ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
“ได้ข่าวไอ้เจ้านั่นแล้วใช่ไหม” เมื่อประตูห้องทำงานเปิดออกโดยไม่มีการบอกกล่าว ทำให้ชายหนุ่มที่นั่งที่โต๊ะทำงานหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกรบกวน แต่เพราะรู้ว่าคนที่เข้ามาเป็นใครโดยไม่แหงนหน้าขึ้นดูจึงให้อภัยได้ แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเข้มและกระด้างอันเป็นนิสัยส่วนตัว
“ขอโทษที่รีบเข้ามาโดยไม่ทันได้เคาะประตูครับนาย เมื่อกี้ผมเดินผ่านบ้านใหญ่เห็นคุณครีมลงจากรถพอดี เลยคิดว่าต้องรีบมาบอกนายก่อน” ผู้เข้ามานามว่าอติภัทร ซึ่งเป็นลูกน้องคู่ใจเอ่ยขึ้นอย่างรู้ดีว่าเจ้านายไม่ชอบหญิงนามครีม หรือคุลิกาที่บิดาและมารดาหวังได้เป็นศรีสะใภ้สักเท่าไหร่ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ชายหนุ่มก็จะทำเสมอ
“ส่วนเรื่องที่ให้หา ผมไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า”
คำรายงานทำให้ชายที่เพิ่งจะลุกจากเก้าอี้เดินไปคว้าหมวกใบโปรดมาสวมศีรษะถึงกับหยุดชะงัก เหลียวใบหน้าคร้ามแกร่งและดุไปมองคนพูดที่ขณะมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ่งได้เห็นคิ้วหนาเป็นปื้นขมวดมุ่นเข้าหากัน ประกายในดวงตาสีดำสนิทราวกับนิลเต็มไปด้วยคำถาม ก็ทำให้ผู้เป็นลูกน้องถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
“หมายความว่ายังไง...เดินไปคุยไปแล้วกัน” คนเป็นนายเอ่ยและเดินนำลูกน้องหลบออกจากบ้านทางประตูด้านข้าง เพื่อเลี่ยงที่จะเจอกับ...ครีม หญิงสาวผู้ที่ถูกวางตัวเป็นว่าที่คู่หมั้นและนิสากร! น้องสาวจอมก่อเรื่องที่ทำให้เขาต้องตามแก้ไขไม่หยุดหย่อน หากเจอกัน อากาศที่ปลอดโปร่งอยู่คงจะมีเมฆฝนตั้งเค้าก่อนพายุฝนจะโปรยปรายลงมาอย่างหนัก พาให้คนรอบข้างโดนกระแสน้ำร้อนสาดกระเซ็นให้เจ็บกายไปตามๆ กันหลายคน
“เราได้ข่าวมาแค่ว่าไอ้หนุ่มนั่น...เดินทางกลับจากกรุงเทพมาที่นี่ด้วยรถโดยสารเที่ยวหกโมงเย็น จะมาถึงที่เกือบรุ่งสาง แต่...”
“มีอะไรผิดปกติไปหรือไง” ผู้เป็นนายเอ่ยถาม คิ้วหนาเป็นปื้นเลิกขึ้นเล็กน้อย ด้วยน้ำเสียงของอติภัทรออกจะไม่มั่นใจ คล้ายยังมีบางอย่างทำให้คลางแคลงใจ
“เมื่อตอนเที่ยง คนของเรายังเจอไอ้เจ้านั่นควงสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเดินเที่ยวห้างอยู่เลย” อติภัทรขมวดคิ้วเข้าหากัน จะเป็นไปได้ยังไงที่คนสองคนจะอยู่ต่างที่แต่ในเวลาเดียวกัน ถึงจะเป็นคู่แฝดก็ต้องมีส่วนที่แตกต่างให้จับพิรุธได้
“หือ...ข่าวไม่ได้ผิดพลาด” คนได้ฟังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ความจริงเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากหากน้องสาวจะมีแฟน ถึงจะเป็นพี่ชายแต่ก็ควรทำเพียงแค่คอยสอดส่องดูแลไม่ให้ทำอะไรเกินเลยไปเท่านั้น หากตั้งแต่ที่นิสากรได้คบหากับเด็กหนุ่มคนนั้น เงินที่เคยมีในบัญชีเริ่มร่อยหรอลงไป…แต่ละครั้งไม่น้อยเลย จากไม่คิดก็ต้องคิด ที่ไอ้เจ้าเด็กตัวแสบนั่นพาตัวมาสนิทสนม คบหากับน้องสาวเขาไม่ใช่เพราะรักจริง แต่อยากได้เงิน!
คนฉลาดคิดเป็น ย่อมจะไม่เอาในคราวเดียวเยอะๆ แต่จะค่อยๆ ล้วงเอาทีละน้อย เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย หากที่เขาคิดได้อย่างหนึ่งก็คือ เจ้าเด็กนั่นไม่สะเพร่าก็สมองกลวง ถึงได้ทำอะไรอย่างคนคิดตื้นๆ ถึงได้ขอทีละเยอะๆ เมื่อหาเงินได้ง่ายๆ ก็ใช้จ่ายไปอย่างสุรุ่ยสุร่าย หลงระเริงกับความสุขฉาบฉวยจนลืมตัว เพราะคิดเพียงว่า เดี๋ยวหมดเมื่อไหร่ก็จะมาออดอ้อนขอจากนิสากรใหม่ ด้วยเหตุผลนานัปการที่ยกมาอ้าง ที่คนใจอ่อน ขี้สงสารมองโลกในแง่ดีอย่างนิสากรก็จะหลงกล ยอมให้ไปอีกก้อนโตๆ
“ข่าวไม่พลาดครับ มีผู้โดยสารชื่อธีรนัยน์ ชาวีชงโค เดินทางด้วยรถโดยสารเที่ยวหกโมงเย็นแน่นอนครับ”
“ตอนนี้...” ฟังอติภัทรบอก เขาก็รีบก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมือ เลยทำให้ไม่ทันได้มองร่างบอบบางที่ถลันออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้าง
“หยุดนะพี่ช้าง! คุยกับนิก่อน” สาวน้อยร่างเล็กตะโกนเสียงแหลม พร้อมวิ่งกางแขนออกมาดักร่างผู้เป็นพี่ชายเอาไว้ ใบหน้าเธององ้ำ ดวงตากลมโตฉายแววเกรี้ยวกราดมองสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทราวกับนิลของที่มองอย่างอิดหนาระอาใจ
“เข้าไปมุดหาอะไรอยู่น่ะเรา ถูกมดกัดจนผิวแดงหมดแล้ว ไม่เจ็บหรือไง ระวังนะถ้าไม่รีบไปอาบน้ำ ทายาจะคันคะเยอ กลายเป็นยายตุ่มลายแดง หมดสวยแล้วยังจะถูกคนอื่นล้ออีกนะ” ผู้เป็นพี่ชายกระเซ้าน้องสาวน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ
ปกติแล้วความสวยเป็นหนึ่งเสมอ ทว่าคราวนี้นิสากรกลับเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่สนใจ พลางปรายสายตาประหนึ่งแมวขู่ศัตรูไปยังคนช่างฟ้องที่พยายามรักษาสีหน้าให้เรียบเฉยเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“ช่างสิ ถ้านิไม่สวย เป็นแผลยับเยิน ก็เพราะพี่ช้างนั่นแหละ”
“อ้าว! เกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ ก็เรามุดไปให้มดมันกัดเองไม่ใช่หรือไง” เขายังถามเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ ใบหน้าคร้ามแกร่งเหลอหลา นัยน์ตาพร่างพราวระยับทอดมองน้องสาวด้วยความรักระคนเอ็นดูแกมอิดหนาระอาใจ
“ไม่ต้องมาทำเสียงเอือมระอาอย่างนั้นเลยนะพี่ช้าง คุณด้วย...อติภัทร หยุดหัวเราะและมองเหมือนนิเป็นเด็กไม่รู้จักโตได้แล้ว” เพราะหงุดหงิดจากการถูกพี่ชายสั่งกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน ทำให้นิสากรอารมณ์เสียอย่างหนัก จนระงับเอาไว้ไม่ได้ ปล่อยให้โทสะอยู่เหนือการควบคุม ออกอาการกระฟัดกระเฟียดฟาดงวงฟาดงาใส่คนไม่เกี่ยวข้องไปหลายยกแล้ว
“นิสากร!”
“ว่าไงคะคุณพี่สิงขร วงกตคีรีขา”
อติภัทรรีบเบือนหน้าที่เมื่อแรกยิ้มๆ อยู่ไปอีกทาง ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะหลุดออกมาอย่างไม่กลัวถูกผู้เป็นนายเขม่น เพราะถูกน้องสาวสุดที่รักยั่วกลับ
สิงขรร้ายได้กับทุกคน โดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนด้วย เพียงแค่ทำให้เขาไม่พอใจเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะแกร่งแค่ไหนทุกคนก็ย่อมมีจุดอ่อน ซึ่งก็คือนิสากรที่นายเขายอมให้ทุกอย่าง แต่ถ้าเมื่อใดที่พี่ชายบอกว่าไม่! น้องสาวก็จะต้องเชื่อฟังเช่นกัน
สิงขรทำหน้าเอือมระอา นัยน์ตาสีนิลกลอกไปมาอย่างระอาใจ “พี่ต้องรีบไปธุระ อาจกลับดึก มีอะไรเอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ดีกว่านะ”
“ฮึ!” นิสากรทำเสียงขลุกขลักในลำคอ พลางย่นจมูกเล็กน้อย
“กี่ครั้งแล้วที่พี่ช้างบอกแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงก็หลบหน้าไม่ยอมฟังนิพูด บางทีก็หายไปเป็นอาทิตย์ คราวนี้นิไม่ยอมแล้วค่ะ ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง...เดี๋ยวนี้!”
“ทำไม มีอะไรสำคัญนักหนาหรือ เราถึงได้ร้อนอยู่ไม่ติดที่ ต้องวิ่งออกมาเต้นกระด้องกระแด้งเหมือนมดกัดเท้า” สิงขรถามประชดประชัน
“เย็นนี้นิมีนัดกับนัย” เธอรู้ดีว่าใช้ไม้แข็งกับสิงขรไม่ได้ นิสากรเลยรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสและสาวเท้าไปหา ก่อนสอดสองมือเล็กกับแขนกำยำ
“ให้นิไปนะคะพี่ช้าง สัญญาเลยจะทำตัวดีๆ ไม่ให้พี่ชายใจดีคนนี้ปวดหัวเด็ดขาด” รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะไม่พอ นิสากรยังจะยกมือชูสองนิ้วให้สัญญาอีกด้วย
คำพูดของน้องสาวทำให้สิงขรเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าคร้ามแกร่งหันไปมองพร้อมนัยน์ตาสีนิลยิงคำถามใส่อติภัทร
“ไม่พลาดครับ มีรูปให้ดูด้วย” อติภัทรก็ยืนยันในสิ่งที่ตนเองได้รับข่าวสารมา ที่ยังไงก็ไม่ผิดพลาดแน่นอน!
“คุยอะไรกัน...ท่าทางมีลับลมคมใน แบบนี้คิดไปทำอะไรไม่ดีกันอีกละสิ” ก่อนนิสากรจะร้องครางในลำคอ ดวงตาเบิกกว้างพอๆ กับปากที่อ้าอย่างไม่กลัวแมลงวันจะบินเข้าไปวางไข่ พลางส่ายศีรษะเป็นระวิง
“อย่าบอกนะ...พี่ช้างกับพี่ภัทรจะไปจัดการกับนัยน่ะ ไม่นะคะ นิไม่ยอม นัยไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ถ้าขืนพี่ทำอะไรรุนแรง นิโกรธ...งอน ไม่คุยด้วยเลยเอาสิ”