แต่แล้ว...ความฝันนั้นก็ถูกสับย่ำยีจนมอดไหม้ พวกเราถูกเจ้าหนี้โกง จ่ายไปเท่าไหร่ทั้งต้นทั้งดอกมีแต่จะเพิ่มเอาๆ จนกลายเป็นหลักหลายแสน ฉันเครียดมาก พ่อกับแม่ก็เครียดเพราะนั่นเท่ากับว่าพวกเราต้องสูญเสียบ้านและที่ดินเพื่อชดใช้หนี้สินซึ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวันๆ ดูเหมือนเราจะไม่มีทางหนีชะตากรรมเลวร้ายนั้นได้เลย
งานดราม่ายังไม่จบ...
ก่อนหน้านั้นฉันคบหากับเพื่อนชายคนหนึ่ง เขาเป็นเสมือนสิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตวัยรุ่นมีความหมายอีกมุมหนึ่งนอกจากการมีเพื่อน ช่วยชดเชยความรู้สึกที่ฉันขาดหายจากคนในครอบครัว และเป็นกำลังใจในการต่อสู้อุปสรรคทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เพราะต้องทำงานอย่างหนัก ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน อีกทั้งมาช่วงหลังเขาก็มารู้เรื่องหนี้สินทางบ้านทำให้รักแรกของฉันต้องถึงคราวอวสาน
แรงใจสูญสิ้นหดหายในยามนั้น ฉันรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวมากมายในชีวิต เล็งเห็นความเหว่ว้าที่จะต้องสิงสู่ชีวิตไปตลอดกาลนานด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล ฉันอาจไม่ได้เกิดมาเป็นที่รักของใครจริงๆ ก็ได้
แม้แต่ฉัน...ยังเหนื่อยที่จะรักตัวเอง แล้วใครที่ไหนเล่า...จะมาทนบากบั่นกับฉันไหว
แล้วฉันก็ตัดสินใจปลดปล่อยตัวเองในคืนหนึ่งโดยการดื่ม...และเมาอย่างเต็มที่ จนกระทั่งได้พบกับพี่เพิร์ท...
“โอ๊ย!!มึง!”
“อะไร...” ฉันหันมองมารีที่เอ่ยปากถามแก้วซึ่งหัวทิ่มหัวตำลงกับโต๊ะด้วยความเมาไปแล้ว
“เหล้าหมด...” มันตอบเสียงยานคราง ฉันเช็ดน้ำตาที่ชื้นแก้มตัวเอง ดึงตัวเองออกจากภาพเก่าๆ ในอดีต รู้สึกได้เลยว่าตัวเองก็เริ่มไม่เหมือนเดิมมากแล้ว มึนๆ วิงเวียนแต่ยังสามารถรับรู้สิ่งรอบข้างได้อยู่
“นี่เหล้า...ที่มึงถือนะโค้ก มันจะเหลือเหรอมึงเล่นซดเอาๆ นั่นน่ะ แถมเมาด้วยนะ เก่งสาดดด”
“อ้อ...โค้กเหรอ...ถึงว่าทำไมเมานัก กูแพ้โค้กนี่เอง“
“เออ...เอากับมันสิทับทิมมึงจะได้บ้าตามมันไปด้วย” มารีหัวเราะร่วน นำพาบรรยากาศไม่ให้อึมครึมจนเกินไป
“กูก็ว่า...ไม่รู้กูหรือมันที่เมาหนักกว่ากัน...เฮ้อ!”
“โอลีฟมึงโอเคป่ะ ดีขึ้นบ้างไหม...”
“อืม...กูไม่เป็นไร” เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงตัวเองแล้วก็พบว่ามันช่างขัดแย้งกับคำตอบเสียเหลือเกิน
บรรยากาศและคนรอบข้างไม่สามารถดึงความรู้สึกของฉันให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้มากนัก อาจเพราะความช้ำมันกัดกินหัวใจจนเกินเยียวยาไปแล้ว
เด็กเสิร์ฟยกแก้วเหล้าที่เหลือแต่น้ำแข็งของฉันไปเติมและชงใหม่เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ น้ำอำพันสีเข้มรินหลั่งปนเปกับมิกเซอร์และน้ำแข็งจนเป็นหนึ่งเดียวและมันกลับคืนสู่มือฉันอีกครั้ง
แก้วเหล้าถูกยกขึ้นดื่ม น้ำเมารินรดลงคอหมดสิ้นและส่งยื่นให้บริกรที่ยืนตะลึงนิดๆ อยู่ทันที
“เฮ้ย!โอลีฟ...เบาๆ หน่อยมึงเดี๋ยวแก้วมันตามไม่ทัน”
“ไม่ทันที่ไหนมันแซงไปหลายลี้แล้วมึง” ฉันสวนกลับ ดวงตาชักจะพร่ามัว มือคว้าจับแก้วเหล้าโดยไม่ได้หันมอง เพราะกำลังพยายามคุมสติอยู่
ยามเมา...สติสัมปชัญญะมักทำงานเชื่องช้า ไม่สามารถใช้สัมผัสทั้งห้าพร้อมๆ กันได้ หรือใช้มากเกินสองก็ไม่ได้ มันจะจดจ่อกับส่วนใดส่วนหนึ่งทีละอย่างเท่านั้น
“พอแล้วโอลีฟ...”
แก้วเหล้าถูกดึงไปจากมือของฉันจนน้ำกระเด็นโดนมือ ดวงตาที่สะลึมสะลือพยายามเบิกมองไปยังเจ้าของเสียงทุ้มห้าวอย่างหงุดหงิดหัวใจ“ฉิบ...หายแล้ว...” ทับทิมกับมารีอุทาน
“พี่...เพิร์ท”
“ใช่...มาอยู่ที่นี่เองพี่หาเสียทั่วพัทยา...”