ความมืดภายในห้องและความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้เธอไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมเขาถึงได้นอนกินบ้านกินเมืองขนาดนี้
“ยังนอนอยู่จริง ๆ ด้วย” น้ำอิงบ่นอุบ สายตาจ้องมองไปยังผ้าห่มผืนหนาที่เจ้าของห้องกำลังซุกตัวนอนหลับสบายอยู่ในนั้น เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ว่าจะเริ่มปลุกยังไงพอเหลือบไปเห็นผ้าม่าน มือเรียวก็เอื้อมไปกระชากมันเปิดออกจนแสงตะวันจากข้างนอกสาดส่องเข้ามา
“อือ...ป้าโหน ผมบอกแล้วไงว่าผมลงไปเอง” อคินขยับพลิกตัวส่งเสียงครางอยู่ใต้ผ้าห่มเมื่อถูกรบกวนการนอน ฝ่ามือใหญ่กระชับผ้าห่มคลุมไว้แนบกาย ปิดใบหน้าไว้เหลือเพียงแค่เท้าที่โผล่พ้นออกมาเท่านั้น น้ำอิงได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วค่อย ๆ เอ่ยเรียกเขา
“ตื่นได้แล้วค่ะ”
“...” ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบรับกลับมาเพราะเจ้าของห้องยังคงนอนหลับสนิท
“ออสติน ฉันบอกให้นายตื่นไง”
“ใครวะ อย่ามายุ่งได้ไหม” ชายหนุ่มบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด
“ฉันชื่อน้ำอิง เป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ของนาย”
“สะเหล่อ...” วาจาเชือดเฉือนดังลอดออกมาทำให้หญิงสาวถึงกับชะงัก
“นายว่าฉันสะเหล่อเหรอ”
“เออ ฉันไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยง ออกไปซะ!” อคินออกปากไล่ ไม่แม้แต่จะพลิกตัวขึ้นมองคู่สนทนา
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น บอกแล้วไงว่าฉันเป็นพี่เลี้ยงของนาย นายต้องฟังฉัน”
“น่ารำคาญว่ะ!” คราวนี้เขายอมกระชากผ้าห่มออกจนเผยให้เห็นแผงอกกว้างและเรือนผมสีดำยุ่งเหยิง กับใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ “ฉันบอกให้ป้าออกไปไง ออกไป!”
นิ้วเรียวชี้ไปทางประตูแต่น้ำอิงกลับไม่ได้สนใจจะทำตาม
“ป้างั้นเหรอ...”
“เออ! ป้านั่นแหละออกไป” อคินกระแทกเสียงใส่ก่อนจะล้มตัวนอนเอาผ้าห่มคลุมกายไว้อีกครั้ง อีกฝ่ายจึงตัดสินใจกระชากผ้าห่มผืนหนาออกด้วยความโกรธ
เอ่ยไล่เธอไม่ว่าแต่มาเรียกว่าป้าเธอไม่ยอม
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันบอกให้นายลุกมาไง”
“เห้ย! “ชายหนุ่มร้องลั่นเมื่อผ้าห่มถูกกระชากออกไปพ้นกาย เช่นเดียวกับน้ำอิงที่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเขาสวมกางเกงขาสั้นแค่ตัวเดียว แถมมันยังบางจนมองเห็นทะลุไปถึงไหนต่อไหน
“กรี๊ด!”
“อะไรของป้าวะ คนจะนอนหลับจะนอนไม่เห็นหรือไง” เขาลุกขึ้นจากเตียงย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่กำลังยกมือไม้ขึ้นปิดตาทันที “ออกไปซะ!”
ถ้อยคำเอ่ยไล่ของเขาทำให้น้ำอิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พยายามบังคับสายตาไม่ให้ก้มมองต่ำจนไปสะดุดเข้ากับความใหญ่โตตรงส่วนนั้น
“ฉันไม่ไป คุณอภิวัฒน์ส่งฉันมาที่นี่ คนเดียวที่จะไล่ฉันได้ก็คือเขาไม่ใช่นาย”
“แต่ฉันเป็นเจ้าของบ้าน ฉันมีสิทธิ์”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไป!” หญิงสาวสวนกลับทันควันทำให้อคินถึงกับหน้าเหวอ เพราะพี่เลี้ยงคนก่อนที่บิดาเคยส่งมา ไม่มีใครกล้าแหกปากเถียงเขาเลยสักคน
“ไม่ไป...งั้นเดี๋ยวฉันไปเองก็ได้ อยากอยู่ก็อยู่ไปเลย”
พูดจบเขาก็กระแทกเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ หญิงสาวจึงใช้โอกาสนั้นสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ข้อมูลที่อภิวัฒน์ให้มา เธอจำได้ดีว่าอคินชอบขับรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ยักษ์และชอบขับรถซูเปอร์คาร์คันโปรดออกไปเที่ยวอยู่บ่อย ๆ
เมื่อสายตาหันไปสะดุดเข้ากับประตูห้องที่อยู่ด้านใน เธอจึงเปิดมันเข้าไปก่อนจะพบกับห้องแต่งตัว บนชั้นวางมีหมวกกันน็อกราคาแพงวางเรียงรายอยู่บนนั้นเธอจึงหยิบติดมือมาหนึ่งใบก่อนจะออกไปนั่งรอเขาอย่างใจเย็นที่ระเบียงหลังห้อง
ครึ่งชั่วโมงให้หลังอคินก็กลับออก ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าน้ำอิงยังอยู่ในห้อง เขาจึงเข้าไปในห้องแต่งตัว เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จก็รีบกลับออกมาทันทีเพราะหมวกกันน็อกคู่ใจหายไป
“หานี่อยู่เหรอ” หญิงสาวโอบหมวดกันน็อกไว้พลางโบกมือเรียกเขาทำให้อคินรีบเปิดประตูก้าวตามออกไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ เธอกล้าดียังไงมาหยิบจับของของฉัน”
“มันไม่มากไปหรอก ทีนายยังไม่เกียรติฉันเลย”
“ทำไมฉันต้องให้เกียรติ เธอไม่ใช่แม่ฉันเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้น นายก็คงไม่ว่า ถ้าฉันจะทิ้งหมวกบ้านี่ลงไปชั้นล่าง” ว่าแล้วมือเรียวก็จับหมวกเอื้อมออกไปนอกระเบียงจนอคินรู้สึกเสียวไส้
“อย่านะเว้ย!”
“งั้นนายก็ช่วยพูดดี ๆ กับฉันก่อน ขอร้องให้ฉันเห็นใจแล้วฉันจะยอมคืนหมวกให้นาย” น้ำอิงยิ้มกริ่ม อย่างน้อยวันแรกเธอก็น่าจะฝึกหมอนี่ให้รู้จักระวังคำพูดและให้เกียรติคนบ้าง ถึงแม้ว่ามันจะยากที่ฝังลึกลงไปในหัวสมองของเขาก็ตาม
“ทำไมฉันต้องทำ บอกแล้วไงว่าเธอไม่ใช่แม่”
“แต่ฉันมาที่นี่เพื่อดัดสันดานนาย เป็นครูของนายแล้วก็โตกว่านาย นายต้องให้เกียรติฉันบ้างสิ”
“ไม่จำเป็น” อคินสวนกลับก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องทำให้หญิงสาวต้องตะโกนขู่อีกครั้ง
“ฉันทิ้งจริง ๆ นะ”
“เชิญ” เป็นอีกครั้งที่เขาตอบกลับมาในขณะที่กำลังฉีดน้ำหอมราคาแพงอยู่หน้ากระจก
“เหอะ แล้วนายจะต้องเสียใจ”
“ทิ้งหรือยัง” คราวนี้เขาออกมายืนกอดอก จ้องมองการกระทำของเธออย่างใจเย็น “แน่จริงก็ทิ้งสิ”
“นายคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ”
“เธอไม่ทิ้ง งั้นฉันทิ้งเอง” พูดจบเขาก็มาหยุดยืนเบื้องหน้า แย่งหมวกใบนั้นมาถือไว้แล้วปล่อยมันลงไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านทันที
“นี่นาย...”
“ทิ้งไปก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ซื้อใบใหม่” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วฮัมเพลงออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี น้ำอิงจึงรีบวิ่งตามลงไปก่อนจะพบว่าเขากำลังนั่งทานข้าวอย่างสบายใจ
“วันนี้คุณหนูจะออกไปไหนเหรอคะ” โสนเอ่ยถามในขณะที่กำลังเติมข้าวให้เขา
“คุณอภิวัฒน์เขาชอบส่งคนมายุ่งวุ่นวายกับผม ผมว่าจะไปนอนค้างที่คอนโดฯ สักพักน่ะครับ รอจนกว่ายัยป้านั่นกลับไป”
“ยัยป้างั้นเหรอ” คนที่กำลังแอบฟังขบกรามแน่น เห็นโสนมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณท่านเขาหวังดีกับคุณหนูจริง ๆ นะคะ”
“ถ้าหวังดีเขาคงไม่พรากแม่ไปจากผมหรอก ป้าโหนช่วยไล่ยัยป้านั่นออกไปจากบ้านให้ผมทีนะครับ” เขาหันไปบอกคนสูงวัยกว่าด้วยสีหน้าที่ยังไม่สบอารมณ์
“ป้าไล่ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ป้าโหน!” อยู่ ๆ ฝ่ามือใหญ่ก็ทุบลงบนโต๊ะเสียงดังจนอีกฝ่ายผวาวาบ
“คุณท่านเป็นคนหามา ป้าไล่ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
“คนอะไรไร้มารยาทที่สุด” น้ำอิงกำมือเข้าหากันแน่น อยากจะเข้าไปเพ่งกบาลให้รู้สำนึกแต่ก็ทำไม่ได้
“งั้นก็ไม่ต้องไล่ ถ้าไม่มีผมยัยป้านั่นก็คงจะเก็บเสื้อผ้าออกไปเหมือนคนก่อน ๆ เองนั่นแหละ” เขาลอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแล้วตักอาหารเข้าปากอย่างใจเย็น
“คุณหนูจะเอารถคันไหนไปคะ ป้าจะให้ครามมันเตรียมไว้ให้”
“คันเดิมนั่นแหละครับ จะเอามอเตอร์ไซค์ไปยัยนั่นก็ทิ้งหมวกผมไปแล้ว”
“นายปาลงมาเองต่างหาก” คนถูกพูดถึงก้าวลงไปร่วมวงสนทนา ยังไม่ทันที่อคินจะเอ่ยปากไล่เธอก็รีบตรงดิ่งไปยังโรงรถเสียก่อน
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างทันทีที่มาถึงแล้วเห็นรถหลายสิบคันเรียงจอดกันเป็นแถว เพียงไม่นานครามก็ตามมาเพื่อเอารถออกไปจอดเตรียมไว้ให้
หญิงสาวแอบอยู่ท้ายรถ รอโอกาสตอนที่ครามเปิดล็อกรีบกระโดดเข้าไปนั่งลงเคียงข้างจนชายหนุ่มสะดุ้งตกใจ
“คุณ! ขึ้นมาทำไมเนี่ย”
“ขับไปสิ ช้าอยู่ทำไมล่ะเดี๋ยวก็โดนอีตานั่นดุหรอก” เธอตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย รอให้อีกฝ่ายขับออกไปจากโรงรถ
“ถ้าผมพาคุณไปด้วย ผมน่าจะโดนดุมากว่า”
“ไม่หรอกน่า อย่าลืมสิว่าคุณอภิวัฒน์ส่งฉันมาทำไม นายจะไม่ให้ความร่วมมือเหรอ”
คำตอบของเธอทำให้ครามต้องยอมขับรถออกไปจอดไว้หน้าบ้าน ก่อนที่เขาจะรีบลงจากรถไปเพราะไม่อยากจะถูกอคินตำหนิไปด้วยอีกคน
พอลับหลังครามไป น้ำอิงจึงเอนเบาะไปข้างหลังรอจนกระทั่งเจ้าของรถออกมาเปิดประตู เขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ข้างใน
“นี่เธอ เข้ามาทำไมในรถฉัน”
“ฉันก็จะไปกับนายไง” อีกฝ่ายเชิดหน้าตอบพลางทอดสายตามองออกไปยังถนนเบื้องหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ขึ้นมาสิ”
“ใครให้เธอไป ลงมาเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่งเสียงเข้มแต่น้ำอิงก็ยังไม่สะทกสะท้าน
“ไม่”
“ฉันบอกให้ลงมา”
“ก็บอกว่าไม่ลงไง”
“อย่าให้ฉันหมดความอดทนนะป้า!” ชายหนุ่มตวาดกร้าว กำมือแน่นด้วยความหงุดหงิด
“แล้วไง ก็บอกว่าไม่ลง นายไปไหนฉันก็จะตามไปด้วย...ทุกที่” หญิงสาวเน้นย้ำประโยคหลังจนอคินเลือดขึ้นหน้า
“ทุกที่งั้นเหรอ”
“ใช่” น้ำอิงพยักหน้า กะพริบตาถี่จ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง คิดไม่ถึงว่าวินาทีนั้นเขาจะผละออกไปแล้วหันไปตะโกนเรียกเจ้าขนมออกมาจากในบ้าน
“ขนม ขนม อยู่ในลูกออกมาหาพ่อหน่อยเร็ว”
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง” เสียงเจ้าขนมเห่ามาแต่ไกล พอเห็นเจ้านายผายมือมาที่รถ มันก็รีบวิ่งกระดิกหางตรงดิ่งเข้ามา เมื่อเห็นน้ำอิงนั่งข้างใน มันก็ยิ่งอ้าปากเห่าทำท่าจะเข้ามาขย้ำจนเธอต้องรีบดีดตัวลงจากรถ
“กรี๊ด!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาเลยขนมลูกพ่อ จัดการเลย” อคินหัวเราะชอบใจ เขาเฝ้ามองเจ้าขนมวิ่งไล่หญิงสาวไปทางสนามหญ้าจนคนตัวเล็กล้มลุกคลุกคลานไม่เป็นท่า กระโปรงขาดร่นถึงน่อง หน้าไถลไปตามพื้นดินเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว
“ตายแล้วคุณน้ำ” เสียงโสนดังขึ้นทำให้เจ้าขนมหยุดกะทันหันก่อนจะวิ่งกลับไปหาเจ้านายทันทีเหมือนมันจะรู้ว่ากำลังจะโดนดุ
“ป้า ช่วยหนูด้วย”
“นี่มันอะไรกันคะคุณหนู ทำไมปล่อยให้เจ้าขนมวิ่งไล่กัดคุณน้ำแบบนี้ล่ะคะ” คนสูงวัยหันไปถาม
“เจ้าขนมมันแค่จะเล่นด้วยน่ะครับ มันไม่กัดหรอก” เขาตอบแต่เพียงสั้น ๆ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วขับมาจอดตรงหน้าน้ำอิงอีกครั้ง “สภาพแบบนี้ป้าคงไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะ ฮ่า ๆ ”
ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ จากนั้นจึงขับรถออกไปสู่ถนนใหญ่อย่างอารมณ์ดี น้ำอิงได้แต่มองตามไปด้วยความเจ็บใจ รู้สึกเจ็บแสบตรงต้นขาขึ้นมาทันทีเพราะถูกหญ้าบาดจนเป็นรอยแดง
“ป้าว่าคุณขึ้นไปพักก่อนเถอะค่ะ ยังไงคุณหนูก็ต้องกลับมา แล้วค่อยเริ่มกันใหม่ก็ได้” โสนหันมาปลอบใจก่อนที่เจ้าขนมจำส่งเสียงเห่าอีกรอบจนเธอต้องรีบถอยกรูด
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
“เพราะแกตัวเดียวเลย” เธอมองค้อนมันด้วยความหงุดหงิดแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อจัดการอาบน้ำชำระล้างร่างกายทันที