กระเป๋าใบใหญ่ถูกยกลงมาจากบ้านในอีกสองวันถัดมาตามวันและเวลาที่ได้นัดหมายไว้กับอภิวัฒน์
“โชคดีนะน้ำ ว่าง ๆ ก็กลับมาเยี่ยมพ่อกับน้องมันบ้างล่ะ” ธีระกล่าวอวยพรทำให้เหนือเมฆอดที่จะเอ่ยแซวเสียไม่ได้
“พี่น้ำเขาไม่ได้ไปไหนไกลเลยนะพ่อ ยังทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ใกล้ ๆ นี่เอง”
“ก็พ่อไม่เคยห่างลูกนี่ อวยพรไม่ได้หรือไง”
“หนูต้องกลับมาอยู่แล้วค่ะ” น้ำอิงสวมกอดบิดาก่อนจะเลื่อนมือไปขยี้เรือนผมสีดำของน้องชาย “เอาไว้พี่จะพาแกไปซื้อชุดนักเรียนใหม่นะ”
“อืม” อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นจึงหมุนตัวออกไปจัดร้าน เป็นจังหวะเดียวกันที่รถของอภิวัฒน์มาถึงพอดี หญิงสาวจึงหันไปโบกมือลาธีระและเหนือเมฆอีกครั้งในขณะที่คนขับช่วยเธอขนกระเป๋าขึ้นไปเก็บ
ความตื่นเต้นจู่โจมเล่นงานอีกครั้งเมื่อประตูรถถูกปิดลงก่อนที่มันจะค่อย ๆ พุ่งทะยานออกสู่ถนนใหญ่ น้ำอิงเหลือบมองบ้านหลังน้อยของเธออีกครั้ง ถึงจะไม่ได้ไปไหนไกลแต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่ต้องจากมา
มือเรียวกระชับแว่นตาให้เข้ากับใบหน้า ก้มลงตรวจดูข้อความในมือถือแล้วจึงตอบแชตปุยฝ้าย เพื่อนสนิทจากที่ทำงานเก่าที่มักจะทักมาถามสารทุกข์สุกดิบอยู่เนือง ๆ
ปุยฝ้าย : ได้งานทำแล้วเหรอ
น้ำอิง : อื้ม เพิ่งได้เริ่มวันนี้เอง
ปุยฝ้าย : ดีใจด้วยนะ ต่อไปเราคงหาเวลาเจอกันยากแล้วสิ
น้ำอิง : เอาไว้ว่าง ๆ เราค่อยนัดเจอกันก็ได้
บทสนทนาสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านั้นเมื่อรถแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเธอมาพอสมควร เพียงแค่รถเลี้ยวเข้ามาจอด บรรดาแม่บ้านสี่ห้าคนก็รีบวิ่งมาต้อนรับทันที
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ” น้ำอิงยิ้มทักทายคนสูงวัยที่ยืนอยู่เบื้องหน้า “ยายโสนใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ คุณคือน้ำอิง พี่เลี้ยงคนใหม่ที่คุณท่านบอกไว้สินะ ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะคะเนี่ย”
“รูปเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเห็นรูปเธอมาจากไหน
“ใช่ค่ะ ก่อนหน้าที่คุณจะมา คุณท่านจะส่งรูปมาให้พวกเราดูเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบอ้าง”
“แสดงว่ามีคนมาสมัครหลายคนเลยใช่ไหมคะ” เธอถามกลับอีกครั้งเพื่อหยั่งเชิง จากการอ่านประวัติคร่าว ๆ อีตาออสตินนี่ก็เหมือนจะร้ายเอาการอยู่เหมือนกัน
“เดือนนี้คุณเป็นคนที่สามแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้านับจากปีนี้มาคือคนที่ยี่สิบสอง”
“ยี่สิบสอง! โห...ทำไมเยอะจังล่ะคะ” หญิงสาวตาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีแต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับเธอ
“เดี๋ยวอยู่ไปคุณก็จะรู้เองค่ะ ขอให้คุณอยู่กับเราไปนาน ๆ นะคะ”
“ตอนนี้หนูเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะค่ะ” น้ำอิงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ในขณะที่บรรดาแม่บ้านต่างช่วยกันขนกระเป๋าและเอกสารที่เธอเตรียมมาไปยังห้องพักที่ถูกจัดไว้ให้
“ห้องของคุณจะอยู่ทางปีกซ้าย ส่วนห้องของคุณออสติน อยู่ทางขวา คุณเข้าไปจัดของก่อนเถอะค่ะ เสร็จแล้วคุณออสตินเธอน่าจะออกมาพอดี”
“ได้ค่ะ” น้ำอิงรับปากอย่างงง ๆ พอประตูห้องถูกเปิดออก เธอก็ต้องตกใจกับความหรูหราภายในห้องนั้นจนต้องหันไปเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “ให้หนูอยู่ห้องนี้จริง ๆ เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณต้องการคนช่วยจัดเสื้อผ้าไหมคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูจัดเองได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวหนูจะลงไปรอข้างล่างนะคะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ พอโสนออกไป เธอก็รีบเดินสำรวจรอบห้องทันทีด้วยความตื่นตาตื่นใจ
มือเรียวลูบไล้ไปบนเฟอร์นิเจอร์ด้วยความหลงใหล ทุกอย่างล้วนหรูหราราคาแพง ถูกดูแลอย่างดี ขัดถูจนเงาวับ มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ เตียงขนาดคิงไซซ์ นุ่มจนแทบจะยกหัวไม่ขึ้น
“ยังกับห้องเจ้าหญิงในเทพนิยายเลยแฮะ” น้ำอิงหลับตาเพ้อฝัน ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงหนานุ่มอีกครั้งและวินาทีนั้นเองที่ใบหน้าของอคินลอยเข้ามาจนเธอรีบเด้งตัวลุกขึ้น “ไม่ได้ เรามาที่นี่เพื่อกำราบไอ้หมอนั่น ต้องเริ่มงานตั้งแต่วันแรก จะได้เงินก้อนไว ๆ ”
ว่าแล้วหญิงสาวจึงรีบเก็บเสื้อผ้าใส่ในตู้เสื้อผ้า ใช้เวลาจัดเพียงไม่นานเธอก็รีบลงไปหาโสนที่ชั้นล่างเพื่อรอพบอคินเพื่อทำความรู้จักทันที
“ดื่มน้ำผลไม้ก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคุณออสตินก็คงจะลงมา” คนสูงวัยว่าในขณะที่นำน้ำส้มมาเสิร์ฟให้เธอพร้อมกับขนมว่าง
หญิงสาวหยิบมันขึ้นมาจิบเพื่อดับกระหาย สายตากวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อฆ่าเวลาจนรู้สึกเบื่อจึงลุกเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้าน มองเห็นสระว่ายน้ำและสวนขนาดใหญ่ที่มีสุนัขพันธ์ร็อตไวเลอร์กำลังวิ่งเล่นกับคราม ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของยายโสนที่อายุน่าจะอ่อนกว่าเธอสักห้าปีเห็นจะได้
น้ำอิงแอบมองเจ้าสุนัขวิ่งเล่นก็นึกเอ็นดูจึงเดินเข้าไปในสนามเพื่อทำความรู้จัก แต่พอมันได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคย จากน่ารักในตอนแรกมันก็ส่งเสียงเห่าคำรามขึ้นมาทันทีจนหญิงสาวต้องรีบถอยกรูด
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
“กรี๊ด!” คนมาใหม่รีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันทีที่เห็นเจ้าสุนัขตัวใหญ่วิ่งตามเข้ามาในขณะที่มันยังเห่าไม่ยอมหยุดจนครามต้องร้องห้าม
“หนม หนม หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้นายหยุดไง”
สิ้นเสียงนั้น เจ้าขนมก็ดูหงอยลง รีบวิ่งกลับไปนั่งลงเคียงข้างเขาทันที
“ขอโทษด้วยนะครับ ขนมเขาไม่ชินกับคนแปลกหน้าน่ะ เดี๋ยวอยู่ไปมันก็อาจจะคุ้นเคยกับคุณ...เอ่อ...”
“ฉันชื่อน้ำอิงค่ะ” หญิงสาวยิ้มแห้งเพื่อกล่าวทักทายแต่ก็ยังขยาดกับท่าทีของขนมไม่หาย
“ผมชื่อครามครับ เป็นพี่เลี้ยงของเจ้าขนม เป็นหลานของยายโสน”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“งั้นตามสบายเลยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวลาพลางใช้สายจูงผูกกับปลอกคอเจ้าขนมแล้วพามันออกที่สวนก่อนที่น้ำอิงจะเดินกลับมาทรุดกายนั่งลงบนโซฟาเพื่อเรียกขวัญของตัวเองให้กลับคืนมา
“ถ้าไม่นับเจ้าขนม บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลยแฮะ คนเยอะ แล้วที่สำคัญทุกคนก็ดูเป็นมิตรดี ทำไมถึงต้องเปลี่ยนคนบ่อยถึงยี่สิบคนกันล่ะ” หญิงสาวครุ่นคิด พอนึกขึ้นได้จึงเหลือบมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เห็นว่าเวลามันล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงแล้วแต่เธอก็ยังไม่เห็นวี่แววของอคิน
“นานจัง...อย่าบอกนะว่ายังนอนไม่ตื่น” น้ำอิงเริ่มหัวเสีย จึงเดินหาป้าโสนเพื่อจะเอ่ยถาม พออีกฝ่ายเห็นเธอทำหน้าร้อนใจก็พอจะเดาออก
“คุณออสตินยังไม่ลงมาเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ นี่มันจะเที่ยงแล้วนะคะป้า”
“แบบนี้แหละค่ะ บางวันเขาก็ตื่นบ่ายสามโน่นเลย” โสนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เธอพบเจออยู่ทุกวัน
“บ่ายสามเลยเหรอคะ นี่เขาไม่คิดจะทำอะไรเลยนอกจากนอนสินะ”
“คุณออสตินเธอออกไปข้างนอกน่ะค่ะ กลับมาตอนดึกแทบทุกคืนเลย” อีกฝ่ายตอบอย่างปลง ๆ น้ำอิงจึงต้องตัดสินใจเด็ดขาด ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเธอก็คงไม่ได้เริ่มงานแน่ ๆ
“งั้นหนูขอกุญแจห้องอีตานั่นเอ่อ...ห้องออสตินหน่อยสิคะ”
“คุณจะเปิดไปเลยเหรอคะ” โสนเอ่ยถามด้วยสีหน้าหวาดระแวง
“ใช่ค่ะ”
“แต่ป้ากลัวว่า...”
“ป้าไม่ต้องกลัวค่ะ เกิดอะไรขึ้นหนูรับผิดชอบเอง” น้ำอิงตอบด้วยเสียงหนักแน่นทำให้คนสูงวัยต้องนำกุญแจมาให้เธอก่อนที่ตัวเองจะหนีไปแอบหลังครัวเพราะไม่อยากได้ยินเสียงเจ้านายอาละวาด
“นายคงแสบน่าดูเลยสินะ” หญิงสาวชั่งใจในขณะที่หิ้วกุญแจเดินขึ้นไปหยุดอยู่หน้าห้อง ไม่มีเวลายั้งคิดมือเรียวก็ไขมันแล้วเปิดเข้าไปทันที
เค้าจะได้เจอกันแล้วว