ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! มือใครบางคนควานกดปิดนาฬิกาที่ส่งเสียงปลุกเมื่อถึงเวลาที่ถูกกำหนด ดวงตาหนักอึ้งกะพริบถี่ขับไล่ความง่วงเหงาหาวนอนที่คั่งค้างอยู่ในตัว หญิงสาววางนาฬิกาไว้บนโต๊ะข้างเตียงดังเดิม เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ที่นอนทับอยู่เกือบครึ่ง แขนใหญ่แข็งแรงยังพาดรัดเธอเอาไว้
“อืม...” เสียงครางฮืออย่างขัดใจเมื่อถูกกวนดังขึ้น ตมิสาจึงออกแรงผลักเขาอีกหน่อย จนในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากพันธนาการ
“หอม...จะไปไหน” หญิงสาวถูกเหนี่ยวรั้งด้วยแขนข้างเดิมจนต้องทิ้งตัวลงนอนตามแรงกดทับอีกครั้ง กัณฑ์รพีลืมตาตื่นและใช้มืออีกข้างเท้าคางข้อศอกตั้งฉากกับหมอนปรือตามองเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ไปทำงานค่ะ นี่ตีห้าแล้วนะคะ ตื่นสายเดี๋ยวรถติดแย่เลย” เธอบอกในขณะที่คนรับฟังถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไม่ต้องไปแล้ว...เมื่อคืนบอกไอ้ฐามันแล้วว่าหอมลาออก”
“หือ...อะไรกันคะ หอมยังไม่ได้ตกลงอะไรกับคุณเลยนะ ก็บอกแล้วว่าขอเวลาอีกหน่อย” ตมิสาลืมตาโพลงโต้เสียงแข็งด้วยความตกใจระคนกรุ่นโกรธในเช้ารับอรุณที่เกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง แต่กลับไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเลยแม้แต่น้อย “ฉันตัดสินใจดีแล้ว เมื่อคืนฐามันมานั่งที่ร้านก็บอกไปแล้วว่าหอมจะออก นอนเถอะ ฉันยังไม่หายง่วงเลย” ชายหนุ่มสรุปสั้นๆ ทิ้งศีรษะลงบนหมอน หลับตาและดึงเอาร่างเล็กที่กำลังทำท่าค้ำตัวจะลุกนั่งให้นอนลงตามเขาด้วย
“นี่คุณซีล ปล่อยหอมนะคะ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง คุณจะมาเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้นะ มันอาชีพของหอม หอมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ”
“เป็นเมียฉัน เธอก็มีหน้าที่ให้ทำจนหมดแรงแล้วหอม อย่าดื้อนักเลย...” กัณฑ์รพีปรามทั้งที่ยังปิดตาสงบ เขาง่วงมากเพราะกลับมาตอนเที่ยงคืนเห็นจะได้ แม้ตมิสาจะยังไม่นอน แต่กว่าเขาจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว ซึ่งตอนนั้นหญิงสาวหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว
“คุณนั่นแหละที่ดื้อ หอมแค่อยากทำงานหาเงินเองโดยไม่ต้องเกาะคุณกินไปเสียทุกเรื่องก็เท่านั้นเอง” หญิงสาวโมโหกับความเอาแต่ใจของเขาเป็นที่สุด เธอถลาตัวลุกขึ้นโดยไม่สนใจการทัดทานจากชายหนุ่ม ร่างเล็กเปลือยเปล่าพลิกลงจากเตียงด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้
“มานี่! คิดว่าฉันดูแลเธอไม่ได้หรือไงตมิสา กะอีแค่งานกระจอกๆ เงินเดือนหมื่นกว่าบาทจะอาลัยอะไรนักหนา เราคุยเรื่องนี้กันไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้วนะหอม อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย อยู่บ้านเฉยๆ ทำกับข้าว ทำงานบ้านก็พอแล้ว เงินน่ะต้องการเท่าไหร่ ฉันจะให้เอง” กัณฑ์รพีกล่าวขณะที่ลุกขึ้นรวบเอาร่างเล็กกลิ้งล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง หญิงสาวขัดขืน แต่ด้วยสภาพที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ทำให้เธอต้องรีบตลบผ้าห่มมาคลุมตัว
แม้จะอยู่ร่วมกันมาหลายเดือนและการนอนโดยไม่ใส่อะไรสักชิ้นจะเป็นเรื่องปกติ แต่สายตาคมปลาบของเขาที่ทอดมองอย่างกระหายนี่แหละที่เธอไม่เคยคุ้นชิน และยังรู้สึกใจสั่นร้อนผ่าวได้ทุกครั้งไป
“หอมไม่ใช่อีตัวนะคะ จะได้นั่งกินนอนกินให้ผู้ชายเลี้ยง” “ฉันเป็นผัวเธอตมิสาไม่ใช่ผู้ชายอื่นที่ไหน แล้วการที่ผัวจะเลี้ยงดูเมียนี่มันก็เป็นเรื่องที่ควรทำ ฉันมีปัญญาเลี้ยงและไม่อยากให้เธอตะลอนๆ ไปทำงานที่ไหนอีก เข้าใจไหม!” “หอมไม่ใช่เมียคุณนะ อย่างน้อยเราก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน และหอมก็มีเหตุผลส่วนตัวที่ยังอยากทำงานอยู่”
“ไม่ใช่เมียเหรอ? อ๋อ...แล้วที่นอนแผ่ให้ฉันเอาทุกคืนนี่เขาเรียกว่าอะไร!” ความคุกรุ่นที่หญิงสาวสวนกลับมันทำให้กัณฑ์รพีเหลืออด เขาตวัดเหวี่ยงมือเธอออกจากการจับกุมเกือบเต็มแรง จ้องมองราวจะเผาผลาญคนตรงหน้าให้สมกับการทำร้ายจิตใจด้วยถ้อยคำนั้น
“คุณ...คุณมันเห็นแก่ตัวที่สุด!! หยาบคาย นี่มันชีวิตของฉันนะ ฉันไม่มีสิทธิ์คิดหรือเลือกทำอะไรที่ตัวเองชอบบ้างหรือยังไง!!” การโต้เถียงดูจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อ ปัญหาเรื้อรังจะได้รับการสะสางหรือมันจะยิ่งลุกลามกลายเป็นรอยร้าวเพิ่มทวีคูณเข้าไปอีกกันแน่
“ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิหอม...ว่าเธออยากไปทำงานจริงๆ หรือเกิดติดใจใครเข้าถึงได้อาลัยอาวรณ์อ้างโน่นอ้างนี่สารพัด ทั้งๆ ที่มันไร้สาระสิ้นดี!!”
“อย่ามาคิดชั่วๆ กับหอมนะคุณซีล หอมไม่ได้เป็นแบบคุณที่พอเผลอก็ย่องพาคนอื่นเข้าโรงแรม คิดว่าหอมเชื่อที่คุณโกหกเหรอ คนอย่างคุณ...ไม่มีทางพอใจในสิ่งที่หอมเป็นหรอก” ตมิสาเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ เธอเถียงคอเป็นเอ็นโยงเอาทุกประเด็นเข้ามาพัวพันอย่างคนพาลที่อารมณ์ฉุนเฉียวกับทุกๆ เรื่อง
“หอม!!” กัณฑ์รพีพอจะเข้าใจความหมายที่หญิงสาวกล่าวมานั้น เธอกำลังคิดว่าเขานอกใจเพราะรสนิยมเรื่องบนเตียงอย่างนั้นหรือ ช่างดูถูกหัวใจกันเหลือเกิน
“พอเถอะ...หอมไม่อยากทะเลาะกับคุณแล้ว มันเปล่าประโยชน์ คุณไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดวันยังค่ำ” อารมณ์ขุ่นมัวมิได้จางหายแต่ด้วยความอ่อนใจทำให้ตมิสาอยากหยุดเรื่องบั่นทอนจิตใจในช่วงเช้ามืดนี้โดยเร็ว เธอรู้...ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันขัดเขาได้ กัณฑ์รพีเผด็จการเป็นที่สุด
“ถ้าฉันผิด...ก็ผิดที่ห่วงเธอ ผิดที่หึงหน้ามืดตามัวไม่อยากให้เธอออกห่างสักวินาที ฉันผิดมากใช่ไหมหอม!” ชายหนุ่มจ้องคนรักสาวเขม็ง ร่างขาวโพลนของเธออาจดึงดูดปรารถนาในตัวเขาให้ลุกโชน แต่ปัญหาตรงหน้ามันค้างคาจนไม่อาจเก็บข่มเอาไว้ได้เช่นกัน
“...คุณเอาแต่ใจ หอมแค่อยากทำงาน อยากหาเงินเองก็เท่านั้น”
“อยากทำอะไรเดี๋ยวฉันจะเปิดร้านให้ ไม่ต้องตะลอนๆ ไปเป็นลูกจ้างเขาให้เหนื่อย”
“คุณซีล...หอมอยากยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง”
“เธอนี่ดื้อชะมัด...” เขากัดกรามจนเสียงทุ้มเล็ดลอดผ่านไรฟัน ดวงตาคมยังคงจ้องดุเขม็ง
“คุณคิดมากเกินไป หอมก็แค่ไปทำงาน...แลกเงินเหมือนคนอื่นๆ ถ้าจะตั้งรากฐานได้ หอมก็อยากได้มันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ใช่ว่ารังเกียจคุณนะคะ แต่...”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจ้าง...ให้เงินห้าเท่าของเงินเดือนที่ได้จากฐา จะเอาไหม”
“คุณซีล...หอมไม่ชอบทำงานกลางคืน” เธอตอบเขา สีหน้ายังคงไม่คลายความอึดอัดกังวล นี่สรุปว่าต้องยอมเขาใช่ไหมเรื่องถึงจะยุติ หญิงสาวกำผ้าห่มที่คลุมถึงเหนือทรวงอกไว้แน่น เจ็บใจที่ไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้เลยนับตั้งแต่เริ่มคบหากันมา
“ทำกลางวันก็ได้ หรือที่ไหนๆ ก็ได้ทั้งนั้นแล้วแต่ฉันจะพอใจ แล้วเธอจะได้รับค่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ แค่ทำให้ฉันพอใจเท่านั้น” ชายหนุ่มแสยะยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ดวงตาแววโรจน์ฉายชัดถึงความสะใจในน้ำคำ ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง ทั้งปลอบทั้งปราบ ทั้งขอร้องก็ไม่เป็นผล มันก็ต้องบังคับกันแบบนี้แหละ
ตมิสาจ้องเขาอย่างคาดไม่ถึง เธอรู้ความหมายในสิ่งที่ชายหนุ่มบอกมานั้น และพอจะเดาออกว่ามันคืองานอะไร เธอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเจ็บช้ำที่เขาดูถูก กัณฑ์รพีเห็นเธอกระหายเงินขนาดนั้นเชียวหรือ
“เริ่มเลยไหมล่ะ จะได้เก็บเงินไว้เยอะๆ รับรองวันนี้ทั้งวันเธอได้เป็นแสนแน่ๆ” ร่างหนาคุกคามสวมกอดตมิสาเอาไว้ทั้งที่ยังไม่สิ้นเสียง เธอผวาถอยหนีมองตอบด้วยดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ
“หอมไม่ใช่อีตัว!” เธอบอกเสียงขุ่น สองมือปล่อยจากชายผ้าห่มผลักเขาเสียเต็มแรง
“ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจจ่ายเพราะกินฟรีมาหลายเดือนแล้ว เศษเงินเล็กๆ น้อยๆ ถ้ามันจะซื้อตัวเธอไม่ให้ออกไปแรดที่ไหน ฉันยอมจ่าย”
ริมฝีปากบางเฉียบสั่นระริก ลำคอตีบตันจุกแน่นไปถึงกลางอก อึดอัดและหายใจไม่ออก เธอทำอะไรผิดหนักหนา เขาถึงได้ทำลายน้ำใจกันขนาดนี้ เมื่อคืนตอนกลับมาก็ยังดีๆ กันอยู่ เพียงชั่วข้ามเวลาไม่นานทุกอย่างกลับกลายเป็นหน้ามือหลังมือ น้ำตาหยาดใสๆ คลอเบ้า ถ้าหากเธอเคยนอกลู่นอกทางคิดนอกใจเขาสักครั้ง หรือทำอะไรที่ผิดต่อเขาไปบ้าง ความเสียใจจะไม่กัดกินความรู้สึกเท่านี้เลย
คำพูด...ในบางครั้งมันก็เปรียบเสมือนอาวุธร้ายที่ประหัตประหารคนฟังให้สะท้านไปด้วยความเจ็บปวด โดยที่คนพูดอาจไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าความสะใจของเขานั้นมันทำลายดวงใจน้อยๆ ให้ย่อยยับเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างสุดแสน “คุณคิดว่าหอมเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยเหรอ จะบอกให้รู้นะว่าถ้าหอมเป็นผู้หญิงที่ยอมนอนกับผู้ชายเพื่อแลกเงิน หอมยังหาคนที่จ่ายมากกว่าคุณได้อีกเยอะ อย่ามาดูถูกหอม หอมไม่ใช่ขี้ข้าที่จะทำอะไรตามใจคุณทุกอย่าง ไม่พอใจก็บังคับ พูดจาดูถูกดูแคลนเหมือนอีตัวข้างถนนที่คุณหิ้วมาบำบัดความใคร่ หอมมีศักดิ์ศรีและหอมจะไม่ยอมตามใจคุณอีกแล้ว!”
หญิงสาวปาดน้ำตาที่ไม่อาจเก็บกลั้นอย่างรวดเร็วเพราะไม่ต้องการให้เขาเห็น มันไม่ใช่ความอ่อนแอหรอกที่มันหลั่งรินไม่ขาดสาย แต่มันคือความเจ็บช้ำของหัวใจอันบริสุทธิ์ต่างหาก กัณฑ์รพีทำลายมันเพื่อสังเวยความสะใจที่อยากเอาชนะเธอไปแล้ว
“ฮึ...ไปหัดปากดีแบบนี้มาจากไหน หรือที่ไม่ยอมออกจากงาน อยากไปทำงานทุกวันนี่ก็เพราะซ่อนชู้เอาไว้ถึงได้ติดอกติดใจไม่ยอมห่าง เจอคนมีลีลาอย่างที่ชอบแล้วรึไง!!” ชายหนุ่มถลาตัวจับสองแขนของตมิสาเอาไว้ ด้วยความไม่เคยถูกต่อต้านมันทำให้ทิฐิในตัวเขาก่อตัวสูงเหยียด เรื่องอะไรที่เคยระแวง เคยเก็บเอามาคิดแม้ไม่มีมูลความจริงก็ขุดออกมาซัดสาดใส่ผู้ที่ทำให้เกิดความยุ่งยากหมดสิ้น
“...” ตมิสาไม่ได้ตอบ ความรู้สึกอัดอั้นตีบตันในลำคอโจมตีเธอในทันทีที่วาจากล่าวร้ายนั้นออกจากปากชายหนุ่ม ความรักที่เธอทุ่มเทให้เขาโดยไม่เคยคำนึงถึงตัวเอง ยอมให้เขาทุกอย่างมันคงมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วใช่ไหม
เธอหวนคิดถึงเรื่องที่เขาไปเปิดโรงแรมเมื่อคืนก่อน บวกกับเหตุการณ์ในขณะนี้ มันหาข้อสรุปอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากเขากำลังเป็นอื่นแล้วพาลหาเรื่องคนกำลังหมดความหมายอย่างเธอ
“ทำไม! ฉันพูดแทงใจดำล่ะสิถึงพูดไม่ออก ฉันจ่ายเธอให้สมน้ำสมเนื้อแน่น้ำหอม ไม่ต้องกลัวจะขาดทุน” “ฉันขาดทุนแน่!! อย่างน้อยถ้าฉันขายตัวกับคนอื่น มันก็ได้เงินเหมือนกัน แถมยังไม่สึกหรอเท่าขายให้กับผู้ชายวิปริตอย่างคุณ!!” “น้ำหอม!!”
แรงบีบที่แขนทำให้เธอรู้สึกเจ็บ ชายหนุ่มยามนี้เปรียบเสมือนปีศาจร้ายที่กำลังกัดกรามเข่นเขี้ยวใส่เธออย่างเดือดดาล ดวงตาแดงก่ำนั้นไม่รู้ว่านอกจากความโกรธขึงแล้วยังซ่อนอารมณ์อื่นอยู่อีกไหม เพราะสำหรับตมิสาแล้วความน่ากลัวมันบดบังจนเธอมองไม่เห็นอะไรได้อีก
น้ำตาที่ไหลพรั่งพรูลงอาบแก้มขาวเจือสีชาดพร่ามัวในสายตาของเขา กัณฑ์รพีปวดแปลบไปถึงใจกลางความรู้สึกกับวาทะที่ได้ยินเองกับหู
‘วิปริต’ ตมิสาคิดและมองเขาเป็นคนเช่นนั้นมาตลอดเลยใช่ไหม หากแต่มันช่างจี้ใจดำของเขาให้ทะลุทะลวงยิ่งนักเมื่อความหมายของมันครอบคลุมถึงความไม่ปกติทางอารมณ์ดำมืดของเขา และมันเป็นสิ่งที่ตมิสาไม่เคยเปิดใจยอมรับแม้เธอจะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขามาตลอดหลายเดือนแล้วก็ตาม
“วิปริตเหรอ? ได้! ตมิสา แล้วเธอจะรู้ว่าที่ผ่านมา...มันน้อยไป...” ความห่วงหาอาทรที่ได้รู้จากปากลูกน้องมาว่าเขาและตมิสาถูกสะกดรอยตามอย่างเงียบๆ โดยไม่ต้องคาดเดาว่าใครเป็นคนทำถูกกลบหายไปกับความโกรธาที่เดือดพล่านไปทุกรูขุมขน หัวไหล่เล็กมนห่อเข้าหาตัวเพราะถูกบีบแรงขึ้นทำให้ปวดกระดูกเหมือนจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ
ยามนี้ชายหนุ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอันตรายที่เขาห่วงนักห่วงหนาว่าจะเกิดขึ้นกับเธอ มาจากศัตรูที่ส่งคนมาสะกดรอยตามอย่างที่ลูกน้องกล่าวรายงาน หรือจากน้ำมือของเขาเองกันแน่...
“อื้อ!” ใจสาวสั่นระทึก เธอดิ้นพล่านสะบัดหน้าเพื่อหนีจุมพิตทรมานจากเขาที่โน้มเข้าหาอย่างประสงค์ร้ายแม้มันจะส่อไปในทางพิศวาสรัญจวนก็ตาม ผ้านวมผืนหนาที่ปกปิดพุ่มอกสล้างเพียงผิวเผินหลุดร่นเผยความงามแห่งวัยสาวสะพรั่งให้เห็นถนัดตา เต้าอวบอัดแม้จะช่วยดึงดูดสายตาให้ชะงักงัน แต่ยามนี้กัณฑ์รพีสนใจจะครอบครองกลีบปากเย้ายวนช่างต่อล้อต่อเถียงนั้นมากกว่า
ริมฝีปากหนาพรมจูบประกบได้สมใจ ความอ่อนนิ่มนุ่มนวลไม่อาจทัดทานแรงเสียดทานแห่งสัมผัสของอีกฝ่ายได้ แม้จะส่ายหน้าหลีกหลบ แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องจำนน
ศีรษะซึ่งดกดำไปด้วยเส้นผมสั้นหนานุ่มของกัณฑ์รพีกดแนบลงมาประชิดบังคับไม่ให้หญิงสาวผินหน้าหนีซึ่งได้ผลชะงัด ร่างเล็กของเธอถูกเขาตรึงไว้ด้วยแผงอกแข็งแรง ข้อมือสองข้างถูกมัดรวบไว้เหนือศีรษะ ต่อให้ใช้แรงทั้งหมดที่มีดิ้นเพื่อเอาตัวรอดมันก็รังแต่จะทำให้ตัวเธอเหนื่อยเปล่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ชายหนุ่มทับร่างเล็กเอาไว้ทั้งตัว รับรู้อาการเหนื่อยหอบของลมหายใจที่กระเพื่อมเป็นจังหวะเร็วขึ้นในขณะที่เขายังโลมเลียอยู่กับริมฝีปากของเธอ ชิวหาร้ายกาจปาดไล้ทิ้งความชื้นเอาไว้ทุกที่ที่เขาลากผ่าน กลีบปากช้ำเจ่อขึ้นมาในบัดดลเมื่อถูกขบเม้มและดูดดึงไม่ว่างเว้นแทบสำลักเพราะหายใจติดๆ ขัดๆ อีกทั้งยังเสียแรงจากการดิ้นขัดขืนมากแล้วด้วย
กัณฑ์รพีนัวเนียอยู่กับกลีบปากเย้ายวนและความหอมหวานภายในด้วยความลุ่มหลง บวกกับอารมณ์คุกรุ่นที่ปะทุอยู่ในตัวผลักดันให้เขาหน้ามืดตามัวขาดสำนึกผิดชอบชั่วดีหมดสิ้น คงเหลือแต่หัวใจที่มุ่งมั่นจะสำเร็จโทษคนเบื้องล่างด้วยไฟพิศวาสที่กระพือโหมลุกท่วมไม่รู้จักบรรเทา
ปลายลิ้นร้อนระอุเล้าเลียไปทั่วกลีบปากบวมเจ่อ ซุกซอนเข้าหาความอุ่นหวานล้ำด้านในตลบพัวพัน ชิวหาน้อยๆ ที่หลบหลีกพลิกหนีไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ถูกเขาหลอกล่อลากพาอย่างเอาแต่ใจอย่างไม่อาจต้านทานด้วยวิธีใด ร่างที่ดิ้นหนีอับจนหนทางเริ่มผ่อนแรงกลายเป็นบิดส่ายเพราะแรงปลุกเร้าจากเจ้าหัวใจของเธอ
มือเล็กกำเข้าหากันแน่นทั้งที่ถูกพันธนาการ ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงแรงเบียดหยัดที่เธอแอ่นตัวเสียดสีกับเขา มือใหญ่จึงปลดปล่อยให้สองแขนเรียวขาวเป็นอิสระ สอดเข้าใต้แผ่นหลังและลูบไล้ผิวเนื้อนุ่มลื่นอย่างไม่เบามือ ขยำเคล้นไปบ้างตามอารมณ์ดุดันที่ค่อยๆ ลุกตื่นขึ้นมา
ตมิสารับรู้ถึงแรงกดตรงหน้าขาของเธอ ความใหญ่โตที่แข็งแรงกำลังผงาดสร้างความปวดหนึบให้บริเวณที่มันขยายตัวบดเบียด หญิงสาวพยายามขยับหนีราวถูกของร้อนคลึงเคล้นให้ปวดแสบปวดร้อน ลามเลียซ่านกระสันไปถึงเลือดสาวที่ฉีดพล่านไปทั่วตัวอย่างไม่อาจบังคับตัวเองได้
หญิงสาวรู้สึกเจ็บใจอยู่ลึกๆ ด้วยความคับแค้นในหัวอก เขาหลอกล่อเธอ ปรนเปรออย่างเช่นทุกครั้ง แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนี้ไม่อาจคาดเดาได้ว่าชายหนุ่มจะงัดเอาความดิบเถื่อนวิธีไหนมายัดเยียดเอากับร่างกายเธออีก
ริมฝีปากหยาบดุดันยังเม้มขบซอกไซ้อยู่กับอุ้งปากหวานละมุน เลาะเล็มไม่ให้ส่วนใดตกสำรวจ มือใหญ่ควานเคล้นตามสันหลังเล็กเรื่อยลงมาขยำบีบตรงเนินสะโพกอวบอัด ก่อนจะดันเข้าแนบชิดกับระหว่างขาของตัวเองเพื่อระบายความเจ็บปวดที่อัดแน่นนูนขยายเต็มที่
“อื้อ!”
“คนที่ดื้อและปากดีต้องได้รับการสั่งสอนตมิสา และเธอจะได้รู้ว่าที่ผ่านมาฉันอดกลั้นเพื่อเธอมากแค่ไหน” ชายหนุ่มละริมฝีปากจากการจูบสำรวจมาพร่ำบอกเสียงพร่าอยู่แนบใบหน้านวลระเรื่อนั้น น้ำตาที่อาบสองแก้มยังไม่แห้งสนิท ดวงตาแดงก่ำลืมขึ้นมองเขาอย่างหวั่นๆ ปนสับสนและเลื่อนลอยจากแรงตัณหาที่เขาเป็นผู้สร้างให้เกิดขึ้น การสื่อความหมายด้วยคำพูดจบลงแค่นั้น จมูกโด่งได้รูปถูกขบกัดเบาๆ ก่อนที่ริมฝีปากร้ายจะพรมจูบสะเปะสะปะไปทั่ว เรียวลิ้นร้อนชื้นก็ทำหน้าที่ปาดเลียตามพวงแก้มและแนวไรผมมาจนถึงกกหูขาวอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ร่างเล็กไม่อาจขยับเขยื้อน เธอเปลือยเปล่าในขณะที่เขาอยู่ในชุดนอนครบครัน แต่ทว่าความปรารถนานั้นชูชันจนสัมผัสได้ประหนึ่งไร้อาภรณ์มากีดกั้น คนตัวใหญ่ที่อยู่เบื้องบนร่นไถลสำรวจความงามแห่งสรีระเต็มวัยสาว ขบกัดไปตามแอ่งชีพจนตรงซอกคอขาวลออ ดึงมือขึ้นมาจับพวงผมนุ่มไว้แน่นแล้วกระชากไม่เบานัก แต่ก็ไม่รุนแรงอย่างที่ใจนึก เพื่อที่เขาจะได้ซุกไซ้ละเลงลิ้นให้ทั่วโดยง่าย
“อ๊ะ!!” แรงขบของไรฟันคมกริบรวมไปถึงแรงดูดจนเกิดรอยแดงปื้นตรงลำคอทำให้เจ้าของร่างสะดุ้งด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ หญิงสาวกะพริบตาถี่หายใจลึกๆ เหมือนจะได้สติอะไรบางอย่าง ว่าเธอไม่ควรนอนให้เขาทำตามอำเภอใจเช่นนี้กับร่างกายของตัวเอง เพราะเมื่อสักครู่ก่อนหน้าชายหนุ่มยังถากถางด้วยถ้อยคำหยาบคายสารพัด
“ปล่อย!” สองมือเล็กผลักและทุบตีแผงอกหนารวมไปถึงบ่าบึกบึนไม่ยั้งเมื่อรวมกำลังให้กลับมาได้อีกหน ร่างทั้งร่างดิ้นพล่าน เตะ ถีบ จิกข่วนทำทุกทางมิให้เขามาข่มเหงกันง่ายๆ
“โอ๊ย! อา...” กัณฑ์รพีครางเสียงพร่า อารมณ์รัญจวนเมื่อครู่แทบหายไปสนิทเมื่อความเจ็บปวดจากกรงเล็บแหลมๆ บาดแทงผิวเนื้อนอกร่มผ้า อีกทั้งหมัดน้อยๆ นั่นอีกที่ทุบรัวไม่ดูตำแหน่งโดนหน้าบ้างแขนบ้างลามไปถึงศีรษะ อาจไม่ได้ปวดระบมจนจะเป็นจะตาย แต่การกระทำของเธอก็แสบสันอยู่ไม่น้อย และมันทำให้เขาอารมณ์เสียเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกฮึ...” เขากัดกรามกรอดถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ ข้อมือเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตาทุบจิกเขาถูกรวบเข้าด้วยกันด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว สองขาแข็งแรงเกยทับตมิสาเอาไว้ทั้งร่างไม่ให้เธอออกฤทธิ์ออกเดชได้อีก ซึ่งคงสภาพอยู่แค่หญิงสาวที่นอนหอบฮัก ดวงตาแดงก่ำเพราะความชังปนโกรธและเจ็บไปทั้งตัวจากแรงกด คงได้แต่นอนนิ่งอย่างจำนนต่ออำนาจที่เหนือกว “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้...” เธอบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้อยใจ เสียใจ ที่เคยยอมให้เขาตลอดมาด้วยทึกทักจากความเอาใจใส่ที่เคยได้รับว่าชายหนุ่มมอบความรักให้ด้วยความจริงใจ และต้องดูแลเธอ อาทรเธออย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง ทุกอย่าง...เป็นมายาที่ใช้หลอกคนโง่คนหนึ่งให้หลงในภาพสวยงามเท่านั้น
“ไม่คิดก็คิดซะ...คิดให้มากๆ ไกลๆ เข้าไว้ยิ่งดี...” กัณฑ์รพีแสยะยิ้มให้กับความคิดที่เปล่งออกมาเป็นคำพูดของเธอ น่าสมเพชตัวเองนักที่ไม่อาจสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้เลย
แม้จะพยายามทำดีสารพัด เธอก็ยังมองเขาเป็นแค่ไอ้บ้ากามวิปริต เห็นแก่ตัวที่คอยจ้องจะทำร้ายเธอให้เธอเจ็บปวดทั้งกายและใจ ตมิสาย้ำคิดอยู่เพียงเท่านั้นโดยไม่คำนึงถึงหัวจิตหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงหาอาทรของเขาแม้แต่น้อย
ทำดีก็ไม่ดีสู้เลวให้มันถึงแก่นไปเลยจะเป็นไร ว่ากันว่าผู้หญิงชอบคนเลวเห็นจะจริง เมื่อดีไม่ได้ก็ร้ายให้สุดใจกันไปเลย
“ปล่อยฉัน!” ดวงตาที่วาวโรจน์ส่อแววให้รู้ว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่อาจจะร้ายยิ่งกว่าที่เคยพบเจอมา ความรู้สึกมันบอกชัดเจนถึงไฟปรารถนาที่แตกต่าง แม้กัณฑ์รพีจะมีรสนิยมเรื่องความดุดันยามร่วมรัก แต่เขาก็นำพาความสุขนั้นให้กับเธอพร้อมๆ กันไปด้วยเสมอ ความรุนแรงป่าเถื่อนยังเคลือบแฝงไว้ด้วยความรักจนรับรู้ได้ เธอถึงได้ยอม แต่...ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เขาอาฆาตมาดร้ายอย่างเห็นได้ชัด ต้องการครอบครอง อยากเอาชนะ จน...น่ากลัว
“ไม่มีวันเสียหรอก เธอเป็นของฉันตมิสา...แล้วมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป”
เสียงนั้นไม่ได้ดังมากมายทว่ามันก้องกังวานไปถึงขั้วหัวใจ จากสายตา จากน้ำเสียง จากคำพูด ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มต้องการจองจำเธอให้ผูกติดอยู่กับเขาไปชั่วกัลป์ ให้ผูกติดอยู่กับความเจ็บปวดที่เขามอบให้โดยไม่มีวันสิ้นสุด...ตลอดไป
ในขณะที่คนตัวเล็กยังปรับใจให้ยอมรับในชะตากรรม กัณฑ์รพีก็ไม่ได้สนใจในท่าทีนั้น เขารีบดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเองด้วยมือข้างเดียว ขอบกางเกงนอนร่นลงถึงใต้สะโพกสอบในบัดดล ปลดปล่อยความหิวกระหายที่แข็งขันให้ออกมาสัมผัสกับความหอมหวานที่ปรารถนาอยากลิ้มลอง
“อื้อ!! อ๊ะ!” ตมิสาเผลอส่งเสียงขาดห้วงออกมาโดยไม่ตั้งใจ เมื่อช่วงกลางลำตัวของเธอถูกเข่าแข็งแรงของชายหนุ่มเบียดให้แยกออกจากกัน ก่อนที่เขาจะสอดแทรกความแข็งขึงเข้าหาจุดเร้นลับแห่งสตรี เสียงอื้ออึงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อถูกรุกรานในคราเดียวจนแนบสนิทรวมเป็นหนึ่ง
ความเจ็บแปลบบังเกิดกลางใจสาวทันที แม้จะไม่มากนัก แต่เพราะยังไม่พร้อมเต็มที่ทำให้รู้สึกอึดอัดและคับแน่นจนต้องกลั้นหายใจเพื่อบรรเทา อีกหนึ่งเสียงครางกระหึ่มอยู่ด้านบนบ่งบอกถึงความรู้สึกที่แตกต่าง กัณฑ์รพีหลับตาครวญไม่เป็นศัพท์ เลือดหนุ่มฉีดพล่านไปกับการบีบรัดตัวตนที่ถูกกลืนอยู่ในร่างกายของเธอ
มืออีกข้างที่พันธนาการข้อแขนเล็กเอาไว้ปล่อยออกทันควันและหันมารวบทั้งร่างไว้ในอ้อมอก ตมิสางอแขนค้ำแผงอกล่ำโดยอัตโนมัติเมื่อได้รับอิสระ กระนั้นเขาก็ยังรัดเธอเอาไว้ราวจะหลอมให้เป็นหนึ่ง หยุดแน่นิ่งเพียงชั่วอึดใจเขาก็ขยับรุกอย่างหนักหน่วงตามแบบฉบับจนร่างเล็กโยกคลอนไปตามแรง
ตัวเธอเล็กนิดเดียวถ้าเทียบกับเขาขนาดร่างกายนั้นแตกต่างกันมาก แต่ก็หาได้เป็นอุปสรรคไม่ กลับเป็นที่ชื่นชอบของคนเหนือร่างเสียอีก เขาชอบคนตัวเล็กแต่อวบอัดไปด้วยสรีระวัยสาวอย่างสมบูรณ์แบบ และตมิสาก็มีทุกอย่างที่กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนนั้นของเขา
“แน่นเหลือเกินคนดี...อืม...” เขาครางปลอบเมื่อเห็นน้ำตาหญิงสาวอีกครั้ง แต่สีหน้าของเธอไม่ได้บ่งบอกถึงความเจ็บปวดหรืออาจมีเขาไม่แน่ใจ เพราะดวงตาที่ฉ่ำปรือและริมฝีปากน้อยๆ ซึ่งเผยอครางครวญเสียงพร่านั้นให้ความรู้สึกอีกอย่างแก่เขา มันกระตุ้นลมหายใจให้ร้อนผ่าว กล้ามเนื้อกระตุกเต้นด้วยความต้องการอันล้นพ้น
ร่างกายของตมิสาตึงเครียดไปหมดยามที่เขากระหน่ำเข้าใส่ เธอหดหน้าท้องแข็งเกร็งเพื่อรองรับการกระแทกกระทั้นที่รุนแรงเท่าทวี สำนึกได้เป็นอย่างดีแล้วว่า ก่อนนี้ที่เคยคิดว่าเขาชอบเสพความรุนแรงเป็นอาจิณยามร่วมรักนั้นผิดถนัด ณ ตอนนี้ต่างหากถึงเรียกได้ว่าเถื่อนทมิฬของจริง เพราะขาดการเล้าโลมอย่างเอาใจ ขาดการป้อนสัมผัสไปทุกส่วนอณูเนื้อก่อนจะลงมือประหัตประหาร
มือใหญ่ของเขาเคลื่อนขึ้นไปจับตรงหัวไหล่ทั้งสองข้างดึงรั้งเข้าหาตัวและตอบโต้ด้วยความเท่าเทียมไม่ผ่อนปรน เสียงครางแว่วหวานเปลี่ยนเป็นอึกอักเพราะแรงถาโถมที่เธอต้องตั้งรับอย่างไม่อาจหลีกหนี
“พอ...พอแล้วค่ะ...”
“ยังหรอก...ไม่กลัวค่าตัวจะตกรึไงมาบอกให้หยุดกลางคัน...” เขาเย้ยหยันพร้อมแรงหอบกระเส่า ดวงตาปรือไปด้วยหยาดน้ำตากะพริบลืมโพลงแดงก่ำอย่างเจ็บแค้น ช่องท้องยังรู้สึกปวดหนึบ เพราะเขาไม่ยอมหยุดอย่างที่วอนขอ และเธอก็ไม่อาจขัดขืนให้ตัวเองรอดพ้นไปได้
แรงเสียดสีที่ล้ำลึกทุกขณะจิตบั่นทอนความเข้มแข็งของหัวใจดวงน้อยให้สั่นคลอนไปตามจังหวะเร็วถี่ไม่เว้นช่วงให้ได้ใช้สติไตร่ตรองหรือคิดอื่นใดได้นอกจากรู้สึกถึงราคะที่ผุดพรายรายล้อม
น่าแปลก...ครั้งนี้ไม่มีอะไรพิเรนทร์ๆ ให้ต้องใจลุ้นระทึกสั่นประสาท เขาอาจจะโมโหจนลืมเลือน ‘ความชอบ’ แบบผิดวิสัยนั้นไปชั่วขณะแล้วก็ได้
กัณฑ์รพียอมรับว่าการเสพรักครั้งนี้ขัดแย้งกับความต้องการเก่าก่อน เพราะเขามุ่งแต่จะบรรลุสุขอย่างเคร่งเครียดโดยไม่คิดโอ้โลมให้เสียเวลาเพื่อเอาใจ เพื่อปลอบโยนเธออีก ไม่จำเป็นอีกแล้ว ตมิสาไม่ต้องการมันหรอก เธอแทบไม่รู้สึกถึงความเอาใจใส่ของเขาด้วยซ้ำ บางครั้งผู้หญิงที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ไม่เคยมีบทเรียนเรื่องการคบหาก็น่าเบื่อไม่ใช่น้อย เธอเข้าใจอะไรยากเย็นเหมือนเด็กที่ต้องคอยประโลมอยู่ตลอดเวลา