ทางด้านหว่านหมี่ลี่ หลังจากที่แกล้งวิ่งออกมาด้วยความกลัว เธอก็รีบขึ้นเกวียนเพื่อกลับเข้าหมู่บ้านทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนหรือไม่” ปี้เจียวเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นหน้าลูกสาว
“ค่ะแม่ แต่เรื่องนี้เราจะไม่บอกย่าจริงหรือคะ” หว่านหมี่ลี่ตอบกลับก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองกังวล
“อืม เรื่องนี้เราต้องเก็บเป็นความลับ หากย่าแกถามก็บอกเพียงว่าพลัดหลงกันก็พอ”
ปี้เจียวไม่ต้องการให้แม่สามีรู้เรื่องนี้ ต่อให้แม่สามีจะไม่ชอบหลานบ้านรอง แต่นางก็ยังเป็นสายเลือดของลูกชายที่ตายไป และถ้าเธอบอกว่าขายนางให้กับพวกใต้ดินแล้ว ไม่แน่เธออาจจะถูกจับเข้าคุกและถูกหย่าพร้อมกับส่งกลับบ้านเดิม ปี้เจียวจึงไม่อยากเสี่ยงกับความรู้สึกของแม่สามีตอนนี้
“ละ…แล้ว...”
“แกไม่ต้องพูดอะไรต่อ เงินที่ได้จากการขายนังซูฉีมากถึงสามร้อยหยวน แกไปหาร้านตัดชุดดี ๆ ตัดชุดแต่งงานเตรียมไว้ได้เลย อย่างไรเจ้าสาวของผู้พันหยางต้องเป็นลูกคนสวยของฉันเท่านั้น”
ปี้เจียววาดฝันว่าวันแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น ย่อมเป็นของใครไปไม่ได้ นอกจากลูกสาวของเธอ
“จริงหรือคะแม่ ฉันตัดชุดแต่งงานสวย ๆ ได้ใช่ไหม” เมื่อได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงเรื่องเงินว่าสามารถตัดชุดแต่งงานดี ๆ ได้ หว่านหมี่ลี่จึงลืมความผิดถูกไปชั่วขณะ และวาดฝันถึงวันแต่งงานกับหยางซีห่าว
ส่วนทางด้านจื่อหาน ทันทีที่กลับมาถึงบ้านเขารีบไปบอกข่าวเรื่องที่หว่านหมี่ลี่พาหว่านซูฉีออกจากหมู่บ้านกับเหวินเปียวทันที
“เกิดเรื่องแล้วเหวินเปียว” ด้วยท่าทีร้อนรนของจื่อหาน ทำให้สองสามีภรรยาตกใจไม่น้อย
“ตอนพี่เข้าป่า พี่เห็นหมี่ลี่ลูกบ้านใหญ่พาซูฉีไปไหนไม่รู้ แต่เมื่อครู่นี้พี่เห็นเธอนั่งเกวียนกลับมาคนเดียว ไม่รู้ว่าซูฉีหายไปไหน”
จื่อหานยังคงพูดด้วยอาการร้อนรน และขอโทษน้องสาวรวมถึงน้องเขยในใจที่ต้องโกหก แต่เพราะนี่เป็นคำสั่งนายหญิง เขาจึงไม่อาจเลี่ยงได้ และเรื่องนี้คงทำให้บ้านรองแยกบ้านได้เสียที
ได้ยินดังนั้นหว่านเหวินเปียวและซวงซวงก็ไม่รอช้า รีบวิ่งกลับบ้านหว่านทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“บอกฉันมานะ เธอพาซูฉีไปไหน” หว่านเหวินเปียวกลับมาถึงบ้านด้วยความร้อนใจ แม้จะเพิ่งเข้ามาในบ้านใหญ่ก็ตาม และไม่สนใจว่าจะโดนย่าดุด่าหรือไม่
พอเจอหน้าของหว่านหมี่ลี่กำลังเดินออกมาจากห้องพร้อมแม่ จึงรีบเดินเขาไปถามทันที
