13

1356 คำ
13 ดวงตาของคนที่นอนบนเตียงกลับมองเห็นชายหนุ่มในอีกภาพหนึ่ง หล่อนมองจ้องเขม็ง ดวงตาคู่นั้นแข็งกร้าว เต็มไปด้วยความอาฆาตเคียดแค้น ภาพที่แก้วตาเห็นคือภาพของหลวงรอนรณยุทธ บุรุษที่ตนรักสุดหัวใจกำลังยื่นถุงอัฐให้กับชายทั้งสี่ แล้วหันมายิ้มให้หล่อน เป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน สาแก่ใจ ก่อนที่คนที่หล่อนรักจะโอบกอดร่างของนิ่มนวล ลูกสาวเพียงคนเดียวของพระเสนาภิมุขเดินลงไปจากเรือนแก้วตา เรือนแห่งความรักเป็นภาพที่ไม่ใช่ความเป็นจริงเอาเสียเลย แรงอาฆาตแค้นสุมอก จนแทบจะมอดไหม้ เผาผลาญหัวใจของแก้วตาที่ทำแต่คุณความดีจนสิ้น หล่อนหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ดึงมีดที่ปักอยู่กลางท้องออก เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาติดๆ หล่อนย่างเท้าโซเซมายังประตู ดวงตาที่เคยอ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง ประหนึ่งมีไฟสุมอยู่ มือของแก้วตาผ่านกำแพงกระจกมาจับหัวไหล่ของกัณฑริกา จากนั้นก็กระชากให้เข้าไปอยู่ในห้อง “แก้วตาอย่า อย่าทำอย่างนั้น อย่าทำกัณฑ์ อย่าทำกัณฑ์” หลวงรอนรณยุทธที่มัวแต่สนใจกับเงาร่างของชายทั้งสี่ จึงไม่รู้ว่าร่างของกัณฑริกาถูกกระชากเข้าไปในห้อง พอเขาหันกลับมาก็พบกับภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น หลวงรอนรณยุทธรีบถลาไปยังประตูนั้นแต่ก็เหมือนกับทุกครั้ง เขาไม่อาจก้าวข้ามผ่านธรณีประตูเข้าไปในห้องได้ ได้แต่ยืนมองดูและร้องห้าม ภาพที่หลวงรอนรณยุทธเห็น ช่างเหมือนกับตอนที่แก้วตาถูกกระทำ ชายทั้งสี่กลับเข้าไปอยู่ในห้องกำลังข่มเหงย่ำยีกัณฑริกาอย่างเหี้ยมโหด โดยมีร่างของแก้วตายืนหัวเราะด้วยความสะใจอยู่ปลายเตียง “กรี๊ดดดดดดดดดด อย่าทำกัณฑ์ อย่าทำ กัณฑ์กลัวแล้ว อย่าทำกัณฑ์” กัณฑริกากรีดร้องคอเป็นเอ็น ร้องห่มร้องไห้แทบขาดใจ ร้องขอและอ้อนวอนต่างๆ นานา พวกมันทั้งสี่กำลังจะหักหาญน้ำใจเธอสำเร็จ แต่ยังเป็นเคราะห์ดีหรือผลบุญที่เธอทำไว้ไม่ทราบได้ แรงดูดเหมือนคราแรกได้ดูดร่างหญิงสาวกลับไปยังห้องนอนของเธอได้อย่างหวุดหวิด “กูจะตามจองล้างจองผลาญมึง กูจะทำให้มึงเจ็บยิ่งกว่าที่กูเจ็บ...ไอ้กัลป์” เสียงพยาบาทของแก้วตาดังลั่น ไล่หลังร่างของหลวงรอนรณยุทธและร่างของกัณฑริกาที่ลอยห่างออกไป แสงลมพัดผ่านรุนแรงคล้ายกับมีพายุ ต้นไม้น้อยใหญ่เอนไหวตามแรงกรรโชกของลม ดวงตาประกายสีแดงเจิดจ้าน่ากลัวจิตวิญญาณของแก้วตาเต็มไปด้วยเพลิงแค้นและแรงอาฆาต “ไม่ม่ม่มม่ม่ม่ม่ม่...อย่า” กัณฑริกากรีดร้องออกมาสุดเสียง ตื่นจากนิทราในฉับพลัน ยันตัวลุกขึ้นนั่งตรง มองไปรอบๆ ด้วยสายตาตื่นตระหนกตกใจสุดขีด เหงื่อมากมายไหลอาบใบหน้า ปากคอสั่น หัวใจเต้นกระหน่ำรุนแรงดังตุ้บๆๆๆ โอ้...มันคือฝันหรือนี่ ช่างเป็นความฝันที่โหดร้าย เป็นฝันร้ายที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ทำไมนะ ทำไม ทำไมความฝันมันช่างเหมือนจริงเช่นนี้ กัณฑริการู้สึกว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์เลวร้ายนั้นจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับสถานที่แห่งนั้น เหตุใดชายใจหยาบจึงกระทำกับสตรีไม่มีทางสู้ได้ลงคอ ชายผู้นั้น...หลวงรอนรณยุทธกำลังจะบอกอะไรกับเธอ หญิงคนนั้น...แก้วตามีจิตแรงอาฆาตมากมายเหลือเกิน มากจนเธอกลัว เหตุใดเธอจึงฝันถึงเรื่องราวป่าเถื่อนนี้ได้ ราวกับว่าตั้งใจให้เห็นก็ว่าได้ มันเกิดอะไรขึ้น สองคนนี้เกี่ยวโยงกับเธอได้อย่างไร กัณฑริกาหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ มือเล็กแนบลงตรงก้อนเนื้อด้านซ้ายของทรวงอกที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ใจเธอยังสั่นไม่หยุด ความตื่นเต้น หวาดกลัวยังมีให้เห็นบนใบหน้าสาวชื้นเหงื่อ อยู่ๆ คนที่ฝันร้ายก็นึกถึงหลวงพ่อเกษมขึ้นมา มือจึงเลื่อนไปที่ลำคอ ลูบคลำช้าๆ ก่อนที่สาวสวยจะเอี้ยวตัวไปหยิบสร้อยพระที่หลวงพ่อรูปนั้นให้มา พนมมือไหว้แล้วจัดการสวมใส่คออีกครั้ง หลังจากที่เธอถอดออกตอนอาบน้ำ “คุณพระเจ้าขา คุ้มครองลูกด้วย ได้โปรดคุ้มครองลูกด้วยเถิด” กัณฑริกาไหว้พระที่คล้องสร้อย กล่าวคำภาวนาขอพรให้พระคุ้มครองตนเองให้อยู่รอดปลอดภัยจากสิ่งเลวร้ายทั้งปวง เรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยจากเรื่องเลวร้ายเมื่อมีสร้อยพระคล้องคอ ใจที่เต้นเร็วแรงค่อยๆ ลดระดับลง ความหวาดกลัวจางหายไปทีละนิด แต่ก็ไม่หมดหายไปจากใจ “กัณฑ์ กัณฑ์เป็นอะไรลูก ร้องดังลั่นบ้านเลย” ดวงเดือนได้ยินเสียงลูกสาวร้องตะโกน จึงรีบวิ่งมายังห้องของกัณฑริกาทันที เพราะกลัวว่าลูกสาวสุดที่รักจะเป็นอันตราย คนเป็นลูกรีบโผกอดร่างของมารดาไว้แน่น ร้องไห้ตัวโยน “กัณฑ์ กัณฑ์ฝันร้ายค่ะแม่ กัณฑ์ฝันร้ายค่ะ” เธอตอบมารดาเสียงสั่นเครือ “โถ...ลูก คงจะฝันร้ายมากๆ เลย ดูสิร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ไม่เป็นไรแล้วนะลูก แม่อยู่นี่แล้ว แม่อยู่นี่” ดวงเดือนกระชับร่างบุตรสาวแน่นกว่าเดิม ปลอบประโลมด้วยคำพูด “กัณฑ์ฝันว่าอะไรลูกเล่าให้แม่ฟังสิ” คนที่ตกอยู่ในอาการหวาดกลัวชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของมารดา หากเธอเล่าความฝันให้มารดาฟัง ดวงเดือนก็คงบอกว่าเธอดูละครมากเกินไป กัณฑริกาจึงเลี่ยงที่จะบอกเล่าความฝันให้มารดาฟัง “กัณฑ์ลืมไปแล้วค่ะแม่ ก็มันน่ากลัวนี่คะพอตกใจตื่นก็ลืมหมดเลย” “กัณฑ์ลูกรัก มันก็แค่ความฝันนะลูก อย่าเก็บมาคิดมาใส่ใจเลย ถ้าฝันร้ายก็สวดมนต์ก่อนนอนสิลูก ฝันร้ายจะได้กลายเป็นดี” ประโยคนี้ไม่ใช่ประโยคแรกที่ดวงเดือนบอกกับกัณฑริกา คนเป็นลูกจำได้อย่างแม่นยำว่า ในวัยเจ็ดปีเธอเริ่มฝันถึงชายสูงศักดิ์ที่บอกเธอว่าเขาชื่อหลวงรอนรณยุทธ ในครั้งแรกเธอคิดว่าเป็นความฝันธรรมดา แต่ไม่ใช่อย่างที่คิด กัณฑริกากลับฝันเห็นหลวงรอนรณยุทธมาหยุดยืนข้างเตียงบ่อยขึ้น ยิ้มให้บ้าง ยืนร้องไห้บ้าง บางครั้งก็พูดพึมพำฟังไม่ถนัดนัก เมื่อฝันถึงบ่อยครั้งเธอจึงบอกเล่าความฝันของตนให้มารดาฟัง ทว่าดวงเดือนกลับโต้กลับมาว่า ไร้สาระ ฝันก็คือฝัน หาสาระสำคัญอะไรไม่ได้ อย่าเก็บมาคิดและใส่ใจ ตั้งแต่นั้นมากัณฑริกาไม่เคยปริปากเล่าถึงความฝันให้มารดาฟังอีกเลย “ค่ะแม่” เธอรับคำเสียงสะอื้นดวงเดือนดันร่างกัณฑริกาให้ออกห่างกายเล็กน้อย ใช้ฝ่ามือปาดน้ำตาไหลเคลียแก้มลูกสาว ก่อนจะเลื่อนมือมาลูบศีรษะของคนฝันร้าย “คืนนี้แม่จะนอนเป็นเพื่อนนะลูก” “ค่ะแม่” กัณฑริกาตกปากรับคำในทันที เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าหากหลับอยู่คนเดียวบนเตียงเธอจะฝันร้ายอีก มีมารดานอนข้างกายเธอรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น “งั้นนอนนะลูก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” ผู้เป็นแม่ดันร่างของบุตรสาวให้นอนบนเตียง ก่อนที่นางจะเอนกายนอนข้างลูกสาว พาดลำแขนลงบนเอวของลูกสาวที่ขยับตัวเข้ามาซุกอกอุ่นของมารดา “หลับนะลูก หลับซะ แม่จะคุ้มครองกัณฑ์จากฝันร้ายเองนะลูก” ดวงเดือนเอ่ยบอกกัณฑริกาที่ปิดเปลือกตาลงอย่างง่ายดายไม่แข็งค้างเหมือนพักใหญ่ที่ผ่านมา เสียงเพลงขับกล่อมเด็กดังผ่านปากของผู้เป็นแม่เบาๆ มืออบอุ่นลูบศีรษะกัณฑริกาตลอดเวลา ไม่นานเธอก็หลับสนิทแนบอกมารดา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม