บทที่ 1 นายหญิงแห่งตลาดมืด
หว่านซูฉีสตรีร่างบาง ใบหน้างามหยดย้อยในวัยสิบเจ็ดปี นั่งดูสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายภายในสำนักงานแห่งหนึ่ง โดยข้างกายของเธอนั้นมีชายรูปร่างกำยำยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
“เดือนนี้ยอดขายจากทางใต้มีไม่น้อยเลยนะ พี่ตู้หมิง” หญิงสาวผู้เป็นเจ้านายเอ่ยขึ้นมาอย่างพอใจเมื่อเห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ลูกน้องคนสนิทได้แต่พยักหน้าตอบกลับ ใครจะคิดว่าเด็กน้อยวัยสิบเอ็ดขวบในวันนั้นจะกลายเป็นนายหญิงซู ผู้ทรงอิทธิพลในเวลานี้ เวลาเพียงหกปี ทำให้เด็กน้อยในวันวานมีอำนาจได้ขนาดนี้ แม้แต่กองทัพยังต้องไว้หน้า
“นายหญิงควรจะระวังตัวไว้หน่อยนะครับ เวลานี้มีหลายกลุ่มกำลังตามสืบเบื้องหลังโรงน้ำชาซูเม่ย ตัวผมยังพอหลบเลี่ยงได้ แต่นายหญิง...” ตู้หมิงชายวัยสามสิบปี จากคนไร้บ้านและไร้อนาคตกลายมาเป็นมือขวาคนสนิทของนายหญิงซู เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นกังวล เนื่องจากการค้าบางอย่างของนายหญิงเป็นที่จับตามอง
“คงไม่พ้นพวกที่ต้องการผลประโยชน์นั่นล่ะ เรื่องนี้พี่ไม่ต้องเป็นกังวล จะมีใครคิดกันล่ะว่าหญิงสาวผู้อ่อนแอจากบ้านหว่านจะเป็นนายหญิงซู และนายหญิงซูจะเป็นเพียงหญิงสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี แล้วเรื่องกลุ่มการค้าของนายท่านเป๋อล่ะ สืบไปถึงไหนแล้ว”
กลุ่มการค้าเป๋อของนายท่านเป๋อ หากจะพูดว่าทำการค้าจำพวกเดียวกันก็ไม่ผิด หว่านซูฉีไม่หวั่นหากใครคิดจะทำการค้าเหมือนกันกับเธอ ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะคบค้าสมาคมด้วย
เวลานี้แม้เธอจะยังไม่เปิดเผยตัวตนก็ตาม แต่เพราะนายท่านเป๋อคิดการใหญ่เกินไป ตั้งใจจะล้มกลุ่มการค้าซูเม่ยเพื่อขึ้นมายืนแทน นี่จึงเป็นเรื่องที่หว่านซูฉีไม่อาจนิ่งนอนใจได้
“เรื่องนั้นอาจ้านกำลังสืบอยู่ ดูเหมือนว่านายท่านเป๋อต้องการหาตัวนายหญิงเพื่อเจรจาบางอย่าง ทว่าน่าแปลกใจตรงที่เวลานี้นายท่านเป๋อคบค้าสมาคมกับกลุ่มทหารแดงครับ”
การที่นายท่านเป๋อคบหากับกลุ่มทหารแดง นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีต่อนายหญิงนัก ทุกคนรู้ดีว่าตลาดมืดของนายหญิงถูกก่อกวนด้วยทหารแดงมาหลายครั้งแล้ว หากนายหญิงไม่ส่งอาหารเข้ากองทัพ ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาคู่สวยของหว่านซูฉีฉายแววประกายเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน ทว่าเพียงครู่เดียวก็กลับเป็นปกติ ตู้หมิงอยู่ข้างกายหญิงสาวมาหกปี ทำไมจะไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังคิดอะไร เรื่องอันตรายเช่นนี้เขาไม่ต้องการให้เจ้านายเข้าไปจัดการเอง เรื่องนี้เขารอเพียงคำสั่งเท่านั้น
ตู้หมิงรู้ดีว่าเมื่อเข้าวงการนี้แล้ว จะไม่มีวันถอยหลังได้อีก เวลานี้นายหญิงควรจะเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน
“มือคู่นี้ของฉันเปื้อนเลือดมานักต่อนักแล้ว และมันยังคงเปื้อนเลือดต่อไป กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่ายเลยนะพี่ตู้หมิง”
ดวงตาคู่สวยมองไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ระลึกถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนเจ็บปวด
เดิมทีเธอเป็นดวงวิญญาณจากยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นมาเฟียสาวที่เหี้ยมโหดและเย็นชา วันปะทะกับศัตรูเธอเกิดพลาดท่าสิ้นใจ ไม่คิดเลยว่าจะต้องเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กน้อยนามว่าหว่านซูฉีคนนี้
ชีวิตของหว่านซูฉีนั้นไม่ดีนัก เด็กน้อยมีร่างกายที่อ่อนแอและเป็นเด็กที่ขี้ขลาดไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น มักจะก้มหน้าก้มตาอยู่เสมอ อีกทั้งพ่อแม่ก็สิ้นใจไปนานแล้ว เหลือพี่ชายเพียงคนเดียวที่คอยเลี้ยงดูมาจนถึงสิบเอ็ดขวบ
ใครจะคิดกันล่ะว่าเด็กวัยนี้กลับโดนบ้านใหญ่ใช้งานอย่างหนัก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหลานสาวคนนี้ร่างกายอ่อนแอ จนวันหนึ่งเด็กน้อยหว่านซูฉีป่วยไข้เนื่องจากโดนญาติผู้พี่อย่างหว่านหมี่ลี่ผลักตกน้ำ สามวันต่อมาเด็กน้อยทนพิษไข้ไม่ไหวสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาเธอ จนวิญญาณเธอเข้าร่างเด็กน้อยคนนี้
แต่เมื่อเธอฟื้นมาในร่างของเด็กคนนี้ กลับพบว่าตนเองได้มาอยู่มิติที่มีข้าวของมากมายติดตัวมาด้วย อีกทั้งยังสามารถเอาของในนั้นมาใช้ได้ไม่มีวันหมด
หว่านซูฉีในวัยสิบเอ็ดปีจึงคิดทำการค้า โดยเธอแอบเข้ามาค้าขายในตลาดมืดทุกครั้งที่มีโอกาส ผ่านไปไม่นานก็พบกับตู้หมิง ชายไร้บ้านคนนี้จึงได้ทดสอบความซื่อสัตย์และความสามารถของเขา
หลังจากเธอรู้ว่าเขามีทักษะการต่อสู้และไม่เคยคิดคดโกง จึงตัดสินใจเปิดร้านค้าในตลาดมืด ทั้งสองต่างช่วยกันฝ่าฟันทุกอุปสรรคจนมาพบจื่อหานอีกคน และในที่สุดเครือข่ายซูเม่ยก็ก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งของกลุ่มการค้าใต้ดินได้
“แต่นายหญิงอย่าลืมว่าคนที่นายหญิงแต่งงานด้วยคือท่านผู้พันหยาง หากนายหญิงยังคงให้มือเปื้อนเลือดต่อไปแล้วชีวิตคู่ของนายหญิงจะเป็นเช่นไรล่ะครับ ผมขอเตือนนายหญิงในฐานะพี่ชายคนหนึ่งที่หวังดีต่อน้องสาว”
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตู้หมิงไม่คิดจะตีตนเสมอนาย แต่ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องทำ ครั้งแรกที่มือนายหญิงเปื้อนเลือด เวลานั้นอายุเพียงสิบสองปีเท่านั้น ท่าทางที่ดุดัน แววตาที่เย็นชา และทักษะการต่อสู้ที่ยากจะหาใครเปรียบ เขาล้วนเจอมาหมดแล้ว
ทว่าสิ่งที่เขายังคงเป็นกังวลคือเรื่องที่นายหญิงกำลังจะแต่งงาน และว่าที่นายท่านมีตำแหน่งเป็นถึงผู้พันหนุ่มอนาคตไกล !!
ชีวิตของทั้งสองมีแต่จะเป็นเส้นขนานกัน หากนายหญิงยังคงลงมือเองจนมือต้องเปื้อนเลือดอีกครั้ง เขากลัวว่าชีวิตคู่ของนายหญิงจะสะดุด และอาจถึงขั้นหย่าร้าง หากว่ากันในฐานะพี่ชายเขาก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แม้จะในฐานะลูกน้องคนสนิท เขาก็ยังอยากให้นายหญิงของตนมีชีวิตแต่งงานที่ราบรื่น
“พี่ตู้หมิง พี่คิดว่าฉันยังหลงเหลือความเป็นมนุษย์อีกหรือไม่ ซึ่งตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เลย แต่ด้วยนิสัยของฉัน ฉันไม่ยอมให้ใครมาเล่นงานโดยไม่คิดโต้กลับ ส่วนเรื่องแต่งงาน พี่ก็รู้ว่าฉันไม่ได้ยินยอม แต่เพราะพี่ใหญ่เคยช่วยเหลือชายผู้นั้นไว้จึงได้นำเรื่องนี้มาอ้างเพื่อให้แต่งงานกับฉัน
และการที่เขายอมแต่งกับสาวชาวบ้านร่างกายอ่อนแอ ก็เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยชีวิตเขาเท่านั้น เราทั้งสองต่างไม่มีความรักให้กันและกัน และฉันคงไม่รักคนทำงานที่คล้ายจะเป็นศัตรูกับงานตัวเองหรอกนะ แต่งไปก็ต้องหย่าอยู่ดี” หว่านซูฉีกล่าวออกมาตามความคิดของตนเอง
ไม่แน่ว่าตัวของผู้พันหยางนั้นอาจจะมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ซึ่งเธอไม่ต้องการแยกคู่ยวนยางของใคร ชีวิตนี้หว่านซูฉีไม่คิดจะแต่งงานกับใคร และไม่รู้ด้วยว่าความรักระหว่างชายหญิงนั้นมันคืออะไรกันแน่
ตู้หมิงรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนใจนายหญิงอายุน้อยของตนเองได้ เพราะทุกครั้งที่หว่านซูฉีตัดสินใจแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนใจเด็ดขาด
มือใหญ่และหยาบกร้านของชายหนุ่มยื่นซองบางอย่างให้กับหว่านซูฉี ในนั้นมีข้อมูลของว่าที่สามีของเจ้านายทุกอย่าง โดยที่เขาสืบหาข้อมูลเอง ทว่าสิ่งที่เขากังวลคือแม่เลี้ยงของผู้พันหยางและหลานสาวของเธอ
หว่านซูฉียื่นมือรับเอกสารซองนี้ ก่อนจะมองหน้าคนสนิทเชิงตั้งคำถาม
“นี่คือข้อมูลทุกอย่างที่ผมสืบเรื่องของผู้พันหยางและครอบครัวของเขาครับ เมื่อนายหญิงแต่งเข้าไปจะได้รู้ว่าควรทำอย่างไร”
หว่านซูฉีได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเปิดซองเอกสารและอ่านรายละเอียดด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา