“มันไม่จบแค่นี้หรอกคนดี...ฉันยังต้องการมากกว่านี้” เขาบอกและหยุดเกมสวาทอีกรอบ ปลดปล่อยร่างระหงจากพันธนาการทั้งมวล ผละห่างไปด้านข้างและจัดการเปิดลิ้นชักตรงโต๊ะวางโคมไฟข้างหัวเตียง ตมิสาซึ่งนอนหอบระโหยไร้ซึ่งเรี่ยวแรงได้แต่พยายามตะแคงมองว่าสิ่งใดที่เขากำลังสรรหามาทรมานเธออีก
สายตากลมปรือมองอุ้งมือที่ดึงเอาริบบิ้นผ้าสีแดงยาวเฟื้อยออกมาจากลิ้นชักก่อนที่ร่างใหญ่จะโถมกลับมาที่เธอด้วยความว่องไว หญิงสาวยังนอนหอบระโหยมองการกระทำของเขาโดยไม่กระดิก เพราะเรี่ยวแรงนั้นน้อยนิดเหลือเกินแล้ว
“เรามาหาความสำราญกันนะ...” เขายังมีหน้ามาข่มด้วยเสียงทุ้มหลอนน่ากลัวให้เธอผวาซ้ำอีก ส่วนลึกแม้จะยังคิดว่าเขาคงไม่รุนแรงถึงขนาดพร่าวิญญาณออกจากร่างเหมือนในข่าว แต่เพราะความไม่มั่นคงของตัวเองมันก็อดคิดและจินตนาการไปก่อนล่วงหน้าไม่ได้ว่าเขาจะใช้มันเพื่อความเสน่หาหรือเป็นอาวุธมาประหัตประหารเธอกันแน่
กัณฑ์รพีไม่ได้ใส่ใจสีหน้าของคนเบื้องล่างเขาทาบทับตัวเองลงบนร่างเธออีกครั้ง ดูดดึงเลียไล้ทุกสัดส่วนเท่าที่จะกอบโกยเอาได้ชิ้นผ้าริบบิ้นในมือสอดล้วงเข้าทางด้านหลังวนมาเบื้องหน้าพาดกลางทรวงอกงามล้ำและวนซ้ำอีกรอบก่อนจะดึงให้มันรัดเธอเสียแน่น เนื้อนิ่มขาวโพลนสองเต้าอวบล้นเลยปลิ้นออกมาตามแรงรัดตึงของริบบิ้น ตมิสากัดฟันกรอดแอ่นดีดตัวบรรเทาความเจ็บแปลบเมื่อถูกเสียดสีรุนแรง
“อื้อ!” ปากบางครวญเสียงหวิว ใบหน้าเผยเชิดไปด้านหลังทำให้ผมสยายของเธอประไปทั่วหมอนทั้งใบ กัณฑ์รพีแลมองดวงหน้าหวานซับสีเลือดที่บัดนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อกาฬอย่างกระหายในอารมณ์ ก่อนจะโน้มคอลงไปฉกชิมความหอมหวานตัวเองถือกรรมสิทธิ์ไว้แต่เพียงผู้เดียว ชายหนุ่มปรนเปรอชิวหาไปพร้อมๆ กับม้วนพันริบบิ้นในมือสมทบแล้วลากลงมาด้านล่างแล้วร่นตัวลงมาพร้อมกัน
มือใหญ่สอดเข้าใต้เข่าพับแล้วจัดการมัดพันสองขาไว้ด้วยอาภรณ์เส้นเล็กโยกต้นขาให้ยกไปด้านหน้า ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งรวบเอาแขนเรียวขาวไขว้กลับมามัดรวบไว้ด้านหลังต้นขาอีกที พันธนาการสีแดงเข้มรัดพันรอบตัวเธอจนไร้ซึ่งอิสรภาพเสียแล้วสองขาโน้มไปด้านหน้าโดยมือที่ถูกมัดรั้งไว้อีกที เผยเนินเนื้อฉ่ำชื้นสีชมพูสดที่กำลังเบ่งบานให้กับบุรุษผู้เป็นเจ้าของได้เชยชม “สวยเหลือเกินหอมของฉัน...” กัณฑ์รพีครางเสียงกระเส่า สายตาพร่ามัวพอๆ กับอารมณ์กระเจิดกระเจิงที่วิ่งพล่านอยู่ในตัว ไม่มีคำว่ารีรอสำหรับสวรรค์แห่งอรุณรุ่ง ร่างใหญ่ขยับเข้าประชิดหลืบเร้นแห่งนวลนางแล้วรุกคราเดียวสุดกำลัง
“อ๊ะ!!” ตมิสาครวญรับอย่างไม่อาจเก็บกลั้นเมื่อถูกกระแทกกระทั้นรัวถี่ ชายหนุ่มจับขาสองข้างโยกไปด้านหน้ามากขึ้น สายตาจดจ้องอยู่กับการรุกเร้าของตัวเองที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายนุ่มนิ่ม ไม่มีอะไรหลงเหลือ เนินเนื้อสีชมพูเข้มขึ้นโอบล้อมรัดรอบตัวตนแข็งขึงที่ขยับเข้าออกถี่ยิบ ทำเอาคนมองครวญเสียงกระหึ่มราวสัตว์ร้ายในพงไพร หญิงสาวกำจิกมือที่ถูกมัดเอาไว้แน่น พันธนาการครั้งนี้ไม่ได้เจ็บปวดเท่าไหร่ แต่มันสร้างความกระดากอายให้ไม่น้อย ร่างกายของเธอตอบสนองเขาทั้งๆ ที่ยังรู้สึกขลาดกลัว หรือแรงเสน่หาจะเปลี่ยนจิตใจคนให้คล้อยตามได้จริงๆ ไม่นะ...เธอจะไม่เป็นแบบเขา
“อื้อ...” สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดคิดเช่นนั้น แต่หากส่วนที่เหลือถูกกลบฝังด้วยไฟสวาทไปหมดแล้ว แรงเสียดสีครั้งแล้วครั้งเล่าเรียกร้องให้ส่วนบอบบางกระตุกเต้นตอบสนองการขยับรุกของเขา กัณฑ์รพีเองก็รู้สึกได้ทันทีเมื่อตัวตนที่สัมผัสผิวเนื้อสาวด้านในถูกบีบรัดแรงขึ้นเรื่อยๆ และตัวเขาเองก็จะไม่รีรอไขว่คว้าสวรรค์นี้มาไว้ในกำมือพร้อมเธอเป็นแน่
เขาจับสองขาที่ชูสูงด้านบนให้พาดไว้บนไหล่กว้างชื่นเหงื่อ แล้วรั้งโคนสะโพกเข้าหาตัวสุดแรงกว่าเก่า จุดประสานร่างแนบแน่นและสัมผัสกันรุนแรงมากขึ้นตมิสาแทบหายใจไม่ทันกับการที่เขาจู่โจมด้วยความเร็วและแรงขึ้นทุกขณะ กล้ามเนื้อท้องน้อยหดเกร็งตั้งรับการกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงขึ้นทุกขณะ จุดแตกดับอยู่ใกล้เพียงเอื้อม กัณฑ์รพีส่งตัวตนเข้าหาร่างบางไม่ยั้ง เขาโน้มตัวลงกอดรวบเธอไว้ทั้งตัวเป็นผลให้เรียวขานวลกดแนบกับลำตัวด้านหน้าของตมิสาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง สองเต้าซึ่งถูกคาดรัดด้วยริบบิ้นแบนบี้ตามแรงกอดรัดจากเขา ทว่าหญิงสาวกลับไม่ได้ใส่ใจกับความเจ็บปวดตรงนั้นแม้สักนิด ความรู้สึกทุกอย่างหลอมรวมอยู่ที่จุดกลางลำตัวหมดแล้ว “อย่าเกร็งหอม...ปล่อยไปตามความต้องการของตัวเองแล้วเธอจะรู้สึกดีขึ้น...อืม...” ชายหนุ่มกล่าวเสียงกระท่อนกระแท่นขณะกอดรัดร่างโยกคลอนไปตามแรงรุกของตัวเองไว้แน่นราวจะดึงเข้ามาหลอมรวมให้เป็นหนึ่ง
ตมิสาหาได้ฟังสิ่งที่เขาพร่ำบอกไม่ เธอหูอื้อสมองตีบตันไปหมดสะโพกเชิดขึ้นรับตัวตนที่ขยับเข้าออกหนักหน่วง ความปลาบแปลบแปลกประหลาดแล่นพล่านไปทั่งตัว มือที่ถูกมัดกำเข้าหากันแน่นปากก็หวีดร้องเสียงหลงเมื่อร่างกายเกร็งขืนเต็มที่ในจังหวะสุดท้ายแม้จะไม่ได้กอดก่ายด้วยถูกพันธนาการทั้งมือและเท้า
แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่า...กัณฑ์รพีไม่มีวันทิ้งห่างจากเธอไปแน่นอน เขากอดรัดแน่นขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดที่แรงขึ้นเมื่อเธอก้าวผ่านฝั่งฝันล่วงหน้าไปอีกครั้งแล้ว
“ตมิสา...มีความสุขไหม ฉันจะตามเธอไปที่รัก...อืม...” เสียงครางกระหึ่มอย่างเป็นสุขที่สามารถปรนเปรอคนรักจนเธอปีนป่ายเยือนแดนวิมานได้ถึงสองครั้งสองครา และต่อจากนี้ไปก็คงถึงเวลาของเขาเสียที
กัณฑ์รพีครวญเสียงพร่าทุ้มลึกแต่ดังสะท้อนไปทั่วห้อง เขาเกร็งกอดหญิงสาวเอาไว้จนเธอแทบแหลกเหลวคามือ เพราะอยู่ในท่าที่ผิดแผกไปจากปกติเสียด้วย ธารรักถูกปลดปล่อยให้ร่างเล็กได้ดื่มด่ำจนหมดสิ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะถึงคราสงบ ชายหนุ่มคลายตัวออก กลิ้งลงมานอนแผ่หลาข้างๆ ตมิสา
ทั้งคู่หอบฮักหมดแรงสิ้น เหงื่อกาฬไหลท่วมตัวราวกับเพิ่งผ่านการอาบน้ำมาหมาดๆ ร่างเล็กที่ถูกปล่อยออกจากอ้อมแขนพลิกนอนตะแคงในสภาพที่ยังถูกพันธนาการไว้
ชั่วครู่เมื่อแรงเริ่มกลับคืนมาน้อยนิดชายหนุ่มก็เอื้อมไปรวบหญิงสาวเข้าหาตัวอีกครั้ง สายตาแลเหลือบไปยังกลางใจสาวที่เพิ่งถอดถอนตัวตนออกมา ธารรักที่เขาปลดปล่อยทิ้งไว้เริ่มไหลเอ่อออกมาเพราะสะโพกของตมิสายังยกเชิดและสองแขนก็ยังสอดรั้งอยู่
“เดี๋ยวฉันแกะให้นะ จะได้หายอึดอัด...”
“...” เหมือนจะได้ยินแว่วๆ แต่จับใจความอะไรไม่ได้ ร่างหอบสั่นของตมิสาเปลี้ยล้าไปหมด เรี่ยวแรงจะหายใจแทบจะไม่มีอยู่แล้ว ไม่ได้อินังหรอกว่ายามนี้ตัวเองอยู่ในสภาพไหนหรือเขาจะทำอะไรต่อ
“เมียของฉันน่ารัก...หอม...หวานเป็นที่สุด” เมื่อริบบิ้นสีแดงถูกปลดออกจากร่างระหง กัณฑ์รพีก็บรรจงจูบซับตรงพวงแก้มระเรื่อชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ มองคนในอ้อมกอดหายใจสม่ำเสมอมากขึ้นและดวงตาของเธอปิดปรือร่างกายก็คลายความตึงเครียดจนเข้าสู่ภาวะปกติ
“หมดแรงไปเสียแล้ว ฉันยังไม่อิ่มเลยนะรู้ไหม...หึหึ” เขาบอกแต่ก็ไม่คิดจะต่ออีกยกหรอกนะ แค่นี้คนในอ้อมแขนก็ช้ำระบมมากพอแล้ว ชายหนุ่มมอบจุมพิตหนักๆ ลงบนหน้าผากมนอีกครั้ง รวบร่างเปลือยมาแนบแผงอกแล้วปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งเพราะความเหนื่อยและอ่อนเพลียลงบ้าง
การแสดงความรักในครั้งนี้ นอกเสียจากความเป็นไปตามธรรมชาติของเขาแล้ว ชายหนุ่มยังต้องการสอนให้ตมิสารับรู้ว่าความเจ็บปวดที่เธอหวาดกลัวมันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเสพสุขเลยแม้แต่น้อย หากแต่เพียงเธอเปิดใจ การดำเนินชีวิตคู่ก็จะเป็นไปอย่างปกติสุขเฉกเช่นคนอื่นๆ กัณฑ์รพีรู้ตัวดีว่าถึงแม้เขาจะมีความต้องการที่รุนแรงดุเดือด แต่มันก็เป็นแค่รสนิยมที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือเธอ
และความรุนแรงในการเสพรักของเขามันก็ไม่ได้เกินกว่าเหตุถึงขั้นจะต้องมาพลั้งมือให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องถึงแก่ชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสได้หรอก