“เป็นอย่างไรบ้างคุณหนูเหอ”
“เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ บ่าวของสกุลหว่านช่วยขนสุราหวานไปไว้ที่ซุ้มสุราเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” หลี่น่าควบคุมให้บ่าวขนสุรากว่าร้อยไห ไปไว้ที่ซุ้ม โดยแบ่งแยกตามฤทธิ์ของสุรา
สุราหวานที่มีฤทธิ์แรง จะถูกเก็บไว้ที่หนึ่ง ส่วนสุราหวานที่มีฤทธิ์อ่อนก็จะถูกจัดไว้แยกกัน เพื่อให้ง่าย ยามที่ต้องนำไปให้แขกเหรื่อ
“เช่นนั้นก็ขอบใจมาก จริงสิ! พวกท่านมีธุระที่ใดต่อหรือไม่ ข้าอยากรบกวนให้พวกท่านอยู่ช่วยควบคุมบ่าวไพร่แจกจ่ายสุรา กลัวว่าบ่าวของข้าจะไม่รู้ความ จนนำสุราไปให้แขกผิดจากที่พวกเขาสั่ง” ด้วยงานเลี้ยงครานี้มีสตรีและเหล่าคุณหนูจำนวนมาก หากพลาดนำสุราฤทธิ์แรงไปให้คุณหนูเหล่านั้น อาจจะเกิดการมึนเมาขึ้นได้
“แท้จริงแล้ว พวกข้ายังต้องไปขายสุราหวานที่ตลาดต่อขอรับ” เป็นเหิงเยว่ที่เข้ามาช่วยตอบ แม้งานนี้จะได้กำไรมาก แต่พวกเขาก็ไม่อยากขาดรายได้จากการขายสุราไป
“จริงสิ…อืม เอาเป็นว่าข้าให้พวกท่านเพิ่มอีกสามตำลึงเงิน อยู่ช่วยข้าก่อนได้หรือไม่”
“…” หลี่น่าหันไปถามความเห็นจากครอบครัวพอเป็นพิธี ทั้งที่ในใจของนางกระโดดโลดเต้นที่ได้เงินเพิ่มมาอีก 3 ตำลึงเงิน
“ถือว่าช่วยข้าเถิดเจ้าค่ะท่านเหอ แล้วข้าจะแนะนำสกุลอื่นให้ไปซื้อสุราหวานที่ร้านของท่านวันหลัง” แม้สกุลเหอจะตกอับ ไม่มีคนนับหน้าถือตาเหมือนเมื่อก่อน แต่คุณหนูหว่านที่ได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดี มีหรือจะไม่ให้เกียรติผู้อื่น
“เช่นนั้นก็ได้ คุณหนูจะให้พวกข้าทำสิ่งใดบ้าง ก็แจ้งมาเถิด” เข่อซิงเอ่ยตอบรับ เพราะคิดว่าหากไปขายสุราทั้งวัน ก็คงไม่ได้เงินมากถึงสามตำลึงเงิน แต่การตอบรับครานี้ก็มีเรื่องให้น่าหนักใจอยู่ไม่น้อย
“ท่านพ่อกับท่านแม่ไปคอยจัดเตรียมสุราด้านหลังเถิดเจ้าค่ะ” หลี่น่าเห็นสีหน้ากังวลของบิดา นางก็เข้าใจทันที หากเป็นเมื่อก่อน บิดาของนางคงได้เข้าไปนั่งในงานแล้ว
“ใช่ขอรับ เรื่องรับหน้าแขกเหรื่อและบ่าวไพร่ของสกุลหว่าน ข้ากับหลี่เอ๋อร์จะทำเอง” งานที่คุณหนูแจ้งให้พวกเขาทำ คือการเฝ้าซุ้มสุรา หากว่ามีแขกมาขอสุราก็คัดเลือกให้ตามที่แขกต้องการ หากว่ามีบ่าวไพร่มานำสุราไปให้แขก ก็ให้จัดเตรียมไว้ให้ก็เท่านั้น
“ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมาก” ซูเจินเพียงยกยิ้มให้บุตร ก่อนจะพาสามีไปจัดเตรียมสุราด้านหลัง
“แล้วให้บ่าวทำอันใดดีเจ้าคะ”
“เจ้าอยู่กับข้าและพี่เหิง คอยช่วยโปรโมตร้านของเรา” ปากเล็กกระตุกยิ้มอย่างผู้ชนะ อีกหนึ่งเหตุผลที่นางไม่ปฏิเสธที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ก็เป็นเพราะจะได้ใช้โอกาสนี้ มาโปรโมตร้านของตนเองเสียเลย
“ปราโมต ผู้ใดหรือเจ้าคะ”
“ฮ่าๆ เอาเป็นว่า เจ้ามีหน้าที่คอยบอกแขกเหรื่อ ว่าร้านเราตั้งอยู่ที่ใด ชักชวนให้พวกเขาไปซื้อสุราที่ร้านของเราต่อ เท่านี้ก็พอแล้ว” เอินเอินพยักหน้าเข้าใจที่ผู้เป็นนายสั่ง
“แล้วพี่ต้องทำหรือไม่หลี่เอ๋อร์”
“พี่เหิงก็ต้องทำเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะทำด้วย” ว่าแล้วทั้งสามคนก็มายืนรอประจำที่
ตอนนี้พึ่งจะย่างเข้ายามโหย่ว (17:00-18:59 น.) แขกเหรื่อจึงไม่มากนัก มีเข้ามาประปรายเท่านั้น แต่คุณหนูหว่านเอ่ยว่า หากเข้าสู่ปลายยามโหย่ว แขกเหรื่อจะมีมากขึ้น
ด้วยบิดาของคุณหนูหว่านเป็นราชครูขององค์ฮ่องเต้และชินอ๋องของแคว้น จึงมีผู้นับหน้าถือตามากมาย ดังนั้นคุณหนูหว่านจึงมิอยากให้เกิดข้อผิดพลาดใดขึ้นในงานนี้
“คำนับคุณชายทั้งหลายเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่านเคยลองชิมสุราหวานของสกุลเหอแล้วหรือยัง” รอยยิ้มหวานหยด โปรยออกไปให้ชายหนุ่มสี่คน ที่มายืนล้อมหน้าซุ้มสุรา แม้หลี่น่าจะมิได้งามล่มเมือง แต่ความน่ารักน่าเอ็นดู ประกอบความอัธยาศัยดีของนาง ก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายใจสั่นไม่น้อย
“ข้ายังมิเคยลอง สุรานี้เป็นของสกุลเหออย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ สุราของเรามีทั้งที่ฤทธิ์แรงและฤทธิ์อ่อนเจ้าค่ะ มิทราบว่าคุณชายต้องการเช่นไร”
“เอกบุรุษเช่นพวกข้า ย่อมต้องดื่มสุราที่ฤทธิ์แรงที่สุดอยู่แล้ว ฮ่าๆ” เหล่าคุณชายพากันหัวเราะเฮฮา
“เช่นนั้นเชิญคุณชายทางนี้ขอรับ ข้าจะนำสุราฤทธิ์แรงให้ท่านเอง” เหิงเยว่แทรกตัวเข้ามาบดบังน้องสาว ให้พ้นสายตาของกลุ่มชายฉกรรจ์พวกนี้
คิดว่าข้ามิรู้หรือ ว่าจะมาเกี้ยว มาหยอกน้องข้า ฝันไปเถิด!!!