“อะไรกันอาเปียว เกิดอะไรขึ้น” ปู่หว่านนั่งอยู่ไม่ไกลพอเห็นท่าทางและอาการร้อนใจของหลานชายจากบ้านรองจึงถามด้วยความสงสัย
“มีคนเห็นว่า หมี่ลี่กระชากลากถูซูฉีเข้าเมืองครับปู่ แล้วทำไมเวลานี้ถึงไม่มีซูฉีกลับมาด้วยล่ะครับ ร่างกายของน้องสาวอ่อนแอและมักจะมีท่าทีหวาดกลัว หายไปแบบนี้จะไม่ให้ผมซึ่งเป็นพี่ชายร้อนใจได้อย่างไรครับ”
หว่านเหวินเปียวจ้องตาหว่านหมี่ลี่อย่างกดดันเพื่อให้อีกฝ่ายพูดความจริงออกมา จนเธอต้องหลบไปอยู่ด้านหลังแม่ของตน
“จริงหรือไม่หมี่ลี่” ปู่หว่านหันมาถามหลานสาวถึงเรื่องที่หว่านเหวินเปียวพูดมา
“พ่อคะ รู้กันอยู่แล้วว่าหมี่ลี่และซูฉีไม่ค่อยถูกกันเท่าไร แล้วหมี่ลี่จะพาซูฉีไปในเมืองทำไม ใครกันที่พูดแบบนี้ นี่เป็นการใส่ร้ายกันชัด ๆ” ปี้เจียวออกหน้าแทนลูกสาว เธอไม่ต้องการให้หว่านหมี่ลี่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา
“นั่นสิ เรื่องนี้มีหลักฐานหรือไม่ล่ะ กล่าวหากันแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ” ย่าหว่านออกหน้าปกป้องหลานสาวอีกคน นางไม่คิดว่าหว่านหมี่ลี่จะกล้าล่อลวงหลานสาวจากบ้านรองไปกลางวันแสก ๆ แบบนี้
“ผมเอง ผมเป็นคนเห็นผู้หญิงคนนี้ฉุดกระชากซูฉีไป ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่เห็นทั้งสองเดินไปด้วยกัน และมุ่งหน้าเข้าเมือง”
จื่อหานเดินเข้ามาพร้อมกับชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่สามารถเป็นพยานในครั้งนี้ได้
ชาวบ้านทุกคนที่มาด้วยล้วนดีกับจื่อหาน เนื่องจากทุกครั้งที่ชายหนุ่มล่าสัตว์มาได้ มักจะเอามาแบ่งปันให้เสมอ ชาวบ้านที่เห็นทั้งสองเดินไปด้วยกัน จึงยินดีที่จะมาเป็นพยานให้ในครั้งนี้
ยิ่งมีพยาน และชาวบ้านเห็นว่าหว่านหมี่ลี่เป็นคนพาหว่านซูฉีเข้าเมือง สองแม่ลูกเริ่มใจไม่ดีกลัวว่าจะถูกจับได้เรื่องที่ขายหว่านซูฉีไปแล้ว
“ต่อให้ทั้งสองคนจะเข้าเมืองพร้อมกันอย่างที่ถูกชาวบ้านกล่าวหา แต่ใช่ว่าทั้งสองจะไปด้วยกัน อีกอย่างซูฉีไม่ใช่เด็กสามขวบและเธอเคยเข้าเมืองมาก่อน จะเอาตัวรอดไม่ได้เชียวหรือ”
คำแก้ตัวแบบนี้แทบจะไม่มีใครอยากเชื่อ แลคล้ายกับเป็นการยอมรับกลาย ๆ ว่าหว่านหมี่ลี่และหว่านซูฉีเข้าเมืองด้วยกัน
“นี่คงเป็นคำตอบของป้าสะใภ้ที่พูดว่า หมี่ลี่เข้าเมืองกับซูฉีใช่ไหมครับ แล้วทำไมน้องสาวผมถึงไม่กลับมาด้วยล่ะ หรือคิดวางแผนร้ายอะไรกัน จริงสิ อีกไม่นานซูฉีต้องเข้าพิธีแต่งงานกับผู้พันหยางแล้ว...”
“แกพูดเรื่องอะไร ใครคิดร้ายอะไรกัน ไม่ว่าหลานคนไหนได้แต่งกับท่านผู้พัน ยังไงบ้านหว่านย่อมมีหน้ามีตาอยู่แล้ว เรื่องทำร้ายกันเพราะต้องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น”
ย่าหว่านเริ่มร้อนตัว นางเองที่เข้าร่วมแผนการให้เอาหว่านซูฉีไปซ่อน ในใจเวลานี้ก่นด่าลูกสะใภ้ไม่หยุดที่ทำอะไรไม่บอกกันก่อน โดยย่าหว่านไม่รู้เลยว่า ลูกสะใภ้และหลานสาวคนโปรดได้ขายหว่านซูฉีไปแล้ว อีกทั้งยังได้เงินมากถึงสามร้อยหยวน
“ดี ดีมากครับ ในเมื่อย่าพูดแบบนี้ออกมา แสดงว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับซูฉี บ้านหว่านย่อมไม่มีวันเกี่ยวข้องใช่หรือไม่”
หว่านเหวินเปียวกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ไม่คิดว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ย่าของเขายังคงให้ท้ายบ้านใหญ่อยู่อีก แล้วชีวิตน้องสาวของเขาไม่มีความหมายเลยใช่ไหม ชายหนุ่มหันมองหน้าปู่ด้วยความน้อยใจ พลันคิดว่านี่ปู่ไม่คิดจะออกหน้าเรื่องนี้เลยหรืออย่างไร
ปู่หว่านเห็นสายตาของหลานชายจากบ้านรองที่มองมาคล้ายกับคนน้อยใจ ก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้
“ไม่ว่าใครจะผิดจะถูก ฉันก็ไม่ต้องการให้มาทะเลาะกันเองในเรื่องนี้ เรารออีกสักพักเถอะเผื่อซูฉีจะกลับมาเอง”
เจอประโยคนี้ของปู่เข้าไป ไม่เพียงแต่หว่านเหวินเปียวเท่านั้นที่มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าคนเป็นปู่จะกล้าพูดแบบนี้ออกมา คล้ายกับไม่ห่วงใยหลานสาวจากบ้านรองเลย
“ปู่คิดเช่นนั้นหรือครับ” เหวินเปียวถามเสียงสั่น ก่อนหน้านี้เขายังมีความเชื่อว่า อย่างไรปู่ก็ยังเป็นกลางและไม่เข้าข้างบ้านใดบ้านหนึ่ง แต่การกระทำในครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า ปู่ก็ยังเอนเอียงไปทางบ้านใหญ่ไม่ต่างกับย่าเลยสักนิดเดียว
“แล้วแกจะให้ปู่ทำยังไงล่ะอาเปียว เวลานี้แทนที่จะมาทะเลาะกัน สู้ออกตามหาซูฉีไม่ดีกว่าหรือ ทะเลาะกันโทษกันไปมามันดีนักหรือไง อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านเปล่า ๆ”
“ครับ ผมจะออกตามหาน้องอยู่แล้ว แต่ว่าหากเย็นแล้วซูฉียังไม่กลับมา รบกวนปู่ช่วยแยกบ้านให้ผมด้วย ผมไม่ยินดีจะอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไป” หว่านเหวินเปียวตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องแยกบ้านให้ได้ เขาไม่คิดจะเอาเรื่องนี้ของน้องสาวมาอ้าง แต่การกระทำของทุกคน ทำให้เขาไม่อยากหายใจร่วมกับคนพวกนี้อีกแม้กระทั่งคนเป็นปู่
“มันเกินไปไหม เรื่องนี้ถึงขั้นแยกบ้านเลยหรือ”
ย่าหว่านขัดขึ้นอย่างไม่ยินยอม หากบ้านรองแยกบ้านได้แต้มของบ้านเธอก็จะลดน้อยลง อาหารและเงินที่ได้จากคอมมูนย่อมหายไปด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นเรื่องที่เธอยอมไม่ได้
“ได้สิ ปู่ยินยอม หากเย็นนี้ซูฉียังไม่กลับมานอกจากปู่จะให้อาเปียวแยกบ้านแล้ว ปู่จะพาอาเปียวไปแจ้งความด้วยตัวเอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันออกตามหา และถ้าการหายตัวไปของซูฉีเกิดจากคนของบ้านหว่านจริง ๆ ปู่ยินดีจะพาคนกระทำผิดเข้าคุกเอง”
ไม่มีใครคาดคิดว่าปู่หว่านจะเอ่ยคำพวกนี้ออกมา นี่จึงทำให้สองแม่ลูกอย่างปี้เจียวและหมี่ลี่เริ่มร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงเจ้าหน้าที่ พวกเธอคงไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ อีก ทางที่ดีต้องขัดขวางเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และทางออกของเรื่องนี้ก็คือต้องหาโอกาสพูดกับแม่สามีให้ชัดเจน ก่อนที่เรื่องจะลุกลาม
หว่านเหวินเปียวมองปู่ของตนอย่างไม่คาดคิดว่าท่านจะพูดสิ่งนี้ออกมา พร้อมกับเอ่ยขอโทษในใจที่ก่อนหน้านี้เขาพูดไม่ดีออกไป
ปู่หว่านไม่ได้นิ่งนอนใจกับการหายตัวไปของหลานสาวจากบ้านรอง
หลังจากนั้น ทุกคนที่รู้ข่าวการหายตัวไปของหว่านซูฉี ต่างก็ช่วยกันออกตามหา โดยมีจื่อหานรับอาสาไปตามหาในเมืองเอง
เพราะเรื่องนี้เกินความคาดหมายของนายหญิง และเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก