ความสับสนในวันหวาน ตอนที่ 3

4740 คำ
  ตมิสาไม่เข้าใจตัวเองนัก ทั้งๆ ที่เธอมักขลาดกลัวบทรักอันดุเดือดของเขา แต่บางครั้งเมื่อชายหนุ่มปรนเปรอเสน่หาไปทั่วตารางนิ้วของร่างกาย เธอกลับรู้สึกโหยหาอยากให้เขารีบเติมเต็มความต้องการอันเร้นลับนั้น อาจให้เหตุผลต่อสิ่งนั้นได้ว่าเป็นเพราะจริงๆ แล้วเธอและเขามีความรักต่อกันอย่างคู่รักทั่วๆ ไป การที่จะโหยหาซึ่งกันและกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่ตัวเธอเองยังคงติดอยู่กับความหวั่นใจ วิตกกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมป่าเถื่อนของเขานั้น ทำให้การครองรักไม่มั่นคงอย่างเสมอต้นเสมอปลาย             “อ๊ะ!!” ความคิดยังไม่ทันขาดตอน แรงกัดตรงฐานเต้าทำให้ร่างเล็กต้องสะดุ้งเฮือก มือข้างหนึ่งของเขากำบีบทรวงอีกสล้างแรงๆ ทำให้ยอดถันเป่งอวดปลายสีสดอย่างชัดเจน ในขณะที่อุ้งปากอุ่นชื้นเปิดรับเอาปทุมถันอีกข้างกลืนกินอย่างตะกละหิวกระหาย             “อย่าดิ้นสิ!” กัณฑ์รพีผละขึ้นมาเอ็ดร่างเล็กเสียงไม่เบานัก เมื่อเธอเริ่มต่อต้านผลักไสและดิ้นออกจากกรงสวาทของเขาอีกครั้ง ตมิสาไม่ได้หยุดตามที่ถูกสั่งแต่ชายหนุ่มก็หาได้สนใจไม่ เขาดื่มกินปทุมถันสองข้างสลับกันไปมาอย่างกับคนเมาไร้สติ หลงใหลในรสเสน่หาจนไม่ลืมหูลืมตา             “เจ็บค่ะ...” คนใต้ร่างอุทธรณ์เมื่อผิวเนื้อขาวนิ่มของเธอถูกเขากัดแล้วดูดเม้มไปทุกตารางนิ้วตรงทรวงอก ยอดถันถูกกัดหยอกเย้าละเลงปลายลิ้นร้ายตวัดหนักหน่วงก่อนจะงับเข้าสู่โพรงปากร้อนรุ่ม             เสียงครางกระเส่าบางครั้งก็หวีดแหลมด้วยความลืมตัวเมื่อถูกทารุณด้วยสัมผัสทั้งปากและมือร้าย อีกทั้งเขายังเสียดสีกลางลำตัวไม่หยุดหย่อน ความปวดหนึบเจ็บแปลบจึงบังเกิดอย่างไม่อาจหลีกหนี                                             “หวานจริงๆ หอมไปทั้งตัว” คนเมารสรักครวญ แม้จะผละจากการปรนเปรอสองปทุมถันหวานล้ำแล้วแต่ใบหน้ากร้านยังคงซุกอยู่กับผิวเนื้อนวลนิ่มของหญิงสาวไม่คิดละห่าง             เขาจูบตะโบมไปตามซี่โครงเล็กแคบต่างจากของตัวเองเลยมาถึงหน้าท้องน้อยอ้อยอิ่ง ปาดไล้ทิ้งความชื้นไว้เป็นหลักฐานทั่วทางผ่านก่อนจะขบซี่ฟันลงบนเนื้อนิ่มจนเจ้าตัวสะดุ้งพึ่บครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหวีดครวญหวานๆ ดังพร่าไม่ขาดปากบรรเลงกล่อมบทรักให้ยิ่งฮึกเหิมไม่ผ่อนปรน             มือใหญ่คลำเคล้นเรื่อยมาจนถึงขอบสะเอว โคนสะโพกผาย ก่อนจะจับไว้มั่นแล้วเคลื่อนใบหน้าที่กำลังซุกกับสะดือบุ๋มตามลงมา เขาแหงนมองเธอนิดหนึ่งขณะอยู่ ณ จุดกึ่งกลางลำตัว เขาเห็นมือน้อยสองข้างของเธอกำลังจิกทึ้งผ้าปูที่นอนใบหน้าสวยแดงระเรื่อแหงนเงยไปทางด้านหลังปล่อยผมยาวสลวยกระจายแผ่เต็มหมอน ปากบางบวมเป่งก็เปล่งชายเสียงครางหวิวไม่ขาดระยะ ชายหนุ่มรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด อยากจับร่างนี้กลืนกินเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้บรรเทาความทรมานในตัวลงบ้าง             “...” ตมิสากัดริมฝีปากตัวเองข่มความรู้สึกพลุ่งพล่านในตัว เมื่อเธอรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นจากปลายลิ้นร้ายแตะสัมผัสบนเนินเนื้อสะอาดของตัวเอง เขาเล็มเลียอ้อยอิ่งไม่ดุดันอย่างเคย ค่อยๆ บรรจงโลมไล้ลากผ่านร่องสวาทที่เผยแยกจากกันเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็ลากขึ้น ลากลง และกดเน้นตรงด้านบนซึ่งฝังฝากปุ่มเนื้อแห่งความรัญจวนเอาไว้ มันกระตุ้นให้เธอแอ่นตัวรับชิวหาร้อนนั้นอย่างลืมตัวแม้จะพยายามอัดอั้นมากเพียงใดก็ตาม             กัณฑ์รพีบรรเลงเพลงชิวหาด้วยความหลงใหลในเนื้อร่างระหง เขายกขาเรียวสองข้างของเธอขึ้นพาดไว้บนบ่าแทรกช่วงตัวส่วนบนเข้าหาช่องระหว่างกลางด้วยความถนัดจัดเจน แล้วซบซุกใบหน้าสู่ร่างกายของหญิงสาวอีกครั้ง ความกระหายหิวอย่างเปิดเผยของเขาทำให้ตมิสาดิ้นส่ายไปมาราวกลัวจะขาดใจคาเตียงหลังนี้เสียในบัดดล                                                                           ความดิบกระสันในตัวค่อยๆ สูบฉีดแล่นพล่านในอณูเลือดหนุ่ม เขาขยับสะโพกโยกย้ายไปด้านหน้าอีกทำให้ร่างสาวงอตัวช่วงบนยังแนบอิงอยู่กับเตียง แต่เบื้องล่างลอยเด่นอวดความงามแห่งสตรีเพศให้เขาเชยชมและเด็ดดมดื่มกิน             “คุณซีล...พอ...พอ! ค่ะ หอมไม่ไหวแล้วนะคะ...” เธอวอนให้เขาหยุดการฝังเฟ้นเรียวลิ้นกับร่างกายตัวเอง สิ่งแปลกปลอมที่อุ่นร้อนยังแตะต้องทุกๆ ตารางนิ้วเนื้อสาวสีชมพูอ่อน ไม่เว้นแม้แต่นูนเนื้อบวมเป่งด้านบนที่เขาชอบซุกเม้มเลียและใช้อุ้งปากครอบครองอย่างไม่คิดรังเกียจนั่น ทุกการกระทำของเขามันทำให้ลมหายใจเธอติดขัด หายใจไม่ออก หัวใจเต้นระรัว และสั่นสะท้านไปทั้งสรรพางค์             กัณฑ์รพีไม่หยุดยั้งอยู่เพียงเท่านั้น เขาฮึกเหิมที่จะจับจองพื้นที่สวยงามแห่งนี้เอาไว้อย่างละเมียดละไม หยาดน้ำทิพย์ชโลมชุ่มให้ดื่มกินดับกระหาย แต่ตัวเขาเองกลับยิ่งหิวจนร้อนเร่าไปหมด สำหรับเขาแล้วแม้เธอจะไม่ใช่นางเอก นางแบบหรือนางงามบนเวทีไหน แต่ตมิสาก็สวยงามและเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่เขาอยากอยู่ด้วยไปจนวันตาย             อา...ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน หรือเพราะช่วงอายุและความพร้อมในด้านต่างๆ เรียกร้องให้เขามองหาครอบครัวอย่างจริงจังเสียที ไม่...ไม่ใช่หรอก เพราะตมิสาต่างหาก ถ้าไม่ใช่เธอแน่ใจได้เลยว่าไม่มีผู้หญิงหน้าไหนทำให้เขาหยุดการเสาะแสวงหาคู่ควงมาอิงแอบไปเรื่อยๆ ได้อย่างนี้หรอก             “คุณซีล...หอมทรมานค่ะ...” เธอสารภาพเสียงสั่นพร่าขาดห้วง             “ทรมานก็ไม่ต้องทนสิ ฉันอยากให้เธอหลุดพ้นจากความทรมาน...น้ำหอม”                                                                                                       “อื้อ!” ร่างเล็กเกร็งแอ่นอีกครั้งเมื่อสิ้นเสียงทุ้มห้าว เพราะเขาบรรจงสอดเรียวลิ้นเข้าสู่ร่างกายของเธออย่างหนักหน่วง ลากเข้าออกอยู่เป็นนิตย์ไม่คร้านจะปรนเปรอส่งความสุขหฤหรรษ์ให้                                                                  ปลายเท้าหญิงสาวจิกเกร็งไม่รู้จะหาทางระบายความแปลบปลาบที่แผ่ซ่านอยู่ในช่องท้องนี้ได้อย่างไร มือที่เคยกำทึ้งผ้าปูที่นอนเปลี่ยนทิศทางมากอบกุมปอยผมดำขลับเอาไว้ เธอกดศีรษะเขาในบางจังหวะและผลักไสออกในบางครั้งเมื่อรู้สึกถูกรุกล้ำจนกระเจิดกระเจิง กัณฑ์รพีสลัดขาข้างหนึ่งลงจากบ่า ก่อนจะนำมือข้างฝั่งนั้นมาจับสะโพกผายเอาไว้ เขาแยกสนั่นเนื้อให้ออกห่าง คลำบีบไปทั่วตามอารมณ์ ก่อนที่หัวแม่มือร้ายจะเฟ้นฝอยสู่เนินเนื้อสาวฉ่ำชื้น ลิ้นร้ายหยุดทำหน้าที่ชั่วขณะเมื่อดัชนีใหญ่สุดเข้ามาแทนในตำแหน่งนั้น “อื้อ!!” อีกครั้งที่ร่างเล็กเหยียดเกร็งแอ่นตัวขึ้น ชายหนุ่มโจมตีเธอด้วยอังคุฐร้อนระอุราวแท่งเหล็กลนไฟ กลีบผกาสาวแยกออกห่างเมื่อปลายองค์คุลีสัมผัสกดเอาไว้ เผยให้หยาดน้ำหวานหลั่งรินจนไม่อาจอดใจต้องซุกใบหน้าลงกวาดลิ้มชิมรสสวาทนั้นอีกครา กัณฑ์รพีค่อยๆ กดปลายหัวแม่มือให้เนื้อหนังมังสาของเธอโอบอุ้มเอาไว้ ชายหนุ่มครางฮือในลำคออย่างสุขสมเมื่อทั้งได้รุกเธอด้วยอาวุธร้ายทั้งสอง แม้ตัวตนที่แข็งชันของเขาจะยังไม่ได้ชื่นชมเธอเลยก็ตาม             “อุ๊ย!” ตมิสาอุทานเสียงหลงเมื่อจังหวะรุกที่เธอไม่ทันตั้งตัวเร่งถี่ขึ้น องค์คุลีร้ายส่งเข้าออกโพรงรักอย่างหนักหน่วงในขณะที่ชิวหาอุ่นสากก็ปาดไล้ตามซอกร่องหลืบไม่ว่างเว้น เธอแอ่นหยัดให้เขารุกรานโดยอัตโนมัติตามที่ร่างกายและใจอันหลุดลอยเรียกร้อง                                                                         มือเล็กของเธอกดศีรษะที่ผงกขึ้นลงจนเกร็งค้างอยู่อย่างนั้น เสียงแว่วหวานครวญแผ่วปนหอบจนลำคอแห้งผาก เพราะยังหาโอกาสกลืนน้ำลายไปหล่อเลี้ยงไม่ได้เลย             ชายหนุ่มเหมือนจะรับรู้อาการกระสันนั้น เขาจึงเร่งส่งองค์คุลีสุดกำลังซ้ำๆ ปลายลิ้นร้ายซอกซอนไปทุกตำแหน่งกลีบกุหลาบหวานล้ำ ไม่เว้นแม้แต่เนินนูนสีชมพูสดที่ถูกกระหน่ำเน้นด้วยริมฝีปากไม่ปรานี             “อืม...คุณ...คุณซีลคะ!” ตมิสาครางเรียกเพชฌฆาตร้ายที่กำลังลงทัณฑ์เธออย่างเมามัน เขาหยัดตัวขึ้นกระเถิบนั่งตรงกลาง ปล่อยขาสองข้างให้ขนาบลำตัว แต่มือยังคงวนเวียนอยู่กับการสอดส่งเข้าหาโพรงสาว ตัวตนที่พรั่งพร้อมสอดแทรกสู่ด้านล่างสะโพกมนแล้วกระแทกกระทั้นเหมือนว่ากำลังเริงระบำหยอกเย้าความอุ่นชื้นในตัวเธอเสียอย่างนั้น              ตมิสารู้สึกเจ็บหนึบตรงด้านหลังสะโพกเมื่อความแข็งขึงกระทั้นเป็นจังหวะ หญิงสาวรู้ว่าเขายังไม่อยากล่วงล้ำตอนนี้แต่อยากส่งเธอให้ล่องลอยสู่เส้นขอบฟ้าไปก่อน การกระทำนั่นก็เพื่อระบายความกำหนัดในตัวที่เต็มเปี่ยมแทบจะปริแตกได้ทุกเวลา             กัณฑ์รพีละนิ้วใหญ่ออกจากความอุ่นร้อน แต่กลับแทรกแทนที่ด้วยสองดัชนีเรียวยาวดันลึกสุดกำลังในครั้งเดียว เขามองดูตมิสาดิ้นพล่านเพราะถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือเขา สะเอวสอบขยับโยกไปด้านหน้าพร้อมๆ กับนิ้วร้ายทั้งสองที่สอดส่งเข้าออกถี่ยิบ เขาสัมผัสได้ถึงแรงกระตุกเต้นในร่างกายเธอ เสียงหวีดครางดังขึ้นราวขาดสติ หญิงสาวส่ายสะบัดใบหน้าจนผมเผ้ากระจัดกระจายเต็มหมอน นิ้วร้ายของเขาถูกความชุ่มชื่นชโลมจนเอ่อล้นออกมาด้านนอก และตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคำรามออกมาบ้างเมื่อทักปฏิกิริยาของหญิงสาวกระตุ้นความเถื่อนทมิฬในตัวได้เป็นอย่างดี             “อ๊า!” ร่างเล็กกระตุกเกร็งในจังหวะสุดท้ายของการรุกล้ำที่เน้นหนัก บ่งบอกถึงการถูกปลดปล่อยจากความทรมานที่อัดอั้นอยู่ในตัวทั้งหมด กระแสหยาดน้ำทิพย์หลั่งรินเอ่อท่วมสององค์คุลีจนหยาดเยิ้มเมื่อเขาค่อยๆ ดึงออกจากโพรงรักที่ยังเต้นเร่าด้วยความสุขสม             ตมิสาทิ้งตัวราบแนบกับที่นอน ดวงตาของเธอฉ่ำปรือในขณะที่ริมฝีปากอวบเจ่อก็เผยอหอบเอาอากาศเข้าหล่อเลี้ยงลมหายใจ ทุกสิ่งทุกอย่างหลุดลอยอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งความกลัว ความหวั่นระแวง แม้แต่ความสับสนที่บังเกิดขึ้นก่อนหน้าก็ถูกกลบด้วยความพิศวาสที่เขาเพียรป้อนให้จนหมดสิ้น             อา...นี่มันรักหรือใคร่ หรือความลุ่มหลงในรสราคะกันแน่หนอ การมีเขาเป็นคนแรกมันทำให้เธอแยกแยะความรู้สึกเหล่านี้ไม่ออก และสำคัญที่สุด แม้เขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม จะดี ชั่ว หรือวิปริตอย่างที่กำลังวิตก เธอ...ก็ขาดเขาไม่ได้เสียแล้ว             “เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม” เขาถามเสียงสั่นหอบไม่ต่างกันเมื่อคนตรงหน้าช่างยั่วยวนนักแม้แต่กระทั่งตอนหมดแรงนอนหายใจเฉยๆ ยังน่ากินน่ากลืนไปทั้งตัว             “...” ตมิสาไม่ได้ตอบ ใบหน้าแดงซ่านเบี่ยงหนีสายตาคมปลาบแฝงไว้ด้วยความกระหายเด่นชัด แต่แล้วก็ต้องหันมานอนแผ่หลาท่าเดิมอีกครั้งเมื่อเขาจับพลิกและซบใบหน้าลงจูบนัวเนียไปทั่วทั้งริมฝีปาก ดวงตาที่ปิดปรือ และพวงแก้มซับสีเลือด             “พอค่ะ หอม...หอมไม่ไหวแล้วจริงๆ”             “เอาเปรียบกันนี่ ตัวเองมีความสุขแล้วคิดจะปล่อยให้ฉันค้างอย่างนี้เหรอ” เขาผละห่างแล้วถามเย้าแหย่ ส่งยิ้มร้ายหยาดเยิ้มให้                                       “เปล่านะคะ หอมแค่...” เธอตอบเมื่อเขาปล่อยให้พักหายใจอีกครั้ง ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเป็นเช่นไร ตมิสาก็รู้ชะตากรรมของตัวเองดีอยู่แล้วว่าไม่อาจรอดพ้นไปจากความปรารถนาของเขาได้หรอก เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยมีสักครั้งที่จะทัดทานเขาได้ เพียงแค่ครั้งนี้ความรู้สึกด้านลบอาจน้อยลงไปบ้างเมื่อเขาผ่อนปรนและนุ่มนวลขึ้น แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามที แต่ใครจะรับประกันได้เล่าว่าช่วงต่อจากนี้ไปเขาจะไม่กลับไปเป็นอสูรร้ายที่เคยขยำเธอจนแทบคลานอย่างที่แล้วๆ มา             ไม่เลย...แม้แต่ตัวกัณฑ์รพีเองก็ไม่อาจรับปากได้ ยามเมื่อเขามัวเมาในราคะอย่างถึงแก่นนั้น ชายหนุ่มก็มุ่งแต่จะปลดปล่อยความต้องการในแบบของตัวเองจนหลงลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ไม่เคยปรานีแม้คำอุทธรณ์จะถูกร้องขอสักกี่ครั้งกี่หนก็ตาม             “ถึงตาฉันแล้วหอม...ให้ฉันรักเธอเถอะนะ”             “โอ๊ะ!! อืม...” สิ้นเสียงเขา เสียงหวานก็อุทานขานรับทันทีที่ถูกโจมตีด้วยริมฝีปากร้อนระอุอีกครา สองมือเล็กถูกจับกดไว้กับที่นอนอย่างรู้ทันว่าเธอต้องปัดป้องการกระทำอันป่าเถื่อนนี้ กัณฑ์รพีจูบตะโบมขบเม้มระรานไปทั่วดวงหน้า แม้ตมิสาจะพยายามหลบเลี่ยงเขาก็ตามไปมอบจุมพิตร้ายอย่างเมามันในอารมณ์ ดูเหมือนปีศาจร้ายในตัวนั้นจะถูกปลุกให้ตื่นจากนิทราเสียแล้ว คนตรงหน้าก็คือเหยื่อราคะที่เขากำลังจะฉกชิมสนองความต้องการของตัวเองในแบบที่ควรจะเป็น เป็น....ในแบบของเขา             “อ๊ะ!” ช่วงจังหวะหายใจของเธอมันมีไม่มากนักยามที่กัณฑ์รพีจู่โจมอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ลำตัวของเขาทาบทับบนร่างเธอและบดเบียดคลึงเหมือนอยากให้สรีระหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง แต่หารู้ไม่ว่าด้วยขนาดที่ต่างกันลิบลับหญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองจะแตกเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อยเสียให้ได้                                    เธอจึงดิ้นรนด้วยแรงที่เหลือเพียงน้อยนิดตามสัญชาตญาณ ต่อให้รู้ว่ากัณฑ์รพีไม่มีทางยอมปล่อยไปง่ายๆ อย่างที่เธอต้องการแน่ แต่ความหวังอยากให้เขาผ่อนปรนลงบ้างยังมีริบหรี่ การต่อต้านจะบ่งบอกให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอไม่ต้องการ ไม่ชอบ อาจทำให้เขาดำเนินเกมแบบอ่อนโยนอย่างที่ทำเมื่อครู่ก็เป็นได้         แต่เปล่าเลย...กัณฑ์รพีปิดความรู้สึกรับรู้ตรงนั้นไปเสียแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขามันเรียกร้อง โหยหาในสิ่งที่ตัวเองต้องการหลุดพ้นจนกลบดวงจิตฝ่ายดีจนหมดสิ้นคงเหลือไว้เพียงอสูรร้ายที่แฝงตัวอยู่ในร่างเทพบุตรรูปงามเท่านั้น             ชายหนุ่มซุกไซ้ไปตามผิวเนื้อตรงลำคอระหงลงทัณฑ์ด้วยริมฝีปาก ฟัน และเรียวลิ้นอุ่นร้อน ตมิสาได้ยินเสียงครางฮือทุ้มลึกในลำคอของเขาดังกระหึ่มขึ้นเป็นระยะราวกับเป็นเสียงของสัตว์ร้ายที่กำลังตะกรามขย้ำเหยื่อ แรงเบียดเสียดสีเพิ่มขึ้น คนตัวใหญ่ร่นตัวลงมาเรื่อยๆ ตามสรีระเล็กแต่อวบอัดไปทุกสัดส่วน มือใหญ่ตะปบเคล้นทั่วสรรพางค์กายมาหยุดอยู่ตรงโคนสะโพกผาย             เนื้อแน่นอวบถูกจองจำคลำลูบอย่างไม่เบาแรง ก่อนจะยกขึ้นเบียดกับตัวเองที่ประกบอยู่ด้านบน ความร้อนรุ่มในตัวทำให้เขาหาหนทางแห่งการหลุดพ้นทุกวิธี คนใต้ร่างจึงต้องตกเป็นเครื่องรองรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่กระนั้นการรักโดยไม่ถนอมมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไร้ซึ่งหัวใจรักให้เธอ             “คุณซีล...พอเถอะค่ะ...” เธอกัดข่มคำว่าเจ็บไม่ให้หลุดรอดออกจากปาก รู้สึกมันน่าอายยิ่งนักเพราะก่อนหน้าตัวเองก็สุขสมกับความเจ็บนี้อย่างเหลือล้นมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่หากลึกๆ แล้วสิ่งที่เธอโหยหาก็คือความอ่อนโยน ความนุ่มนวลอย่างที่สาวน้อยวัยกำลังฝันทั่วไปเสาะหา             “อืม...” คนเหนือร่างดูจะไม่อินังต่อคำอุทธรณ์นั้น ไฟปรารถนาในตัวเขาลุกโชนเกินกว่าจะหยุดตัวเองเพียงเท่านี้ เนื้อนวลตรงหน้าหอมหวานชวนเสพเสน่หาจนไม่อาจยับยั้งตัวเองได้อีกแล้ว เขาตะกรามกัดเซาะขบไรฟันกับผิวผ่องที่แปดเปื้อนไปด้วยราคีคาวจากน้ำมือของตัวเอง สำรวจทุกซอกมุมไม่ไห้ขาดตกบกพร่อง                                                                                             สองมือใหญ่ขยำสะโพกเปิดฉากแทรกตัวเข้าสู่ระหว่างกลางให้สองขาขาวขนาบลำตัวเอาไว้ แล้วเบียดช่วงอกเข้าหาความชุ่มโชกที่ยังไม่แห้งหาย                  “อื้อ! อืม...” ราวกับปลุกเร้าเสน่หาได้ถูกจุด ตมิสาแหงนแอ่นตัวไม่เป็นจังหวะเมื่อจุดเร้นชื้นสัมผัสกับแผ่นอกที่เต็มไปด้วยไรขนแห่งวัยหนุ่มฉกรรจ์ มือเธอจับหัวไหล่เขาแน่น จิกเล็บฝังในเนื้อแข็งแน่นโดยไม่รู้ตัว ความกระสันซ่านร้อนรุ่มถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งแล้ว             กัณฑ์รพีผละจากร่างงามอ่อนระทวย เมื่อริมฝีปากหนาเม้มขบมาถึงหน้าท้องน้อย เป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวเบิกตาอย่างรอคอยว่าเขาจะมอบความทรมานรูปแบบไหนให้เธออีก หัวใจเริ่มหวาดหวั่นลมหายใจถี่รัวจนอกสาวกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ขาขาวเรียวสองข้างของเธอยังอ้าซ่าให้เขาเชยชมเสมือนเป็นนารีงามเมืองก็ไม่ปาน             ชายหนุ่มลุกใช้หัวเข่าค้ำยัน มือก็จับเอาความแข็งขึงของตัวเองกำรอบแล้วปลุกเร้าให้พร้อมสำหรับลงสนามในมื้อเช้านี้ เขาคลานเข่าอาจประชิดเนินเนื้อแต่ไม่ได้แตะสัมผัส หญิงสาวกระเถิบหนีตามสัญชาตญาณใช้ข้อศอกค้ำและถอยไปด้านหลังจนติดหัวเตียง สายตาไม่ได้ละวางจากการกระทำของคนตรงหน้า น้ำลายเหนียวๆ ถูกกลืนลงคอที่แห้งเหือดจนรู้สึกเจ็บหนึบเป็นทางยาว             “...”             “ถึงตาเธอแล้วหอม...” เขากล่าวบอก ไม่ได้ต้องการความเห็น แค่บอกให้รู้เท่านั้น หน้าตาเลิ่กลั่กหวั่นระแวงแต่แฝงความอยากรู้อยากเห็นนั้นน่าใคร่อย่างไม่มีที่ติ ชายหนุ่มข้ามคร่อมสะเอวเล็กคอดแต่ยังไม่หยุดที่จะขยับเข้าหา จุดประสงค์ของกัณฑ์รพีชัดเจนอย่างไม่ต้องเอ่ยบอกซ้ำในสิ่งที่เขาปรารถนา   “...” ตมิสากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ อีกครั้ง เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันใจเต้นสั่นรัว มองอาวุธร้อนร้ายในกำมือเขาแล้วกลั้นหายใจเผชิญหน้ากับมัน ร่างใหญ่อาจหาญเข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงใบหน้าแดงระเรื่อ             “จัดการมันเลยสิ...ตมิสา” น้ำเสียงไม่เข้มดุ แต่สั่นพร่าทุ้มและมีอำนาจอย่างประหลาด ราวมนตร์สะกดแห่งตัณหาได้ร่ายรำขับกล่อมจนใจดวงน้อยคล้อยตามอัตโนมัติ เธอเหลือบดวงตาฉ่ำปรือมองเขาก่อนจะดันตัวไปด้านหน้าในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน สองมือสั่นค่อยๆ เอื้อมประคองสิ่งที่เขากำลังจับกุมอยู่             “ดีมาก...ว่าง่ายๆ แบบนี้น่ารักที่สุด” กัณฑ์รพีเอ่ยชมเสียงแหบระโหย ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นผ่านออกทางปาก ดวงตาคมปิดปรือรอคอยความเสน่หาที่กำลังจะสัมผัสร่างกายแข็งแกร่ง ตมิสาหลับตาลงเช่นกันแม้จะมองไม่เห็นแต่สัญชาตญาณก็บอกเธอได้ว่าสิ่งที่ต้องบำเรอนั้นอยู่ส่วนไหน หญิงสาวขยับตัวไปด้านหน้านิดหนึ่งก่อนจะค่อยๆ เผยอริมฝีปากแตะต้องตัวตนของเขา มันอุ่นร้อนและแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คืออาวุธร้ายกาจที่สร้างความซ่านกระสันรัญจวนให้แทบใจจะขาดในทุกครั้งที่เสพสังวาสด้วยกัน เพราะปกติมันก็แค่ส่วนหนึ่งของร่างกายเขาที่ดูบอบบางและนุ่มนิ่มยามไม่ผงาดตื่นเต็มอานุภาพนั้นก็ช่างร้ายกาจยิ่งนัก อุ้งปากน้อยอุ่นชื้นรับเอา ‘ของหวง’ ชายหนุ่มเข้าไปครอบครองอย่างเต็มที่ สอดลึกและดันออกเนิบช้าเพราะขนาดที่ค่อนข้างลำบากต่อการปรนเปรอด้วยวิธีนี้ ในบางครั้งตมิสารู้สึกหายใจติดขัดและแทบสำลักเมื่อเขาดึงดันจะเดินหน้าให้ลึกล้ำอย่างเอาแต่ใจ “อื้อ!!” “ดีมากที่รัก...อย่างนั้นแหละคนดี...” เสียงทุ้มยังคงให้กำลังใจไม่ขาด ร่างกายของกัณฑ์รพีเกร็งเครียดจนเส้นเลือดปูดโปน อุณหภูมิห้องร้อนผ่าวทันทีทันใดจนเหงื่อกาฬแตกพลั่กแม้จะมีแอร์คอยพ่นเป่าลมเย็นๆ อยู่ไม่ขาดก็ตาม มือใหญ่หนาเคล้าคลึงกับศีรษะทุยได้รูป กดเข้าหาตัวและตะปบวนเวียนไปตามกระแสอารมณ์ซ่านเสียวและยิ่งกดลึกลงแรงเพิ่มอีกให้ใบหน้าหญิงสาวจมแนบกับส่วนกลางลำตัวเขา                                                                                                เสียงครางกระหึ่มของกัณฑ์รพีกู่ก้อง สองมือละจากทุกสิ่งอย่างไปเกาะไว้ตรงหัวเตียงแล้วดันตัวเองตามแรงชายไม่แคร์ร่างน้อยที่ถูกกดอยู่เบื้องหน้า จนตัวเธอครูดไหลไปกับที่นอนและแผ่นหลังครึ่งหนึ่งก็ติดชะงักอยู่ตรงหัวเตียงไม้ดัดพอดิบพอดี กัณฑ์รพีหาได้เว้นช่วงไม่ เขาจับสิ่งยึดเหนี่ยวไว้แน่นดันตัวและถอดถอนให้ร่างกายที่ถูกอุ้งปากน้อยครอบครองเคลื่อนตัวเข้าออกตามแรงพิศวาสของตัวเอง ตมิสาเริ่มหายใจไม่ออก ของเหลวฉ่ำชื้นในโพรงปากถูกเขากระชากตามออกมาจนไหลเปรอะคางมนได้รูปพร้อมๆ กับน้ำตาที่รินหลั่งด้วยความอึดอัดขัดใจ มือเล็กพยายามผลักไสโคนขาแกร่งที่ขยับเข้าหาเธอไม่ปรานีหวังหยุดยั้งความป่าเถื่อนของสามีโดยพฤตินัย แต่มีหรือจะต้านแรงมหาศาลของผู้ชายอกสามศอกได้ไหว ตัวตนที่กำลังเริงรื่นกับความคับแน่นอุ่นล้ำไม่แพ้จุดพึงสงวนของวัยสาวปริ่มจะพุ่งทะยานสู่ความเสน่หาในทุกวินาที แต่ชายหนุ่มผู้มีความชำนาญยังอดกลั้นข่มความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ให้ความปรารถนานั้นแตกดับเสียตอนนี้ เขายังอยากเชยชมร่างน้อยให้หนำใจเสียก่อนแล้วค่อยปีนป่ายสู่สวรรค์ชั้นฟ้าก็ยังไม่สาย “อืม...พอก่อนที่รัก...เธอยอดเยี่ยมจริงๆ” กัณฑ์รพีหยุดจังหวะขยับโยกแล้วถอดถอนความแข็งขึงออก มันยังคงสภาพพร้อมออกศึกและหิวกระหายจนปวดระบมไปหมด เขาคลานเข่าถอยหลังมามองร่างบางที่อ่อนเปลี้ยหอบแฮกอย่างคนโรยแรงพิงพนักกับหัวเตียงนอนอย่างไม่วางตา                                     “อุ๊ย!!” ตมิสาอุทานหัวใจหล่นวูบเรียวขาถูกดึงจนร่างไถลลงมานอนราบ เธอพยายามยกมือปรามอสูรร้ายตรงหน้าแต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะกระดิกตัว แค่นอนหายใจหอบเอาออกซิเจนเข้าปอดก็รู้สึกเหนื่อยเหลือประมาณเหลือเกินแล้ว ดวงตาปรือปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตากะพริบพร่ามองดูการกระทำอันดิบเถื่อนของเขา “อื้อ!” อีกครั้งที่เสียงหวานครวญในลำคออย่างไม่เป็นศัพท์เมื่อกัณฑ์รพีจับร่างบอบบางพลิกคว่ำไปบนที่นอน แล้วจัดแจงดันส่วนสะโพกมนให้ยกขึ้นลอยเด่นอย่างท้าทายโดยให้หัวเข่าเป็นตัวช่วยในการค้ำยันตัวเขาเองก็ไม่ได้รีรอรีบปรี่เข้าหาใจกลางความสาวอย่างว่องไว จดจ่อความพร้อมพรั่งที่ร้อนระอุราวเหล็กกล้าตรงเนินเนื้อนุ่มชื้นหมายจะรุกล้ำให้สมกับที่เฝ้าปลุกเร้ารอเวลา             “อ๊ะ!!” สองมือเรียวเล็กกำจิกผ้าปูที่นอนแล้วดึงทึ้งจนยับยู่ยี่ เมื่อร่างกายถูกสิ่งแปลกปลอมแทรกตัวเข้าหา ตมิสารู้สึกได้ถึงความคับแน่นและอึดอัดจนจุกหน้าท้องหดเกร็ง ใบหน้าซึ่งตะแคงข้างซบบนที่นอนแดงซ่านซับเหงื่อลมหายใจหอบถี่เหนื่อยเหมือนวิ่งผ่านระยะทางมาแสนไกล             “เป็นของฉันคนเดียวนะหอม...อืม...ชื่นใจฉันเหลือเกิน” ชายหนุ่มครางพร่าไปตามอารมณ์ที่พุ่งเดือด ตัวตนของเขาถูกความอุ่นนุ่มรัดเสียจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง สัมผัสเสน่หาดึงรั้งความรู้สึกทั้งหมดให้หลอมรวมอยู่แต่กับการรุกเร้าและโจมตีร่างเล็กด้วยบทสวาทอันลึกล้ำ             “คุณซีล...เร็วหน่อยนะคะ” ตมิสาวอนเสียงแหบสั่น เธอกัดริมฝีปากและอยู่ในท่าเดิมร่างกายโยกคลอนไปตามแรงของคนเบื้องบนที่ขยับประชิดถี่ไม่เว้นช่วง เสียงสนั่นเนื้อปะทะเสียดสีดังแข่งกับเสียงครวญกระเส่าของชายหนุ่ม ดูเขาไม่มีทีท่าจะรับฟังสิ่งที่ตมิสาเอ่ยมาแม้แต่น้อย อำนาจแห่งตัณหาเมื่อได้ครอบงำใครแล้วย่อมไม่อาจสงบลงง่ายๆ จนกว่าจะถึงคราวแตกดับ                                            มือใหญ่ยังจับมั่นอยู่ตรงโคนสะโพกงอนงาม ดึงรั้งเข้าหาตัวและสวนกลับในจังหวะเดียวกันอย่างไม่มีผ่อนปรน ร่างเล็กกระเถิบร่นไปด้านหน้าเรื่อยๆ จนศีรษะแนบประชิดขอบเตียงหมดทางไปต่อ ส่งผลให้ร่างกายที่ยังถูกซัดกระหน่ำคู้งออัตโนมัติ ตมิสาได้แต่ครางหวีดแหลมกับการรุกรานของเขาที่ยังขับเคลื่อนอยู่ในตัวเธอไม่หยุดหย่อน             “...” กัณฑ์รพีเองก็หาใช่ว่าไม่ล้าเหนื่อย แต่ความปรารถนาในตัวมันพุ่งทะยานอยู่เหนือกว่าเท่านั้นเอง เขาหยุดรุกชั่วขณะ ปล่อยมือจากสะเอวคอดหันมาจับแขนเล็กทั้งสองข้างไขว้ทับกันไว้บนแผ่นหลังของเธอเอง พันธนาการไว้ด้วยมือใหญ่หนาข้างเดียวของตัวเอง             เขากระตุกดึงสองแขนนั้นจนช่วงตัวด้านหน้าของตมิสาเผยอเชิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะเริ่มบทรุกอีกครั้งใช้มืออีกข้างคลำกวาดไปทางด้านหน้าแห่งเนินอิสตรี             “คุณซีล....อื้อ!” ใบหน้าหวานผงะหงายตามแรงกระแทกกระทั้นและแรงดึงจากมือที่พันธนาการแขนเล็กของเธอเอาไว้ หญิงสาวจิกเล็บกำเนื้อตัวเองแน่นเป็นการระบายอารมณ์ปั่นป่วน เจ็บร้าว ทรมาน และซ่านเสียว             “ยังไม่จบแค่นี้หรอกแม่หนูน้อย...อืม...เธอต้องได้รับบทลงโทษที่กล้าคิดกับฉันแบบนั้น” ชายหนุ่มกล่าวและหยุดบทสวาทอีกครั้ง วางมือจากร่างเล็กจนเธอฟุบลงไปกับที่นอนอีกครั้งแต่ส่วนล่างยังคงตรึงสภาพสานสัมพันธ์กันอยู่ ตมิสาขยับมือหวังค้ำยันตัวลุกให้คลายความอึดอัด แต่แล้ว...             “ว้าย!!” กัณฑ์รพีถอดถอนตัวเองจากร่างระหงอย่างรวดเร็วและจับเธอพลิกให้นอนหงายในเสี้ยวนาทีเดียวกันนั้น ก่อนจะโถมร่างใหญ่ของตัวเองคร่อมเอาไว้             “คุณซีล...”                                                                                 “ตมิสา...เธอมันแม่มด...เธอสาปให้ฉันเป็นสัตว์ร้าย...” สิ้นเสียงนั้นกัณฑ์รพีก็ย่อตัวลงมานั่งคุกเข่า จับโคนขาขาวโพลนโยกไปด้านหน้าแล้วกดตัวตนที่แข็งขึงวนเข้าสู่โพรงเนื้อนิ่มหฤหรรษ์ ความพรั่งพร้อมราวเหล็กกล้าถลำลึกแทรกผ่านความชื้นอุ่นแห่งร่างสาว ชายหนุ่มครางกระหึ่มครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่ตมิสาเองก็ครางหวีดเสียงพร่า             ช่องท้องน้อยหดเกร็งรอรับการจู่โจมอย่างรู้ทันแต่ก็ไม่อาจบรรเทาความปวดหนึบปนกระสันที่เขานำพาให้ กัณฑ์รพีโน้มขาเล็กตรงเหยียดไปด้านหน้าและกดลงกับร่างกายของเธอเอง ต้นขาขาวจึงเบียดบดทรวงเต้าให้แบนบี้ ไม่เพียงเท่านั้นชายหนุ่มยังโน้มตัวทับซ้ำลงไปอีก ตมิสารู้สึกราวกับว่าจะแตกหักเป็นเสี่ยงๆ ทุกครั้งที่เขาขยับเข้าออกลงแรงกับร่างกายของเธอ             “อื้อ!” มือใหญ่อ้อมสอดจับบ่ามนเอาไว้แล้วรั้งเธอเข้าหาตัวในจังหวะที่เขาขยับรุกสวนกลับอย่างทันท่วงที แรงกระแทกหนักหน่วงสร้างความเสียวซ่านไปถึงขั้วหัวใจ ในขณะที่อีกคนต้องแบกรับเอาความรู้สึกทั้งอึดอัด ร้าวระบมและกระสันรัญจวนปานว่าใจจะขาดอยู่รอนๆ             สายตาคมกล้าของกัณฑ์รพีหาได้ละเลยจากความทรมานของคนใต้ร่างซึ่งตัวเขาเองเป็นผู้หยิบยื่น กระแสความกระหายวิ่งพล่านในสายเลือดเหมือนไฟที่ถูกราดซ้ำด้วยน้ำมัน อัคคีร้ายในอารมณ์จึงกระพือโหมลุกอย่างบ้าบิ่น ยากนักจะมีสิ่งใดมาหยุดยั้งหากว่าความปรารถนาแน่นขนัดนั้นไม่ได้ถูกปลดปล่อยเสียที           
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม