11
“กัณฑ์กรวดน้ำพร้อมกับคนอื่นไม่ได้ค่ะ” เธอตอบเหมือนทุกครั้งที่ถูกถาม
“ทำไมล่ะโยม ทำไมโยมถึงกรวดน้ำพร้อมกับคนอื่นไม่ได้” พระภิกษุรูปนั้นถามต่อ
“กัณฑ์ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงค่ะ แต่พอเวลากัณฑ์กรวดน้ำที่ไร ลมมันก็จะพัดน้ำที่กัณฑ์กรวดเสมอค่ะ กัณฑ์ก็เลยต้องมากรวดน้ำข้างนอก” กัณฑริกาตอบเหมือนกับทุกครั้งเช่นกัน
“อาตมาจะไม่ถามต่อว่าทำไม อาตมาอยากจะแนะนำโยมข้อหนึ่งว่า มีวิธีกรวดน้ำร่วมกับคนอื่นได้เหมือนกัน เพียงแค่โยมแตะตัวของคนที่ถือขันกรวดน้ำ แล้วโยมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ใครที่ปรารถนา คนๆ นั้นก็ได้บุญไม่ต่างกัน สายลมอาจจะพัดพาสายน้ำที่โยมกรวดได้ แต่คงไม่สามารถพัดพาสายน้ำที่โยมคนอื่นกรวดได้ ลองทำดูนะโยม”
พระภิกษุรูปนั้นหรือหลวงพ่อเกษมให้คำแนะนำที่กัณฑริกาไม่เคยทำมาก่อน เพราะส่วนมากเธอจะปลีกตัวมากรวดน้ำเองต่างหากเสมอ ลืมคิดถึงข้อนี้เสียสนิท ทั้งที่เห็นคนอื่นเขาทำกันในลักษณะนี้เช่นกัน แต่ไม่รู้ทำไมว่าถึงไม่ทำตามคนอื่นบ้าง
“ขอบคุณค่ะหลวงพ่อสำหรับคำแนะนำ”
กัณฑริกาพนมมือไหว้และกล่าวคำขอบคุณ หลวงพ่อมองใบหน้างามพริ้งเพราของอีกฝ่ายนิ่ง จ้องลึกเข้าไปในแววตาใสซื่อ ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา
“โยมเป็นคนคิดดีทำดีมาตั้งแต่อดีตชาติ จงทำความดีไว้มากๆ แล้วความดีที่โยมสะสมจะทำให้โยมผ่านเรื่องเลวร้ายที่กำลังย่างเข้ามาในชีวิต ทุกคนที่เกิดมาต้องชดใช้กรรมที่ตนเองก่อไว้ในอดีตทั้งนั้น ไม่มีใครหลีกหนีพ้น”
คำพูดของหลวงพ่อองค์นี้ช่างคล้ายคลึงกับคำพูดของแม่ชีในวัดแห่งหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ใช่คำพูดเดียวกันทั้งหมด แต่ทว่าความหมายนั้นไม่ต่างกันเลย จนเธออดจะสงสัยไม่ได้ว่า ตนเองนั้นไปสร้างกรรมสร้างเวรไว้กับใคร
“หลวงพ่อหมายความว่ายังไงคะ”
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อาตมาพูดมากไม่ได้หรอกโยม เวลาที่เขาจะมาเอาคืนใกล้ขึ้นมาทุกทีแล้ว จำเอาไว้นะโยม ความดีชนะทุกสิ่งเสมอ หมั่นสร้างความดีให้หนุนนำในชาตินี้และชาติหน้านะโยม”
ประโยคนี้ช่างคล้ายกับคำพูดของแม่ชีเช่นกัน ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับกัณฑริกามากขึ้น
“หลวงพ่อจะบอกอะไรกัณฑ์คะ” หลวงพ่อไม่ตอบ ล้วงหยิบบางอย่างในย่ามออกมา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะหินข้างต้นไม้
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อาตมาขอให้โยมสวมพระองค์นี้อย่าให้ห่างคอ เรื่องร้ายจะได้กลายเป็นเบา อาตมาพูดได้แค่นี้แหละ อย่าลืมที่อาตมาบอกนะ ความดีจะชนะทุกสิ่งเสมอ”
หลวงพ่อเกษมเดินจากไปด้วยท่าทางสำรวมทันทีที่พูดจบ กัณฑริกาลุกขึ้นยืนเอื้อมมือไปหยิบสร้อยเงินที่คล้องพระเครื่ององค์หนึ่งขึ้นมาดู พลางหันไปพนมมือไหว้ขอบคุณหลวงพ่อก่อนจะสวมสร้อยเส้นนั้นตามคำบอกของท่านด้วยความปลาบปลื้มที่ อย่างน้อยก็มีพระคุ้มครอง คุ้มกายให้สบายใจ
ฝ่ายหลวงพ่อเกษมเมื่อเดินห่างกัณฑริการาวหนึ่งร้อยเมตร ท่านก็เกิดอาการไอสองสามครั้ง มีอาการแน่นหน้าอกตามมา ก่อนจะกระอักออกมาเป็นเลือดไหลออกจากมุมปาก หลวงพ่อเดินโซเซไปนั่งเก้าอี้ไม้ของวัด มือเหี่ยวย่นล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากย่าม เช็ดคราบเลือดที่ไหลเปรอะ
“มันคงถึงเวลาแล้ว คงถึงเวลาแล้ว”
หลวงพ่อพูดพึมพำกับตนเองประหนึ่งรู้อะไรบางอย่าง เพียงแต่ว่าท่านไม่อาจปริปากพูดออกมาได้ เพราะทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม...กรรมที่ตามติดทุกชีวิตบนโลกใบนี้
หนึ่งเดือนต่อมา
กัณฑริกากำลังง่วนอยู่กับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ที่นี่ บ้านที่อาศัยมาตั้งแต่เกิด เพราะนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอกับมารดาจะมีที่พักพิงแห่งใหม่ สถานที่นั้นคือบ้านของรัตเมธ นึกๆ แล้วก็รู้สึกใจหายไม่น้อยกับการจากลาถิ่นฐานที่พักพิงมาตั้งแต่เยาว์วัย
“กัณฑ์” เสียงเรียกชื่อเจ้าของห้องดังผ่านปากดวงเดือน สตรีวัยกลางคนที่คงความสะสวยไม่เปลี่ยนไปตามวัย
“คะแม่” คนที่ขานรับก็มีความงดงามไม่ต่างกัน งามทั้งรูปกายภายนอกและจิตใจ
“เก็บเสื้อผ้าเสร็จหรือยังลูก” ดวงเดือนเอ่ยถามลูกสาวก้าวเดินมานั่งริมเตียง
“ใกล้แล้วค่ะแม่”
“กัณฑ์โกรธแม่ไหมลูกที่แม่ยกบ้านหลังนี้ให้นิภา”
นิภาคือน้องสาวของอดีตสามีที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้นิภากำลังลำบากหย่าขาดกับสามี ยอมแบกภาระหนี้สินที่ตนเองไม่ได้ก่อเพราะต้องการใบหย่า ต้องเช่าบ้านอยู่กับลูกอีกสองคน ทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อปลดเปลื้องหนี้สิน ดวงเดือนรับรู้เรื่องราวแล้วอดสงสารไม่ได้ ครั้นจะให้เงินทองนางก็ไม่มีมากพอ ดวงเดือนจึงตัดสินใจยกบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นน้ำพักน้ำแรงของสามีให้นิภา อย่างน้อยๆ นิภาก็มีที่อยู่ที่อาศัยเป็นการถาวร แบ่งเบาภาระของอดีตน้องสามีได้ทางหนึ่ง เพราะถึงอย่างไรนางกับลูกสาวก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านรัตเมธ บ้านหลังนี้ก็ต้องปล่อยให้ทิ้งร้าง ยกให้นิภาคือสิ่งที่นางคิดว่าถูกต้องและดีที่สุดแล้ว คนเป็นลูกหันมาทางมารดาแล้วยิ้ม
“ไม่โกรธค่ะ กัณฑ์ตามใจแม่ แม่ว่ายังไงกัณฑ์ว่าอย่างนั้น อานิภาก็ไม่ใช่คนอื่นไกลเป็นอาของกัณฑ์แท้ๆ”
กัณฑริกาไม่เคยโกรธดวงเดือนเลยแม้แต่น้อย เกี่ยวกับเรื่องการยกบ้านหลังนี้ให้ผู้เป็นอา เธอตามใจมารดาทุกอย่าง ไม่ขัดขวางที่ดวงเดือนมีคนรักใหม่และกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอดีใจด้วยซ้ำไปที่มารดามีคนปกป้องดูแล มีเพื่อนในยามแก่ยามเฒ่า อีกประการหนึ่งดวงเดือนลำบากเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่บิดาเสียชีวิต มีทางไหนที่จะทำให้ดวงเดือนมีความสุข กัณฑริกาพร้อมที่จะทำ
“ขอบใจมากนะลูกที่เข้าใจแม่”
เสียงอ่อนโยนของดวงเดือนถูกเปล่งออกไปพร้อมรอยยิ้ม นางปลื้มอกปลื้มใจ และภูมิใจในตัวของลูกสาวเป็นอย่างมาก ตั้งแต่กัณฑริกาเกิดมาไม่เคยทำเรื่องให้นางรำคาญใจเลยสักครั้ง เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังคำสั่งสอนของนางทุกอย่าง ตั้งใจเรียนหนังสือไม่เคยเรียกร้องหาสิ่งของฟุ่มเฟือยที่ล่อตาล่อใจ
“กัณฑ์เข้าใจแม่ค่ะ และรักแม่ที่สุดในโลกเลย”
ลำแขนเรียวเล็กของกัณฑริกาโอบกอดร่างของมารดาที่เธอเคารพรักสุดหัวใจ มืออบอุ่นของผู้เป็นแม่ลูบศีรษะคนเป็นลูกเบาๆ ช้าๆ อย่างสุดแสนรัก
“แม่ก็รักกัณฑ์ลูก รักมากที่สุดในชีวิต” ไม่มีความรักไหนจะยิ่งใหญ่เท่าความรักของแม่ “กัณฑ์จำเรื่องที่แม่เคยบอกกัณฑ์ได้ไหมลูก เรื่องที่คุณลุงฝากงานให้กัณฑ์ทำที่รีสอร์ต” นางเท้าความกัณฑริกาคลายอ้อมแขน ผลักตัวเองให้ห่างร่างมารดาเพียงนิดแล้วถาม