บัดนี้คนสกุลเหอกำลังนั่งเคร่งเครียดอยู่ในห้องโถง ทั้งนายทั้งบ่าว ต่างหน้านิ่วคิ้วขมวด จนบรรยากาศในเรือนสกุลเหอเต็มไปด้วยความอึดอัด เหวินจงที่ถูกเรียกมาอย่างกะทันหัน ก็พลอยเกร็งไปกับเขาด้วย
“คุณหนูสกุลหว่านต้องการสุราหวาน 100 ไห ไปใช้ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของท่านราชครูหว่าน ในอีกยี่สิบวันข้างหน้า” หลี่น่าเอ่ยบอกกับเหวินจง
“ห๊า! ระ ร้อยไหหรือขอรับ” เหวินจงอ้าปากค้าง ตกใจกับจำนวนสุราที่เขาต้องทำ
“เจ้าค่ะ” หลี่น่าพยักหน้าตอบรับ ยามที่นางนำเรื่องมาบอกกับครอบครัว พวกเขาก็ทำท่าทีตกใจเช่นนี้เหมือนกัน
เรื่องราวมีอยู่ว่า นางและครอบครัวไปขายสุราหวานที่ท้ายตลาดตามปกติ ทว่าเมื่อเก็บของเตรียมจะกลับเรือน ก็มีคุณหนูสกุลใหญ่เข้ามาขอพูดคุยกับหลี่น่า นางจึงแยกตัวออกมาพูดคุยกับคุณหนู และได้ความว่า ในอีกยี่สิบวันข้างหน้า คุณหนูหว่านจะจัดงานเลี้ยงให้บิดาของนาง จึงอยากได้สุราหวานไปเลี้ยงแขกเหรื่อในงาน คุณหนูผู้นี้รู้จักกับหวังหย่ง เขาจึงแนะนำให้มาขอซื้อสุราหวานจากหลี่น่า หญิงสาวเห็นว่าเป็นโอกาสดี ที่สุราหวานจะได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น หลี่น่าจึงตอบรับไปทันควัน
เรื่องที่โกรธหวังหย่ง นางก็ยังโกรธอยู่ แต่เรื่องเงินต้องมาก่อน
“พวกข้าจึงนั่งเครียดอยู่นี่อย่างไร” นายท่านเหอถึงกับยกมือกุมขมับ
“ใจเย็นลงก่อนเถิดขอรับ เราแก้ไปทีละอย่างเถิด…ก่อนอื่นเราทำกันเพียงห้าหกคน ไม่ไหวแน่ จะต้องจ้างคนมาช่วยขอรับ” เหิงเยว่เอ่ยได้ถูกต้อง สุราตั้งร้อยไห จะให้ท่านลุงเหวินจงหมักเพียงคนเดียว คงเสร็จไม่ทันวันงาน
“คนงานที่ข้าน้อยเคยจ้าง เสียค่าแรงวันละ 100 อีแปะขอรับ”
“เหตุใดค่าแรงจึงถูกนักเจ้าคะ ที่นี่ไม่มีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำหรือ” คุณหนูเหอถึงกับตกใจ นางมิคิดว่าค่าแรงของคนงานจะถูกถึงเพียงนี้ ทำงานวันหนึ่ง ยังซื้อสุราหวานของนางมิได้เลยด้วยซ้ำ นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมื่อก่อนท่านลุงเหวินจงต้องทำสาโทไว้กินเอง
“เอ่อ สาเหตุที่ค่าแรงถูก เพราะสวนผลไม้สกุลเหอ ตั้งอยู่ที่ชานเมืองขอรับ ผู้คนที่นั่นก็จ้างงานในราคาเท่านี้กันหมด ต่างจากในเมืองหลวงที่ค่าจ้างจะแพงกว่า”
“แต่ค่ากินค่าอยู่ที่เมืองหลวงก็แพงกว่าเช่นกัน” เข่อซิงเอ่ยสำทับสิ่งที่เหวินจงกล่าว
“เช่นนั้นก็จ้างสักสามคนเถิดเจ้าค่ะ พอรวมเราแล้วก็จะมีถึงเก้าคน คงจะทำการหมักสุรา 100 ไหได้ภายในสองวัน” มือเล็กจดบันทึกลงไปในกระดาษ ซูเจินที่พอจะอ่านออกเขียนได้ ก็มาช่วยบุตรสาวอีกแรง
“พี่ว่าเราจ้างคนมาเก็บและคั้นน้ำผลไม้ด้วยดีหรือไม่ หรือจะจ้างตอนใกล้จะถึงวันงานดี” เพราะน้ำผลไม้มิเหมือนกับสาโท ที่ต้องใช้เวลาหมักนานถึงสิบห้าวัน
“แม่ว่าค่อยทำการคั้น ก่อนวันงานสักห้าวันเถิด แม่กลัวว่ามันจะเน่าเสียไปเหมือนคราก่อน” ทุกคนในห้องโถงต่างพยักหน้าใจ
“เรื่องวัตถุดิบต่างๆ เล่าหลี่เอ๋อร์ พ่อว่าเราอาจจะต้องซื้อมาเพิ่มทั้งหมด ข้าว ลูกแป้ง น้ำตาลสำหรับทำน้ำเชื่อม และไหสุรากว่าร้อยไห” ต่างคนต่างช่วยกันเสนอความคิดเห็น จนวางแผนการออกมาเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
จากที่พูดคุยปรึกษากัน ครอบครัวสกุลเหอตัดสินใจจะซื้อข้าว ลูกแป้ง น้ำตาล เพื่อมาทำสุราหวาน คิดคร่าวๆ เสียเงินไปถึงสี่ตำลึงเงิน ในส่วนของการจ้างคนงาน ตัดสินใจว่าจะจ้างคนงานชายมาหมักสุราสามคน จำนวนสองวัน และจ้างคนงานหญิงมาคั้นน้ำผลไม้และผสมสุราหวานห้าคน จำนวนห้าวัน ทำให้สกุลเหอเสียค่าแรงงานไปอีก สามตำลึงเงินกับอีกหนึ่งร้อยอีแปะ
รวมแล้ว ต้นทุนในการทำสุราหวาน จัดส่งงานเลี้ยงที่สกุลหว่านหมดไป เจ็ดตำลึงเงินกับอีกหนึ่งร้อยอีแปะ
“หากมีเพียงเท่านี้ เราจะเหลือกำไรประมาณ 12 ตำลึงเงินเจ้าค่ะ”
“ถือว่าดีทีเดียว เพราะระหว่างที่เราทำสุราให้สกุลหว่าน เราก็จะเปิดร้านขายสุราตามปกติ” เข่อซิงหัวเราะร่วนอย่างสุขใจ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะเป็นไปตามที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
ทว่ายังติดอยู่เรื่องหนึ่ง…
“แล้วไหสุราเล่าหลี่เอ๋อร์ เราจะไปเอาที่ใดมาเพิ่มอีก ที่เราได้มาจากท่านแม่ทัพมีเพียง ห้าสิบไหเท่านั้น” ซูเจินยังคงกังวลเรื่องนี้ หากว่าต้องนำเงินมาซื้อไหสุราอีก คงจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เห็นทีจะได้ไม่คุ้มเสีย
“ที่เรือนของท่านแม่ทัพ ยังมีของอยู่อีกมากนะเจ้าคะ เราลองไปขอซื้อในราคาถูกดีหรือไม่”
“พี่เห็นด้วยกับเอินเอิน เจ้าเป็นสหายกับท่านแม่ทัพมิใช่หรือ ลองไปขอเขาดูสิ” เหิงเยว่เสนอแนวทางที่ดูเหมือนจะง่ายดาย แต่กลับยากเย็นสำหรับหลี่น่ายิ่งนัก
“ไม่เจ้าค่ะ ข้ามิอยากไปรบกวนเขา” หลี่น่ากอดอกนิ่ง จะให้นางไปขอร้องคนที่หลอกใช้นางอย่างนั้นหรือ ไม่เอาด้วยหรอก
“เช่นนั้นก็ต้องซื้อ เหวินจง เจ้าคิดว่าไหสุราห้าสิบใบ จะต้องจ่ายเงินเท่าใดหรือ”
“เรื่องนี้ข้าน้อยมิแน่ใจขอรับนายท่าน รู้เพียงว่าสองตำลึงเงินไม่พอแน่ขอรับ”
“ห๊า! มากกว่าสองตำลึงเงินเลยหรือ ตายๆ กำไรหดหายไปหมด นี่หากไปขอซื้อจากเรือนท่านแม่ทัพ บางทีอาจจะเสียแค่สองตำลึงเงิน” เสียงบ่นกระปอดกระแปดของเข่อซิง ทำให้หลี่น่าต้องกลับมาคิดทบทวนเรื่องนี้ใหม่
และแล้วหญิงสาวก็ต้องมายืนอยู่หน้าเรือนของจ้าวหวังหย่ง แม้จะทำใจมาจากเรือนแล้ว แต่นางก็ยังลังเล เดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตู จนทหารที่เฝ้ายามอยู่ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกครั้ง
“คุณหนูจะให้ข้าไปตามท่านแม่ทัพหรือไม่ขอรับ”
“…ไม่ต้อง ข้าจะกลับแล้ว” หลี่น่าจะหันหลังกลับ แต่ก็ถูกเอินเอินห้ามเอาไว้
“มิได้เจ้าค่ะคุณหนู เรายังหาไหสุราไม่ได้เลยนะเจ้าคะ หากซื้อใหม่ต้องเสียมากกว่าสองตำลึงเงิน…สองตำลึงเงินเลยนะเจ้าคะ”
“ฮึ้ย! ไม่สนแล้ว ข้ายอมเสียเงิน” ดีกว่าต้องเสียศักดิ์ศรี ไปขอร้องสหายจอมปลอมเช่นเขา ร่างบางเดินสะบัดออกมายังไม่ถึงสิบเก้า ก็ได้ยินเสียงประตูเรือนเปิดออกมา
“คุณหนูเหอมาพอดี ท่านแม่ทัพกำลังจะขนไหสุราไปให้ท่านที่เรือน” รองแม่ทัพหยวนเป็นผู้ออกปาก แท้จริงแล้วนางก็โกรธชายหนุ่มทั้งสองคน แต่ก็ไม่เข้าใจตนเองว่าเหตุใด ถึงได้โกรธหวังหย่งมากกว่า
“นำไปให้ข้าด้วยเหตุใด” ตากลมจ้องไปยังใบหน้าที่เรียบเฉยเป็นปกติ ทว่าวันนี้นางกลับเห็นสายตาหลุกหลิกของชายหนุ่ม ราวกับเขากำลังไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำ
“คุณหนูหว่านมาขอให้ข้าแนะนำเรื่องสุรา ข้าจึงแนะนำให้นางไปที่ร้านเจ้า แต่คิดว่าเจ้าคงมีไหสุราไม่พอ จึงจะนำไปให้” แม้เสียงจะเรียบนิ่งเช่นเดิม แต่สายตาคมกลับดูคาดหวังยิ่งนัก คาดหวังว่าสตรีตรงหน้าจะเอ่ยตอบรับด้วยความยินดี
“ท่านเก็บไว้เถิด ข้ามิต้อง-”
“คุณหนูต้องการเจ้าค่ะ ที่มาถึงนี่ก็เพื่อจะ-”
“เอินเอิน หยุดพูดนะ” หลี่น่ารีบยกมือปิดปากคนสนิท ถึงกระนั้นสาวใช้ตัวน้อยก็ยังไม่หยุดพยายาม เปล่งวาจาออกมาจนได้
“ที่มาถึงนี่ เพราะอยากมาขอให้ท่านแม่ทัพช่วยเจ้าค่ะ แต่คุณหนูเกรงใจท่าน” ร่างบางอับอายเหลือทน นางเป็นคนเย่อหยิ่งใส่เขาก่อนแท้ๆ แต่กลับมาขอความช่วยเหลือจากเขา น่าอายยิ่งนัก!
“ข้าเปล่าเสียหน่อย” ยังไม่ทันที่หลี่น่าจะได้ออกตัวเดินหนี กลับถูกมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้เสียก่อน
“รับไว้เถิด ถือเป็นคำขอโทษจากข้า ส่วนของที่ข้าหยิบติดมือมา จะเอาไปคืนไว้ที่เดิม”
“หึ! ข้าจะรับไว้ แต่ข้ายังไม่หายโกรธหรอกนะ บัญชีรายชื่อสหายของข้า ก็ยังไม่มีชื่อท่าน” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปขึ้นรถม้าของสกุลจ้าว จนเอินเอินถึงกับมึนงง ที่นายของตน กระทำตัวกลับไปกลับมาจนตามไม่ทัน
ก็ไหนๆ เขาจะไปเรือนนางอยู่แล้ว ทางเดียวกันไปด้วยกัน มิเคยได้ยินหรือไร
เวลาล่วงเลยไปจนถึงวันงาน ครอบครัวสกุลเหอ จึงรีบขนสุราหวานขึ้นเกวียนที่สกุลหว่านส่งมาให้ เพื่อนำไปไว้ที่เรือนสกุลหว่านตั้งแต่ปลายยามเซิน (15:00 – 16:59 น.)
“ท่านลุงเหวินจงยังไม่มาหรือเจ้าคะ” หลี่น่ามิเห็นเหวินจง จึงได้เอ่ยถาม
“ญาติของเหวินจงสิ้นลม เขาจึงมาไม่ได้” เข่อซิงตอบเพียงเท่านั้น ก็รีบขนของต่อ หลี่น่าจึงหันไปกระซิบกระซาบกับเอินเอินแทน
“ญาติของท่านลุงเหวินจงเป็นอันใดหรือ”
“เห็นเขาว่าดื่มยาปลุกกำหนัด แต่มิได้เสพสังวาสกับสตรี จึงตายเจ้าค่ะ”
“เพียงดื่มยาปลุกกำหนัด ทำให้ตายได้เลยหรือ”
“ได้มิได้ ก็ตายไปแล้วเจ้าค่ะ เขาว่าเลือดออกทวารทั้งเก้าจนตายเลยเจ้าค่ะ น่าสยดสยองยิ่งนัก” หลี่น่าถึงกับหน้าซีดด้วยความกลัว
“มาๆ ขึ้นรถม้าได้แล้ว พ่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว”
“เจ้าค่ะ” สองนายบ่าวรีบขึ้นรถม้าตามคำสั่ง ยิ่งรถม้าเคลื่อนเข้าใกล้สกุลหว่านเท่าใด ในศีรษะของหลี่น่าก็หลงลืมเรื่องน่าหวาดกลัวเมื่อครู่ แล้วนึกถึงเพียงความร่ำรวยที่จะเกิดขึ้น วงการสุรา ต้องได้รู้จักสุราหวานสกุลเหอ
เตรียมตัวเฉิดฉายแบบตัวแม่ได้เลย