บทนำ1
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุในตอนเที่ยงสาดส่องลงมากระทบกับพื้นคอนกรีตของเมืองหลวงจนเกิดเป็นไอร้อนลอยขึ้นมา ทว่าคนที่กำลังเดินคอตกอยู่บนฟุตปาธ กลับไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่ามันจะแผดเผาผิวของเธอจนไหม้เกรียมสักแค่ไหน
ชีวิตของน้ำอิง หญิงสาววัยยี่สิบแปดกำลังเป็นไปได้สวย อุตส่าห์ได้ทำงานเป็นครูสอนพิเศษของบริษัทติวเตอร์ชื่อดัง เงินเดือนก็ถือว่าพออยู่ได้ แถมที่ทำงานก็ไม่ได้ไกลจากบ้านเท่าไหร่ เดินไปก็ยังถึง ประหยัดค่ารถไปหลายบาท เก็บหอมรอมริบจนสามารถซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ อาศัยกับบิดาและน้องชายได้สำเร็จ
ทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่ก็ต้องมาหยุดชะงักเพราะพิษเศรษฐกิจเล่นงานทำให้บริษัทปิดตัวลง มิหนำซ้ำยังติดหนี้ลูกค้าที่เอาเงินมาทุ่มไว้แต่ไม่ได้เรียนอีกนับแสน
ตั้งใจตื่นไปทำงานแต่เช้า แต่ก็ต้องพบกับป้ายประกาศหยุดกิจการตัวใหญ่โชว์หราอยู่ด้านหน้า ทำให้เธอต้องเดินคอตกหอบหิ้วสัมภาระกลับบ้านแบบนี้
“แล้วจะเอายังไงต่อกับชีวิตล่ะเนี่ย” หญิงสาว โอดครวญพลางกระชับแว่นสายตาเลนส์หนากับใบหน้าเพราะร้องไห้อย่างหนักจนแว่นมันลื่นตกลงมาอยู่บ่อยครั้ง
มือเรียวโอบอุ้มลังกระดาษที่หอบใส่สัมภาระจนเต็มขึ้นสะพานลอยจ้องมองไปยังวิวเมืองหลวงเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย คิดว่าชีวิตของตัวเองกำลังถึงจุดต่ำสุด แต่พอเหลือบไปเห็นขอทานที่แขนขาขาดกำลังนั่งอยู่ตรงทางลง เธอก็เกิดฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง รีบเดินทางกลับบ้านก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนโต๊ะอาหารภายในร้านขายอาหารตามสั่งที่ใช้บ้านชั้นหนึ่งดัดแปลงเพื่อค้าขาย
เสียงตะหลิวเคาะกับกระทะดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารหลากหลายชนิดที่ธีระ ผู้เป็นบิดาเป็นคนปรุงก่อนที่เหนือเมฆ น้องชายวัยสิบห้าจะเป็นคนนำไปเสิร์ฟให้กับลูกค้า
“เป็นอะไรอีกล่ะทำไมทำหน้าเหมือนใครตายอย่างนั้น” บิดาเอ่ยถามเมื่อเสร็จจากออเดอร์จึงค่อย ๆ ก้าวเข้ามาทรุดกายนั่งลงเคียงข้างลูกสาวแล้วกระชับขาเทียมประจำกายให้มันแน่นอีกรอบ
“หนูนี่ไงที่จะตาย”
“เป็นอะไร ทำไมต้องตาย”
“ฮือ...หนูตกงานค่ะพ่อ...” น้ำอิงโอดครวญ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาอีกครั้งจนธีระนึกขำ
“แล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะวะ ตกงานก็ไปสมัครที่อื่นสิ”
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะพ่อ กว่าหนูจะหางานใหม่ได้ แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนไปรักษาไอ้เมฆมันล่ะ” หญิงสาวบุ้ยปากไปทางน้องชายอย่างคนคิดหนัก เพราะเหนือเมฆป่วยเป็นโรคหัวใจที่กำลังจะได้ผ่าตัดในอีกไม่กี่เดือน ก่อนหน้านั้นเธอกลับตัดสินใจนำเงินเก็บมาดาวน์บ้านในเมืองเพราะคิดว่าจะประหยัดค่าเดินทางไปทำงานและหาหมอ อีกทั้งบิดาก็ยังมีทำเลทองเอาไว้ค้าขายได้
ไม่คิดเลยว่าหลังการตัดสินใจในครั้งนั้นแค่สามเดือน กลับตรวจพบว่าเหนือเมฆป่วยเป็นโรคหัวใจขึ้นมาเสียนี่
“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ตอนนี้ผมยังแข็งแรงดี ไม่ต้องผ่าตัดก็ได้” คนถูกพูดถึงนำจานที่ลูกค้าเพิ่งกินเสร็จเข้ามาในครัว หันมาเอ่ยกับพี่สาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดูสิ ผมยังทำงานช่วยพ่อได้สบายบรื๋อ”
“ก็ตอนนี้มันยังไม่แสดงอาการ ยังไงแกก็ต้องผ่า”
“ไม่เอาอ่ะ โลกมันน่าเบื่อ ผมไม่อยากอยู่นาน...โอ๊ย!” พูดยังไม่ทันจบ ฝ่ามือเรียวของน้ำอิงก็ฟาดลงบนศีรษะเต็มแรงจนอีกฝ่ายหน้าคะมำ “ไหนบอกจะรักษา พี่จะฆ่าผมมากว่ามั้งเนี่ย”
“แกห้ามพูดอย่างนั้นอีก แกต้องอยู่กับพี่กับพ่อไปอีกนานเข้าใจไหม”
“เออ ๆ ” เหนือเมฆรับปากแบบส่ง ๆ ก่อนจะหันไปเติมน้ำในเหยือกแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะ ถึงตอนนั้นธีระจึงหันมาพูดกับลูกสาวอีกครั้ง
“แกไม่ต้องเครียดไปหรอกนะน้ำ ลูกค้าที่ร้านมาแน่นทุกวัน ขายดีขนาดนี้ยังไงมันก็ต้องมีทาง”
“แล้วค่าบ้านที่เหลืออีกล่ะพ่อ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องเครียดไง” บิดาพยายามปลอบใจก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “หิวหรือยัง เดี๋ยวพ่อทำอะไรให้กินดีไหม”
“เอากะเพราเนื้อแบบเผ็ด ๆ มาเช็ดน้ำตาสักจานก็ดีค่ะ” เธอตอบแบบหน้าบอกบุญไม่รับ ธีระจึงลุกไปทำมาให้ พอเห็นลูกสาวตักกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กแผ่วเบาด้วยความรัก
“ถ้ามันหนัก แกก็อย่าเอามาแบกไว้บนหัวหมดสิ เอาวางไว้บางก็ได้”
“ก็คนมันเครียดนี่คะพ่อ” น้ำอิงทำหน้าคิดหนักขึ้นมาอีกครั้งในขณะที่ยังเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ย
“เอาเถอะน่า กินให้อิ่มท้องเสียก่อนแล้วค่อยคิด” ธีระพยายามปลอบใจ ยังไม่ทันที่ลูกสาวจะอ้าปากพูดต่อ ลูกค้าก็เข้ามาในร้านเสียก่อน น้ำอิงจึงต้องรีบทานข้าวก่อนจะหอบสังขารขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ทิ้งตัวนั่งบนเตียงของตัวเองอย่างหมดเรี่ยวแรง
ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นรูปดวงใจ มารดาผู้ล่วงลับวางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ จึงเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาแล้วจุมพิตลงบนนั้นด้วยความคิดถึง
ตั้งแต่จำความได้ เธอก็พบกับความลำบากมาโดยตลอด ต้องช่วยแม่ขายข้าวแกงมาตั้งแต่เด็กแต่ไม่มีวันไหนเลยที่เธอรู้สึกท้อเพราะดวงใจมักจะสอนให้เธอฮึดสู้อยู่เสมอ น่าเสียดายที่ผู้เป็นแม่ดันมาจากไปกะทันหันเพราะอุบัติเหตุ เธอจึงกลายมาเป็นเสาหลักของบ้านเพราะธีระเองก็บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนั้นจนต้องใส่ขาเทียมมาจนถึงทุกวันนี้
“เอาวะ! ท้อมีไว้ให้ลิงถือ จำไว้ไอ้น้ำ” หญิงสาวให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาตำแหน่งงานว่างแล้วส่งอีเมลไปสมัครทันทีด้วยความหวังว่าคงจะมีสักบริษัทที่จะเรียกเธอเข้าทำงานในเร็ววันระหว่างนี้ก็คงต้องช่วยธีระทำงานที่ร้านไปก่อน
ขออนุญาตประเดิมตอนแรกไว้ก่อนนะคะ มีคนอ่าน จะรีบมาต่อให้ค่า