“เสียวสันหลังวาบนึกว่าจะไล่ปรายกลับไปด้วย” ปรายฝนพูดเสียงอ่อยๆ มองดูมือที่แม่นายใจเดียวยังจับอยู่
“เสียตัวไปแล้ว ใครจะยอมเสียใจอีกล่ะ” แม่นายใจเดียวพูดขึ้น
“ตายแล้วเป็นสาวเป็นนางพูดเรื่องเสียตงเสียตัว อายชาวบ้านเขานะคะ” ปรายฝนพูดยิ้มๆ
“คุณรู้สึกเหมือนปรายพยายามสู้เพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน คุณควรทำอย่างนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ” แม่นายใจเดียวบอกปรายฝนที่
หันไปดูรอบๆ ไม่เห็นใครจึงจูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากเรียวสวยของเจ้าของไร่
“ปรายเป็นเด็กมีปัญหา ไปที่ไหนก็สร้างปัญหาให้เขาไปหมด”
“คนมายืนเอาใจช่วยกันทั้งไร่ อย่าลืมคิดถึงความน่ารักของตัวเองด้วยล่ะ อีกอย่างเหมือนจะได้พี่ชายที่แสนดีด้วยนะ เราน่ะ” แม่นายใจเดียวยิ้ม เมื่อนึกถึงไตรที่พร้อมจะปกป้องทั้งตัวเธอและปรายฝน
“พี่ไตรเป็นพี่ชายปรายตั้งแต่วันแรกที่เจอแล้วล่ะค่ะ มีแต่คนคิดมากเท่านั้นแหละที่แอบคิดเป็นอื่น” ปรายฝนหัวเราะคิกคัก เมื่อ
แม่นายใจเดียวทำท่าเหมือนจะเขกที่ศีรษะ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ถ้าคุณฤทธิ์ไปบอกพ่อเรื่องของเรา”
“ปรายมันเด็กดื้อ พ่อคงปล่อยเป็นหมาหัวเน่าอยู่ที่นี่แหละ แม่นายไหวไหมล่ะ ปรายดื้อนะ” ปรายฝนยิ้มมองสบตากับคนที่ขมวด
คิ้วทำท่าคิด
“ปราบเหมือนเมื่อคืนคงพอไหว” แม่นายใจเดียวออกอาการเขินอาย เมื่อแอบนึกถึงปรายฝนยามไร้ซึ่งอาภรณ์ติดกาย
“นั่นแน่ แอบคิดถึงปรายตอนโป๊ใช่ไหมล่ะ” ปรายฝนหัวเราะค่อยๆ ดันตัวแม่นายใจเดียวให้รีบเดินไปที่โรงอาหาร
“บ้าทะลึ่ง ใครคิดไม่มี๊” แม่นายใจเดียวบอกและรีบเดินจ้ำอ้าวนำ หน้าไปก่อน
“เป็นหญิงสาว 50 กว่าที่น่าเอ็นดูที่สุดเลย แม่นายของปราย”
สายตาของทุกคนที่มองดูแม่นายใจเดียวกับปรายฝน ส่วนมากมองด้วยความเข้าใจ โดยเฉพาะคนเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมานาน
และพอจะทราบเรื่องระหว่างแม่นายทั้งสองไร่ที่อยู่ติดกัน แต่มีบ้างที่ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของผู้หญิงด้วยกันแถมยังอายุห่างกันจน
เรียกได้ว่า เป็นแม่เป็นลูกกันได้เลย ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักของแม่นายใจเดียว เพราะได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่ยังรุ่นสาวขณะเริ่ม
คบหากับแพรพรรณ แต่เด็กอย่างปรายฝนไม่รู้จะรับ มือไหวหรือเปล่า หากมีใครพูดให้ได้ยินเข้า ไตรยิ้มเมื่อแม่นายใจเดียวมานั่ง ข้างๆ โดยปรายฝนไปนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามข้างปลากับกลอย
“นึกว่าแม่นายคนใหม่จะหอบผ้ากลับบ้านเสียแล้ว” กลอยพูดแหย่
“พูดอะไรของกลอย” ปรายฝนพูดยิ้มๆ
“หรือไม่ใช่ แหวนก็สวมให้แล้ว แม่นายก็ว่องไวนะคะ พวกเราคิดไม่ถึงเลยนึกว่าปรายอำพ่อพระเอกเรื่องแหวน” ปลาพูดยิ้มๆ
“บังเอิญมากกว่า แค่ให้ไว้ใส่เล่น” แม่นายใจเดียวยิ้มๆ
“แม่นายเจ้าขา กลอยอยากได้ไว้ใส่เล่นสักวงเจ้าค่ะ เพชรเม็ดเล็กกว่าที่ปรายใส่ก็ได้นะคะ แม่นายเจ้าขา” กลอยพูดแหย่ ถึงแม้
ปกติไม่ค่อยได้พูดเล่นกันนัก แต่ตั้งแต่ปรายฝนมา แม่นายใจเดียวดุน้อยลงทำให้คนงานกล้าพูดด้วยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะการวางท่านิ่งๆ น้ำเสียงเข้มๆ บางทีก็อดที่จะกลัวไม่ได้เหมือนกัน
“ขอปรายโน่น ถ้าปรายยอมก็ไม่มีปัญหา” แม่นายใจเดียวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กลอยจึงหันไปทำหน้าจ๋อยใส่ปรายฝน
“อยากเป็นแม่นายน้อยหรือไง นังหนูกลอย” รสสุคนธ์เดินมาเขกที่ศีรษะของกลอยที่ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา
“ได้ก็ดีค่ะ คุณรส” กลอยพูดยิ้มๆ
“ใจเร็วกันทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ แค่ไม่กี่วันจับจองเป็นเจ้าของกันเลย”
“บังเอิญ ไม่คิดนี่ว่าจะมีคนคุกเข่าขอแต่งงาน” แม่นายใจเดียวบอก
“บังเอิญอะไรคะ ถอดจากนิ้วตัวเองมาใส่ให้เฉยเลย จับจองปรายไว้เหมือนที่น้ารสว่าแน่เลย” ปรายฝนพูดยิ้มๆ การพูดต่อปากต่อคำช่วยสร้างเสียงหัวเราะให้ จนทำให้ลืมเรื่องของดารานักร้องหนุ่มที่มาประกาศตัวเป็นคนรักของปรายฝนไปได้ แม่นายใจเดียวเห็นสายตาของคนงานหลายคนที่มองมาแปลกๆ คงไม่เข้าใจกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น หากแต่ว่าคงไม่ต้องไปอธิบายเพื่อทำความเข้าใจอะไร เพราะไม่เคยเรียกร้องให้ใครมาเข้าใจในตัวเองมากนัก หากมีปัญหาอะไรคนเหล่านั้นคงไปพูดกับไตรที่เป็นหัวหน้าคนงาน ซึ่งไตรเป็นคนมีวาทศิลป์ในการพูด แม่นายใจเดียวไม่ได้กังวลใจกับการพูดถึงหรือถึงขั้นติฉินนินทา แต่กับเด็กอย่างปรายฝนไม่แน่ใจนักว่าจะรับมือไหวหรือไม่ โดยเฉพาะการพูดแหย่เรื่องที่ปรายฝนจะมาเป็นแม่นายอีกคนของไร่ใจเดียว
ปรายฝนอาสาไปดูคนทำความสะอาดเรือนรับรองว่าทำเรียบร้อยดีหรือไม่ เพราะคนที่มาพักเป็นแขกของตัวเองและไม่รู้ว่า
รสสุคนธ์จะนอนที่นี่ด้วยหรือไม่ ปรายฝนมองดูแหวนที่ตัวเองสวมใส่อยู่ บางทีความชัดเจนก็ทำให้เรื่องราวดีขึ้นดูได้จากเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้น แม่นายใจเดียวแสดงตัวออกมาปกป้องทั้งๆ จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไตรตามที่ดวงฤทธิ์เข้าใจก็ได้
“ไม่รู้ความโดดเดี่ยวที่อยู่ในใจหายไปตอนไหนสิน่า” ปรายฝนคิดอยู่ในใจและลองนึกทบทวนความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่สูญเสีย
มารดา รวมถึงความเจ้าชู้ของอดีตคนรัก ซึ่งตกปากรับคำคบหากันตั้งแต่ยังเยาว์วัยกว่าจะเห็นตัวตนอันแท้จริงที่ฉาบไว้ในคราบผู้ชาย
อบอุ่นแสนดี โดยเฉพาะวันนี้ที่เห็นได้ถึงความเอาแต่ใจของดวงฤทธิ์
“ร้านปิดปรับปรุง ขอนอนดื่มด่ำบรรยากาศสักอาทิตย์นะ แม่นายปรายฝน” คนได้ยินถึงกับหัวเราะออกมากับการพูดแหย่ของ
รสสุคนธ์
“คนงานจะคิดว่าปรายมาเกาะแม่นายใจเดียวนะคะ น้ารส”
“เจ้าตัวเต็มใจใครจะว่าได้ เรื่องทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าต้องแสวงหาความเข้าใจชีวิตคงพบความสุขยาก แค่เราไม่ทำให้
ใครเขาเดือด ร้อนก็พอแล้วล่ะ แต่ไร่โน้นจะเดือดร้อนไหม ถ้าเขารู้เข้า” รสสุคนธ์หันมาถามใจเดียวที่ยิ้มจางๆ ให้อยู่
“ไม่ต้องบอกอะไรก็ได้ค่ะ ปรายไม่มีปัญหาอะไร” ปรายฝนบอกกับแม่นายใจเดียว
“คนงานรู้กันทั่ว เดี๋ยวข่าวก็ไปถึงไร่โน้น คนงานที่ทำงานอยู่ทั้งสองไร่ก็เป็นญาติพี่น้องกันทั้งนั้นแหละ” รสสุคนธ์บอก
“เรื่องของเราสองคนไม่ต้องวางแผนอะไรก็ได้ ใครถามหรือคิดยังไงบอกไปตามตรงจะได้ไม่ต้องอึดอัด ถ้าแพรถามปรายตอบ
ไปตามที่อยากตอบ คุณไม่มีปัญหาอะไร” แม่นายใจเดียวบอกกับปรายฝน แต่การแทนตัวเองว่าคุณทำให้รสสุคนธ์ทำหน้าตาแปลกๆ
“คุณอะไรของเดียว คุณอันเป็นที่รักยิ่งของนังหนู งี้เหรอ” ปรายฝนหัวเราะเสียงดัง เมื่อได้ยินรสสุคนธ์พูดแหย่แม่นายใจเดียวที่
ออกอาการเขินอายให้เห็นและที่พูดแทนตัวออกมาอย่างนั้น เพราะรสสุคนธ์เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจ
“ขำดีนัก นี่แน่ะ นี่ๆ” แม่นายใจเดียวบิดเข้าที่เอวของปรายฝนที่ร้องเอะอะโวยวายเสียงดังกว่าเดิม
“เด็กลงไปเยอะเลย เพื่อนฉัน” รสสุคนธ์มองดูใจเดียวที่ยังคงพูดดุและแกล้งหยิกรวมถึงตีไปตามเนื้อตัวของปรายฝน ซึ่งแกล้ง
แสดงท่าทีทะเล้นล้อใจเดียว ความสุขแผ่รัศมีออกมาให้เห็นชัดเจน รสสุคนธ์มั่นใจว่าทั้งหมดเกิดขึ้นจากความรักที่มีให้กัน เพราะต่าง
จากครั้งที่เพื่อนรักสองคนที่คบหากันแบบหลบซ่อนความไม่เข้าใจของผู้คนรอบข้าง ซึ่งคงเป็นเพราะยุคสมัยที่ต่างออกไป และตอนนี้
ใจเดียวก็มีทุกอย่างไม่น้อยหน้าใครเหมือนเมื่อก่อน เพราะคนทั้งจังหวัดรู้จักความใจดีของเจ้าของไร่ที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
“นังหนูปราย ฝากเพื่อนฉันด้วยดูแลให้มีความสุข” รสสุคนธ์ยิ้มมองสบตากับใจเดียว ปรายฝนเดินเข้าไปหารสสุคนธ์แล้วกราบ
ลงที่ไหล่
“ปรายจะอยู่ให้แม่นายรำคาญให้นานที่สุดค่ะ น้ารส” รสสุคนธ์กอดปรายฝนเอาไว้
“นานไปแล้วรส” เสียงเข้มๆ ของใจเดียวทำให้รสสุคนธ์หัวเราะ
“เดียว นี่รสเอง เพื่อนเดียวไง” รสสุคนธ์ยิ้มๆ
“รู้ว่าเป็นเพื่อน แต่ไม่ต้องกอดนานก็ได้” ใจเดียวบอก
“นังหนูปรายออกไปยืนไกลๆ เลย” รสสุคนธ์พูดดุปรายฝน
“ปรายไปโทรศัพท์หาพ่อก่อนนะคะ” ปรายฝนพูดขึ้น
“อยากให้ไปด้วยไหม” แม่นายใจเดียวถาม
“ไปเถอะ ฉันจะนั่งจิบเบียร์เย็นๆ รอ ไตรบอกจะแวะมาดูบ่อยๆ”
“มาบ่อยๆ ไตรจะเสียคนเอานะ ชอบชวนดื่มอยู่เรื่อย”
“หายห่วงแล้วคงอีกนานล่ะกว่าจะมา ควรฉลองคืนนี้” รสสุคนธ์ยิ้มๆ เมื่อเห็นสองสาวเดินไปทางสำนักงาน เพื่อโทรศัพท์ไปหา
บิดาของปรายฝน
ปรายฝนโทรศัพท์ไปหาบิดาแต่ไม่มีคนรับสาย จึงหันมายิ้มจางๆ ให้แม่นายใจเดียวซึ่งเอามือมาทาบทับที่ไหล่เพื่อปลอบโยน
ปรายฝน
“เห็นไหมล่ะคะ ปรายเป็นเด็กไม่น่ารัก พ่อไม่ยอมรับโทรศัพท์”
“เกี่ยวอะไรกับความน่ารัก พ่อติดงานอยู่หรือเปล่า ถ้าท่านไม่ห่วงวันก่อนคงไม่โทรฯ มาถามทุกข์สุขหรอก” แม่นายใจเดียวเอา
มือยีผมที่ศีรษะของปรายฝนเป็นการหยอกเอินให้หายกังวลใจ
“ปรายอยากบอกพ่อเรื่องแม่นาย แต่อยากไปบอกต่อหน้ามากกว่าไปกับปรายนะ” ปรายฝนพูดขึ้นและทิ้งท้ายเป็นคำถาม
“เชิญท่านมาที่ไร่ดีกว่าจะได้รู้ว่าปรายอยู่อย่างไร เผื่อจะทำให้ท่านสบายใจมากขึ้น ไม่ดีกว่าหรือ” แม่นายใจเดียวบอก ปราย
ฝนพยักหน้าทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจนักว่าบิดาจะยอมมาหรือไม่
“ถ้าเราชัดเจน เรื่องราวต่างๆ จะดีขึ้นเสมอ ใช่ไหมคะ” ปรายฝนเอ่ยออกมาเป็นคำถาม
“สถานะของเราชัดเจนในความรู้สึกของเราสองคน สำหรับคุณไม่จำเป็นอะไรที่จะต้องไปป่าวประกาศให้ใครรู้ เพราะเชื่อว่าจะมี
ปัญหาตาม มาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่ไม่เข้าใจคงมีเยอะกว่า คุณว่า” แม่นายใจเดียวดึงตัวปรายฝนมากอดเอาไว้
“ปรายอยากอยู่ที่ไร่ไปนานๆ ชั่วชีวิตเลยจะดีมาก”
“คิดไปไกลมากจ้ะ เอาแค่วันนี้พรุ่งนี้ให้มีความสุขในแต่ละวันก็พอ ปรายมีความสุข คุณก็มีความสุขไปกับปรายด้วย” แม่นายใจเดียวจูบเล็กๆ
“แต่พ่อปรายอายุเยอะแล้ว ถ้าปล่อยท่านทำงานคนเดียวก็ดูเป็นลูกอกตัญญูเหมือนกัน” ปรายฝนพูดเสียงอ่อยๆ ความรับผิด
ชอบที่ปรายฝนถูกคนอื่นต่อว่าบ่อยครั้งและได้ถูกสร้างขึ้นจากคนที่ไร่แห่งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ แม่นายใจเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงทุกคนที่
ปรายฝนได้เห็นถึงความตั้งใจที่จะทำให้ต้นไม้เติบโตงอกงามจนออกดอกออกผล
“ก็เหมือนที่เคยบอกก่อนหน้านี้ ถ้าต้องกลับก็ไปทำหน้าที่ตัวเองให้ดีคนรักกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรอก เพราะ
ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง คุณเองคงไปอยู่กับปรายไม่ได้เหมือนกัน แต่เราไปๆ มาๆ ได้ไม่ ใช่หรือ” แม่นายใจเดียวถาม ซึ่งสิ่งที่ได้ยิน
ทำให้ปรายฝนสบายใจมากขึ้น
แพรพรรณออกจะแปลกใจที่ลูกสาวทำงานอย่างขยันขันแข็ง โดยมีทิวารีเป็นผู้ช่วยและไปๆ มาๆ ระหว่างไร่ทั้งสองที่มีทางเชื่อมต่อกัน ซึ่งทางไร่ใจเดียวได้เปิดทางเอาไว้ให้ แพรพรรณยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงใจเดียว ทิวารีก็เช่นกันที่ทำให้ยิ้มได้เมื่อนึกถึง
“ถ้าเจียมเนื้อเจียมตัวแบบนี้ไปตลอดคงจะดี เพราะหากร้ายกาจขึ้น มาฉันเองก็เบื่อที่จะร้ายกาจใส่คนอื่นเหมือนกัน” แพรพรรณพูดขึ้น
ภาพสมัยที่ยังคบหากับใจเดียวซึ่งถ่ายคู่กันเอาไว้ แพรพรรณนำมาใส่ไว้ในมือถือ โดยเฉพาะภาพของสาวหน้านิ่งที่มีรอยยิ้ม
น้อยๆ อันมีเสน่ห์ได้ทำให้แพรพรรณรู้สึกสดใสได้ทุกครั้ง โดยเฉพาะตอนที่มีปัญหากับบิดาของจันจิรา ภาพต่างๆ ในอดีตช่วยทำให้
แพรพรรณหายกังวลและรู้สึกดีขึ้นได้เสมอ
“มีถือมีไว้ดูรูปสินะ กว่าจะได้ใช้ต้องเข้าไปในเมือง” แพรพรรณยิ้มๆ รีบออกไปที่ไร่ใจเดียว เพราะได้รับการแจ้งจากรสสุคนธ์ว่า
อยู่ที่ไร่แล้ว
จันจิรากับทิวารีพาคนงานที่ไร่ของตัวเองมาดูงานที่ไร่ใจเดียว โดยได้ขออนุญาตจากเจ้าของไร่เป็นที่เรียบร้อย ไตรรับอาสาพาไปดูตามจุดต่างๆ ที่ได้พูดคุยกันเอาไว้ก่อนหน้า
“หัวหน้าไตรครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยครับ” คนงานคนหนึ่งจากไร่แพรพรรณบอกกับไตร
“ครับ” ไตรแปลกใจ เมื่อเห็นคนงานคนนั้นพนมมือไหว้
“ผมเป็นคนแอบเข้ามาเผ่าบ้านพักคนงานเองครับ” ไตรแปลกใจที่ได้ยินสิ่งที่คนงานของไร่แพรพรรณเพิ่งบอกกับตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับ แล้วไปแล้ว ลืมไปเถอะ แต่อย่าทำอีกไม่ว่าเป็นคำสั่งของใครก็ตาม เพราะไฟใช่ว่าจะควบคุมได้ง่ายๆ หากมีคน
ตายขึ้นมาจะเป็นบาปติดตัวไปเปล่าๆ แม่นายใจเดียวไม่ได้ติดใจเอาความอะไรด้วยถึงไม่ไปแจ้งตำรวจ” ไตรบอก
“ขอบคุณครับ หัวหน้าไตร” คนงานคนนั้นรู้สึกโล่งใจที่ได้บอก
ไตรนับถือน้ำใจแม่นายใจเดียวที่รู้ทั้งรู้ แต่ไม่คิดเอาความไม่ว่าเรื่องไฟไหม้หรือคนงานที่บางทีแอบขโมยผลไม้ไปขาย หากไม่
มากนักก็เพียงแค่ตักเตือนและถามไถ่หาเหตุผลของการต้องขโมยผลผลิตเพื่อหาทางแก้ไข
“ยิ้มอะไรคะ พี่ไตร” จันจิราถาม
“ไม่มีอะไรครับ พอดีคิดอะไรนิดหน่อย พี่ว่าจันกับทิไปพักหาอะไรเย็นๆ ดื่มที่เรือนรับรองดีกว่าครับ คุณรสมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
ไตรบอก
“เรื่องปรายจริงหรือคะ ได้ยินคนงานพูดกัน”
“ครับ มีหนุ่มมาคุกเข่าขอแต่งงาน แต่พอดีคนอื่นสวมแหวนให้ก่อนเลยจ๋อยกลับไป” ไตรหัวเราะ เมื่อนึกถึงท่าทางของดวงฤทธิ์
เมื่อรู้ว่าแหวนที่ปรายฝนสวมใส่คนสวมให้ คือ แม่นายใจเดียว
“แม่นายรุกหนักถึงกับสวมแหวนเลย” จันจิรากับไตรหันมามองคนที่พูด เพราะไม่คิดว่าทิวารีรู้เรื่องของแม่นายใจเดียวกับปราย
ฝน
“แม่เล่าให้พี่ทิฟังหรือ” จันจิราถาม
“เปล่าหรอกค่ะ เสียงเล่าลือน่ะ”
“นึกว่าแม่เล่า” จันจิราบ่นพึมพำก่อนจะขึ้นซ้อนท้ายจักรยานไตร