหลังจากแม่นายใจเดียวสวมเสื้อให้ “มีเรื่องราวอีกมากมายที่เธอจะได้พบเจอ ฉันควรจะขอบใจเธอนะถึงแม้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันก็มีความสุขที่ได้ใช้เวลา กับเธอ” “คิดจะพูดให้ปรายอยู่ต่อบ้างไหม” ปรายฝนถามและขยับเข้าใกล้แม่นายใจเดียวให้มากขึ้น จุมพิตที่กำลังทาบทับทำให้แม่นายใจเดียวตัวสั่นไหว ปรายฝนจึงเผยอริมฝีปากหวังว่าจะได้รับการตอบรับ น้ำตายิ่งไหลรินมากขึ้น เมื่อแม่นายใจเดียวจูบตอบทำให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ “ไปทำหน้าที่ของลูก แล้วลืมที่นี่เสีย” แม่นายใจเดียวบอก “แม่นายจะลืมปรายด้วยหรือเปล่า” ปรายฝนถามและเหนี่ยวรั้งคนที่จะขยับถอยห่างด้วยการดึงชายเสื้อเอาไว้ “ไม่รู้เหมือนกัน ก็คงคิดถึงเพราะต้องปั่นจักรยานเอง ต้องไปไหนมาไหนคนเดียว แต่สักพักชีวิตฉันก็จะกลับมาเหมือนตอนที่เธอ ยังไม่มา” “ปรายไม่ได้รักพี่ฤทธิ์ ปรายไม่ได้เป็นแฟนเขาอีกแล้ว ปรายเคยเป็นปรายยอมรับ เพราะตอนตกปากรับคำปรายเด็กเกินไป ปรายรู้สึกดีคิดว่านั่นคือ ความรัก และที่ไม่ได้เล่าให้ฟังเพราะเขาไม่ใช่แฟนปราย” “แต่พ่อรอปรายอยู่” ปรายฝนยิ้มทั้งน้ำตา เมื่อแม่นายใจเดียวเอ่ยชื่อของตัวเองขึ้นมา “อยากให้กลับจริงๆ หรือคะ” ปรายฝนถาม “ถ้าเรื่องพ่อแม่ ฉัน” แม่นายใจเดียวหยุดไปชั่วครู่ “คุณอยากให้ปรายไปทำหน้าที่ของตัวเอง” ปรายฝนยิ้มสดใสขึ้น “ถ้าอย่างนั้น อายุเยอะขนาดนี้แล้ว ก็อยู่รอปรายสิ ปรายกลับมาแน่ รอปรายนะ” ปรายฝนพูดขึ้นและขยับเข้าหาพรมจูบอย่างดูดดื่มทำเอาแม่นายใจเดียวไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม