1
ปีพุทธศักราช 2453
ปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สายฝนเย็นฉ่ำตกลงมากระทบกับร่างสาวแรกแย้มที่นอนตะแคงอยู่บนพื้นดินเปียกแฉะ มือและเท้าของหล่อนถูกพันธนาการด้วยเชือกเส้นหนา ความเย็นจากสายน้ำฝนทำให้เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับเปิดอย่างเกียจคร้าน หล่อนเพ่งนัยน์ตาฝ่าความมืดที่ไร้ซึ่งแสงของพระจันทร์ อีกทั้งสายฝนยังคงตกกระหน่ำไปยังคนกลุ่มหนึ่งที่ย่างก้าวเข้ามาใกล้จุดที่หล่อนนอนอยู่
“ทะ...ท่านเจ้าคุณ”
หล่อนเอ่ยชื่อของบุคคลน่าเกรงขามที่เดินนำหน้าด้วยน้ำเสียงเบาหวิว พยายามจะชันกายลุกขึ้นนั่ง ทว่าร่างกายไม่ตอบสนองตามความตั้งใจ กระดิกร่างกายไม่ได้แม้แต่น้อยทุกส่วนมันตึงไปหมดเจ็บระบมเป็นที่สุดตรงข้อมือและข้อเท้า แก้วตาเพิ่งรู้สึกตัวตอนนี้เองว่า หล่อนถูกจับมัดมือและเท้าไว้
“ตื่นแล้วหรืออีแก้วตา”
เสียงทรงอำนาจของพระยาภักดีบดินทร์กล่าวขึ้น ก้มมองคนรักของลูกชายด้วยประกายตารังเกียจปนสมเพชคนที่ถูกทักทายมองใบหน้าของชายชราวัยหกสิบสองปีด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดตัวเองจึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เปรียบประดุจเชลยก็ไม่ปาน
“ท่าน...เจ้าคุณ”
“ใช่กูเอง” พระยาภักดีบดินทร์ขานรับด้วยน้ำเสียงดังกังวาน
“ท่านเจ้าคุณ ทำเยี่ยงนี้กับอิฉันทำไมเจ้าคะ”
แก้วตาถามถึงเหตุผลที่ตนเองต้องตกอยู่ในสภาพเชลย พระยาภักดีฯกระตุกยิ้ม จ้องมองไปยังดวงหน้าสวยคมเข้มของคนที่ถามเขม็ง เหตุผลที่ท่านกุมตัวลูกสาวชาวสวนมาที่นี่ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ‘กำจัดหล่อนออกไปจากวงจรชีวิตของลูกชาย’
“มึงอยากรู้จริงๆ หรืออีแก้วตา ว่าเหตุใดกูจึงจับตัวมึงมาที่นี่ กูจะบอกให้เอาบุญก่อนที่มึงจะตาย มันไม่ใช่ความต้องการของกูหรอก แต่เป็นความต้องการของกัลป์ ลูกชายของกูต่างหาก” ม่านตาของคนที่ถูกมัดไว้เบิกกว้าง ไม่เข้าใจความหมายที่ชายชราสูงศักดิ์พูดมาเท่าใดนัก
“ท่านเจ้าคุณหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ อิฉันไม่เข้าใจ”
“ก็หมายความว่า ลูกชายของกูไม่ต้องการให้มึงมาวุ่นวายกับเขาอีกน่ะสิ เขาถึงให้กูมาจัดการมึงยังไงล่ะ มึงก็รู้ว่าชนชั้นไพร่เยี่ยงมึง ไม่เหมาะสมกับลูกชายของกูแม้แต่น้อย มึงไม่เจียมกะลาหัวเลยนะอีแก้วตา คนอย่างมึงเหมาะสมกับไพร่ด้วยกันมากกว่า จริงหรือไม่ไอ้เข้ม” พระยาภักดีฯ ตอบคำถามของคนที่เป็นเชลย ก่อนจะหันไปถามไอ้เข้มบ่าวผู้ซื่อสัตย์
“จริงขอรับ พระคุณท่าน”
ไอ้เข้มชายร่างดำล่ำสูงใหญ่เอ่ยตอบผู้เป็นนาย ตวัดสายตาดุร้ายมายังดวงหน้าหวานสวยของแก้วตา ดวงตาของมันนั้นเต็มไปด้วยความกระหายใคร่ โลมเลียร่างกายสาวอย่างจาบจ้วง
แก้วตาลูกสาวชาวสวนตกใจสุดชีวิต เมื่อได้ยินถ้อยคำของพระยาภักดีฯ ทุกอย่างเป็นความต้องการของกัลป์อย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ คนรักของหล่อนไม่มีวันทำอย่างนี้แน่นอน ทุกคำพูดของชายชราผู้มากยศเป็นคำเท็จทั้งสิ้น
“ไม่จริง...คุณหลวงไม่มีวันทำเยี่ยงนี้กับอิฉันได้ ท่านเจ้าคุณโกหก” หล่อนพูดทั้งน้ำตา
“ฮ่าๆๆๆ มึงนี่โง่สิ้นดีเลยนะอีแก้วตา กูพูดถึงขนาดนี้แล้วมึงยังไม่เข้าใจอีกหรือ ลูกชายของกูเป็นคนคิดแผนนี้มาทั้งหมด กัลป์หลอกให้มึงมาที่นี่ เพื่อที่จะให้กูจัดการกับมึงให้สิ้นซาก มึงจะได้ไม่มาวุ่นวายกับลูกของกูอีก”
ดวงตาของแก้วตาขยายกว้างอีกครั้ง หัวใจดวงเล็กๆ เต้นถี่แรงจนจับจังหวะไม่ได้ สมองของหล่อนนั้นคล้ายจะหยุดทำงานชั่วคราว ความเสียใจถาโถมเข้ามาเยี่ยมเยียนความรู้สึก และหัวใจที่กำลังแตกสลาย
กัลป์หลอกให้หล่อนมาที่นี่ โดยการให้แม้นบ่าวในเรือนมาส่งข่าวนัดแนะให้แก้วตามาหาคนรักที่ “เรือนแก้วตา” เรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงปลูกห่างจากหลังบ้านของพระยาภักดีฯค่อนข้างมาก เป็นเรือนแห่งความรักที่ทั้งสองมักมาพลอดรักกันบ่อยครั้ง
เมื่อแก้วตาเดินทางมาถึงเรือนแก้วตาก็พบว่าประตูเรือนที่ลั่นดาลเอาไว้ถูกเปิดออก นั่นหมายความว่ากัลป์ได้เดินทางมาถึงที่นี่ก่อนหน้าหล่อนแล้ว แก้วตาจึงก้าวเดินผ่านธรณีประตูด้วยความดีใจ พอหญิงสาวเข้าไปในเรือนไม้เพียงไม่กี่ก้าว เหมือนมีอะไรแข็งๆ กระทบกับท้ายทอยของหล่อนอย่างแรง ก่อนที่สติสัมปชัญญะของแก้วตาจะหมดลง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สายฝนตกลงมากระทบกับร่างกาย
“ไม่...ไม่จริง” แก้วตาไม่อยากจะเชื่อกับคำพูดสะเทือนใจที่ได้ยิน กัลป์หมดรักหมดอาลัยในตัวหล่อน ความเสียใจที่มีนั้นมันน้อยกว่าการที่เขาทำเช่นนี้กับหล่อนเสียอีก
“มึงนี่พูดยากพูดเย็นจริงนะอีแก้วตา กูจะไม่เสียเวลาพูดอะไรให้มึงเข้าใจอีกแล้ว รู้ไว้อย่างเดียวว่า กัลป์ลูกชายของกูกำลังจะแต่งงาน กัลป์ต้องการให้มึงออกไปจากชีวิตของเขา...อย่างถาวร”
พระยาภักดีฯพูดอย่างโหดเหี้ยม ท่านไม่ต้องการให้แก้วตาที่เป็นเพียงลูกสาวชาวสวนมาเป็นลูกสะใภ้ ตำแหน่งนี้มีหญิงสาวที่เหมาะสมและคู่ควรอยู่แล้ว ท่านจึงต้องกำจัดแก้วตาให้พ้นทาง ก่อนที่ลูกชายของท่านจะกลับมาจากหัวเมือง แล้ววันนี้คือฤกษ์งามยามดีในการกำจัดคนรักของลูกชาย
“ท่านอย่าทำอะไรอิฉันเลยนะเจ้าคะ อิฉันสาบานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณหลวงอีกแล้ว ปล่อยอิฉันไปเถอะเจ้าค่ะ อิฉันจะไม่มาให้คุณหลวงและคนในเรือนของท่านเจ้าคุณเห็นหน้าอีก อย่าทำอิฉันเลยเจ้าค่ะ”
แก้วตาพยายามร้องขอชีวิต เมื่อเห็นเข้มดึงมีดสั้นออกมาจากผ้าขาวม้าที่คาดอยู่รอบเอว เหตุใดกัลป์ต้องเอาชีวิตของหล่อนด้วย เพียงแค่บอกแก้วตาก็พร้อมจะเดินออกไปจากชีวิตของเขา ตลอดระยะเวลาหล่อนเจียมตัวเจียมใจเสมอ รู้อยู่แก่ใจดีว่าตนเองนั้นไม่คู่ควรกับชายหนุ่ม พยายามหักห้ามใจแต่ก็หาได้ทำสำเร็จไม่ รู้ทั้งรู้ว่าเส้นทางรักของตัวเองนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้หอม มีอุปสรรคกีดขวางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชั้นวรรณะหรือฐานะ แก้วตาก็ยังปักใจรักเขาจนสุดหัวใจ
แก้วตาเป็นเพียงลูกชาวสวนผลไม้ที่ส่งผลไม้ให้กับเรือนของพระยาภักดีบดินทร์มาช้านานตั้งแต่รุ่นทวด แล้วสืบต่อกันมาจนถึงรุ่นบิดาของหล่อน หญิงสาวแรกพบสบตากับคุณกัลป์ในวันที่หล่อนต้องนำผลไม้ไปส่งแทนมารดาที่ป่วย นับตั้งแต่วันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งความรักเบ่งบานในหัวใจ
“มึงอย่าร้องขอชีวิตกูเลย เพราะกูไม่ได้ต้องการให้มึงตาย ทุกอย่างเป็นความต้องการของกัลป์ ไอ้เข้มจัดการ”
เจ้าคุณภักดีฯเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ดวงตาเหี้ยมเกรียมไร้ซึ่งความเมตตา สั่งบ่าวเสร็จก็หมุนตัวเดินออกห่างร่างสาวน้อย โดยมีไอ้เหิมบ่าวในบ้านอีกคนคอยกางร่มให้ โดยไม่สนใจเสียงอ้อนวอนของแก้วตาที่ทะลุฝ่าสายฝนเข้ามากระทบกับหูของเขาเลย
“ท่านเจ้าขา ได้โปรดอย่าทำอะไรอิฉันเลยเจ้าค่ะ อิฉันสัญญาว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับคุณหลวงอีกต่อไป ท่านเจ้าคุณโปรดเมตตาอิฉันเถอะนะเจ้าคะ กรี๊ดดดดด”
แก้วตาร้องตะโกนขอความเมตตาแข่งกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทั้งๆ เมื่อครู่ฝนเริ่มซาลงแล้ว เข้มใช้มีดที่อยู่ในมือตัดเชือกที่รัดข้อเท้าและข้อมือของแก้วตาออก ก่อนจะแบกร่างของหล่อนขึ้นไปบนเรือนแก้วตาจับร่างเล็กโยนลงบนที่นอนสีขาว เตียงนอนที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นระหว่างหล่อนกับกัลป์
“พวกมึงจะทำอะไรกู”
แก้วตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก กวาดสายตามองเข้มและบ่าวไพรผู้ชายอีกสามคนด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ
“จะทำอะไรมึงน่ะหรือ พวกกูก็จะจับมึงทำเมียก่อนที่จะเชือดคอมึงนะสิ มึงไม่น่าหวังสูงเลยอีแก้วตา ถ้ามึงมองพวกกูสักนิด มึงก็จะไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้”
ไอ้เข้มพูดเสียงเหี้ยมก้าวขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว มือดำๆ จับท่อนแขนขาวกลมกลึงของแก้วตาเอาไว้มั่น กระชากเสื้อให้หลุดออกจากกายสาว
“กรี๊ดดดดดดด อย่าทำกู อย่าทำกู อย่า...”
แก้วตาเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่อาจสู้แรงของชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนได้ เสียงกรีดร้อง เสียงอ้อนวอน เสียงร้องไห้ดังออกมาจากลำคอของหญิงสาวผู้น่าสงสารตลอดเวลา แข่งกับสายฝนที่ตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ความเสียใจประดังเข้ามาในหัวใจที่แหลกละเอียด แก้วตาไม่คิดเลยว่าคนที่หล่อนมอบหัวใจและมอบกายให้จะทำกับตัวเองได้ถึงขนาดนี้ ส่งคนมาย่ำยีทั้งกายและหัวใจ ประทับคาวราคีไว้ให้อย่างเจ็บปวดรวดร้าวที่สุดในชีวิต ทั้งๆ ที่กัลป์รู้อยู่เต็มอกว่า หล่อนกำลังตั้งท้อง กัลป์ทำกับลูกกับเมียอย่างนี้ได้อย่างไร แม้ไม่เห็นกับหล่อนก็น่าจะเห็นแก่ลูกในไส้ของตัวเองบ้าง พลันความรักกลับกลายเป็นความแค้น...ความแค้นที่เคลื่อนเข้ามาฝังรากในหัวใจของแก้วตา หล่อนสาบานกับตัวเองว่า จะไม่มีวันให้อภัยเขาจนกว่ากัลป์จะชดใช้ในสิ่งที่ทำไว้กับหล่อน