“เชิญคุณชายเจ้าค่ะ ทางนี้มีแต่สุราฤทธิ์อ่อน ไม่เหมาะกับเอกบุรุษเช่นพวกท่านสักนิด” ดูที เอินเอินก็เป็นไปกับเขาด้วย คอยกันหนุ่มๆ ออกจากนางอยู่เรื่อย หากเป็นเช่นนี้เมื่อใดนางจะมีคนรักกับเขาเสียทีเล่า
ร่างบางได้แต่หัวเราะอย่างปลงตกกับท่าทีหวงน้องสาวของพี่ชายและบ่าวตัวน้อย ก่อนจะหันมาสนใจแขกเหรื่อที่กำลังเดินเข้ามา
“เชิญฮูหยินทางนี้เถิดเจ้าค่ะ สุราหวานของเรามีฤทธิ์อ่อน ไม่ทำให้มึนเมาทั้งยังดื่มง่าย คล่องคอด้วยนะเจ้าคะ”
“นี่สกุลหว่านหมักสุราเอง เพื่อการนี้เลยหรือ”
“ใช่ที่ใดเล่า นี่เป็นบุตรสาวสกุลเหอ มิใช่คนของสกุลหว่านเสียหน่อย” สตรีที่มาด้วยกันเอ่ยขึ้นเสียงเบา นางคงจะเกรงใจหลี่น่า เพราะคนทั่วเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าสกุลเหอมิได้รุ่งเรืองอย่างเมื่อก่อน ทั้งยังติดหนี้สินเสียจนต้องขายของมีค่าชดใช้
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าเป็นบุตรสาวสกุลเหอ สุราหวานนี้ก็เป็นสูตรของสกุลเหอเช่นกันเจ้าค่ะ” มือขาวรินสุราลงจอกให้เหล่าฮูหยินได้ลองชิม
“นี่ใช่สุราแน่หรือ รสดียิ่งนัก”
“หากฮูหยินชื่นชอบ วันหลังเชิญที่ร้านของสกุลเหอได้เจ้าค่ะ ตั้งอยู่ที่ท้ายตลาด” เมื่อมีช่องให้พูด หลี่น่าก็ไม่ลืมที่จะโปรโมตร้านของตนเอง
“ข้าย่อมไปอุดหนุน ตอนนี้ข้าขอเช่นนี้สองไห…ข้าจะไม่เมาแน่ใช่หรือไม่”
“ไม่เมาเจ้าค่ะ แต่ถ้ามากกว่านี้อาจจะหลับคาโต๊ะได้เจ้าค่ะ ฮ่าๆ” เหล่าฮูหยินต่างหัวเราะชอบใจ กับความช่างพูดช่างจาของหญิงสาว คงจะมีอยู่ผู้เดียวที่ดูจะไม่ค่อยถูกชะตากับหลี่น่าสักเท่าใด
“ท่านย่ามองสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ” ฟ่งหยู่เยียนมองตามสายตาของฮูหยินเฒ่าสกุลจ้าว จ้าวผู่เยว่
“มองสตรีที่อยู่ซุ้มสุรานั่น เป็นสาวเป็นนาง ไปยุ่มย่ามกับการค้าขายของมึนเมาเช่นนั้นได้อย่างไร มิเหมาะเลยสักนิด” จ้าวผู่เยว่ เคร่งครัดเรื่องขนมธรรมเนียมมาแต่ไหนแต่ไร สตรีต้องอยู่กับเรือน คอยปรนนิบัติสามี มิยุ่งเรื่องนอกเรือน บุรุษทำงานรับใช้แผ่นดิน ส่งเสริมสกุลให้เจริญก้าวหน้า
“นั่นเป็นคุณหนูสกุลเหอเจ้าค่ะ”
“อ่า เพราะเป็นสกุลพ่อค้ากระมัง จึงมิเคร่งเรื่องพวกนี้ เยียนเอ๋อร์อย่าได้ปฏิบัติเช่นนี้เล่า หน้าที่ของสตรีคือปรนนิบัติสามี วันหน้าแต่งเข้าสกุลจ้าว จะต้องเพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาท และรูปร่างหน้าตา” สาวแรกรุ่นยกยิ้มเอียงอาย ก่อนทั้งสองจะพากันเข้าไปนั่งในงานพิธี
.
.
“นี่น่ะหรือ เจ้าของสุราที่เราดื่มเมื่อครู่”
“พ่ะย่ะค่ะ นางเป็นบุตรสาวสกุลเหอ” หลี่น่าเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบเข้ากับชายวัยกลางคนที่มีกลิ่นอายสูงศักดิ์ ข้างกันเป็นสหายที่ไม่ได้อยู่บัญชีรายชื่อของนาง
“หลี่น่า ผู้นี้คือชินอ๋องหยางหมิงจง พระองค์เป็นอาจารย์ของข้า” เรื่องการรบ การศึกต่างๆ หวังหย่งก็ได้ชินอ๋องผู้นี้เป็นคนถ่ายทอดวิชาให้
“คารวะท่านอ๋องเพคะ” หลี่น่าดึงเอินเอินที่อยู่ข้างกายให้ก้มคำนับ
“แม่นางช่วยแนะนำสุราเหล่านี้ให้ข้าทีเถิด ข้าจะเลือกไปให้ชายาลองดื่ม”
“ดะ ได้เพคะ ท่านอ๋องต้องการที่ออกฤทธิ์แรงหรือไม่เพคะ” ใจดวงน้อยเต้นระรัว ไม่คิดว่าสุราของนางจะถูกปากคนใหญ่คนโต ถึงขั้นจะนำไปฝากภรรยา
“ขอฤทธิ์อ่อนเถิด ชายาข้าเมาง่าย ทานสุราเพียงจอกเดียวก็ล้มพับไปเสียแล้ว”
“เช่นนั้นหม่อมฉันแนะนำเป็นสุราหวานฤทธิ์อ่อนเพคะ สตรีดื่มได้ มีรสชาติของสุราบางเบา เพราะถูกกลบด้วยกลิ่นและรสชาติของน้ำผลไม้เพคะ” ปากเล็กขยับพูดเจื้อยแจ้ว กิริยาท่าทางการแนะนำสินค้า ก็คล่องแคล่วราวกับซักซ้อมมาเป็นอย่างดี ทุกการขยับร่างกาย จึงดึงดูดสายตาของแม่ทัพหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกันได้เป็นอย่างดี
“เช่นนั้นข้าขอเป็นสุราที่มีรสหวานสักไห”
“ได้เพคะ” เอินเอินรีบหันไปจัดเตรียม แล้วให้บ่าวไพร่ของสกุลหว่านมารับไปเก็บที่รถม้าของท่านอ๋อง
“จริงสิ เจ้าเป็นสหายกับแม่ทัพจ้าวอย่างนั้นหรือ”
“หม่อมฉันเป็นเพียงบุตรพ่อค้า ไหนเลยจะกล้าไปเป็นสหายกับแม่ทัพใหญ่ของแคว้นได้เพคะ”
“หึๆ เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสหายกับนางฝ่ายเดียวหรือหวังหย่ง ฮ่าๆ ข้าพึ่งเคยเห็นเจ้าถูกปฏิเสธก็วันนี้” เมื่อหัวเราะจนพอใจ ชินอ๋องของแคว้นก็เดินจากไป ทิ้งให้หลี่น่ายืนประจันหน้ากับหวังหย่งเพียงลำพัง
“เรามิได้เป็นสหายกันแล้วหรือ” ใบหน้าเรียบนิ่งราวกับรูปปั้นแกะสลัก ของอีกฝ่าย เป็นสิ่งที่หลี่น่าเกลียดที่สุด
ขนาดว่าตนเองเป็นฝ่ายมาง้อ ยังมาทำหน้านิ่งใส่กันอีก
“ข้ายังไม่หายโกรธท่าน หลบไปๆ ข้ายังต้องทำงานต่อ” มือเล็ก โบกไล่ แต่ร่างสูงก็ยังไม่ยอมหลีกหนีไปไหน กระทั่งมีชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นเข้ามาทักทายหลี่น่า
“ข้าขอสุราหนึ่งไห- หลี่เอ๋อร์หรอกหรือ”