บทที่4.ผิดแผน...............

1469 คำ
 “พอเลยไอ้เสือ...ฉันกับคุณบุษยังไม่เคยคุยกันเลย แต่เท่าที่ดูรวมๆ เธอก็น่าสนใจไม่น้อย แกคิดดูดิ!! ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องดิ้นรนเรียนต่อทั้งที่ไม่มีเงินสนับสนุน เท่าที่รู้... หล่อนจบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยมนะโว้ย...แกกับฉันยังทำไม่ได้เลย ทั้งที่มีหน้าที่เรียนแค่อย่างเดียว”           สรรพคุณข้อดีของบุษบัน พ่อกำนันพูดกรอกหูทั้งเช้าทั้งค่ำ ไม่รู้ว่าบิดาเขาโปรดปรานอะไรกับบุษบันหนักหนา ทั้งที่ลูกสาวบ้านอื่นก็มีดีไม่แพ้กัน แต่กำนันเหมฟันธง!! ท่านต้องการ     บุษบันมาเป็นศรีสะใภ้           นรสิงห์ไหวไหล่ปั้นหน้าเซ็งๆ “ไม่รู้สิ ฉันกับว่าที่เมียของแก มันไม่ถูกโฉลกกัน แกรู้ไหมว่าหลานเขยฉันนามสกุลอะไร?”           หิรัญส่ายหน้าเดี๊ยะ เขารับรู้แค่ว่าภารตีแต่งงานไปกับไฮโซหนุ่มหล่อ ไม่ได้สนใจว่าชื่อแซ่อะไรด้วยซ้ำ แล้วนามสกุลอะไรหรือจะรู้หรือ           “ไชยยะนัน บ้านที่ญาติของหล่อนทำงานอยู่ไง”           นรสิงห์ตอบเสียงขึ้นจมูก           “แล้วไง?เกี่ยวอะไรกับคุณบุษ?” หิรัญถามแบบยังไม่เข้าใจ           หนุ่มกรุงสุดเท่ห์ถอนใจเฮือก “กิ้กของหลานเขยฉัน ก็คือหล่อนไง” นรสิงห์เฉลย           “เห้ย!! ไม่จริงมั้ง บ้านนี้เขาเลี้ยงลูกดี ไม่มีทางที่คุณบุษจะเป็นแบบนั้นหรอก” เท่าที่บิดาพูดกรอกหูทุกๆ วัน หิรัญฝังหัวเสียแล้วว่าบุษบันคือแม่ยอดหญิง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะเป็นดั่งเช่นที่เพื่อนบอก           “มันคือเรื่องจริง ยัยตีปรี๊ดแตก!! ตอนที่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมีหล่อนซุกไว้ในบ้าน”           “เดี๋ยวๆ แกบอกว่ายัยตีเป็นคนบอกงั้นสิ!! งั้นฉันไม่เชื่อ คุณบุษอาศัยบ้านนั้นอยู่เพราะเธอต้องเรียน คิดดูดีๆ สิ อย่าเอาอคติของแกมาวัด แกเข้าข้างยัยตีชัดๆ เลยนะเว้ย แบบนี้คุณบุษเสียเปรียบแย่ โดนฝั่งแกโจมตีฝ่ายเดียว”           หิรัญออกตัวช่วยบุษบัน เมื่อเขารู้นิสัยของภารตีเป็นอย่างดี อะไรที่หล่อนไม่ชอบ หล่อนจะกาหัวและใส่ไคล           ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตนเองพูดไป เป็นความจริงหรือไม่...ขอแค่สะใจเป็นพอ...           “อันนี้ก็ไม่รู้สิ แต่เท่าที่เห็นฉันก็เห็นว่า...ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นนี่หว่า... ต่างหวังผลประโยชน์ และคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างคนที่พ่อกำนันของแกอยากได้ไปเป็นศรีสะใภ้มีหรือจะไม่รีบตะครุบ...”           เป็นคำดูแคลนในแบบที่หิรัญไม่เห็นด้วย นรสิงห์จะเอาสิ่งที่เขาเคยเจอมาโยนใส่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไม่ได้...บุษบันอาจมีเหตุผลของหล่อน และสิ่งที่นรสิงห์รู้มาอาจจะไม่ใช่ความจริง...           “ฉันบอกตรงๆ เลยนะ ถึงฉันจะไม่รู้จักคุณบุษมาก่อน แต่สำหรับยัยตีกับไอ้หลานเขยแก แกกับฉันรู้จักดีนี่หว่า!! ฉันเชื่อคุณบุษมากกว่าเชื่อคนของแกว่ะ”           เชื่อเสียของนักรบเป็นที่โจษจันสมัยเรียน หน้าฉากของนักรบคือสุภาพบุรุษ แต่เบื้องหลังของเขาก็เป็นแค่ผู้ชายเห็นแก่ตัว...ไอ้หมอนั่นใช้ชีวิตหรูหราในต่างแดน ด้วยการเกาะผู้หญิงกิน เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น ไม่เคยจริงจังกับใคร ทันทีที่ผู้หญิงหมดคุณค่า หรือผลประโยชน์ไม่ตรงกัน นักรบก็พร้อมที่จะชิ่งและมีคนใหม่เข้ามาทดแทน และมันฉลาด เหมือนนกรู้ นักรบไม่เคยควงผู้หญิงชาติเดียวกัน ข่าวลือแย่ๆ นั่นเลยกลับมาไม่ถึงเมืองไทย เมื่อวัฒนธรรมต่างชาติ ไม่ถือสาเรื่องความสัมพันธ์ทางกาย ว่าที่ดอกเตอร์หนุ่มจึงลอยลำ กลับมาเมืองไทยแบบไร้คำติติง...แต่หากย้อนกลับไปดูช่วงเวลาที่ร่ำเรียนอยู่ต่างแดน คงมีแต่เสียงสาปส่ง...เพราะเขาช่างเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุด           “พอเถอะว่ะ ฉันไม่อยากนินทาเธอ เรายังไม่รู้จักเธอสักนิด หรือว่าเดี๋ยวนี้แกเชื่อข่าวลือมากกว่าพิสูจน์ด้วยตัวเอง”           หิรัญโบกมือตัดบทสนทนา เขาขอพิสูจน์บุษบันเอง เพราะเรื่องความบริสุทธิ์เขาไม่ถืออยู่แล้ว ขอแค่อุปนิสัยเข้ากันได้ก็พอ...           ในขณะที่สองหนุ่มถกปัญหาเรื่องบุษบัน           สองสาวเองก็ถกกันเรื่องของผู้ชายสองคนนั่นด้วย           “บุษ สองคนนี่รู้จักกันได้ยังไงอะ คุณสิงห์ของฉันจบมาจากอังกฤษเชียวนา หากเทียบกับลูกชายพ่อกำนันของเธอที่มาจากบ้านนอก” แพรวนราแอบเบ้ปากให้ผู้ชายที่เธอไม่ชอบขี้หน้าตั้งแต่แว๊บแรกที่มองเห็น           “แพรว...คุณหิรัญเขาไม่ใช่ของฉัน ที่สำคัญ... บ้านเขารวย เท่าที่รู้เขาก็จบนอกเหมือนกันนะ อาจจะจบมาจากที่เดียวกับคุณสิงห์ของแกก็ได้”           บุษบันแก้ตัวแทนหิรัญ คนบ้านนอกแล้วไง? คนบ้านนอกไปเรียนต่างประเทศไม่ได้เหรอ           “ฉันก็ไม่ได้ว่าแบบนั้นซักหน่อย แค่อยากรู้ว่าเขารู้จักกันได้ยังไง?”           แพรวนราแก้ตัวเสียงออดๆ เมื่อเธอรู้ดีว่ามันเป็นปมของบุษบัน มีเพื่อนๆ ต่างกลุ่มพูดเข้าหูตลอดช่วงเวลาที่ร่ำเรียน บุษบันไม่ตอบโต้ เธอตอกหน้าคนเหล่านั้นด้วยการเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอง ด้วยฝีมือสาวบ้านนอกที่ใครๆ ต่างรุมปรามาส           “อยากรู้แกก็เดินไปถามเขาเองสิ”           บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี           สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น           บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ           “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?”           หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม           หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ”           เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม           หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า           “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้”           นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเกี่ยวพันกับเธอ เพียงแต่ยังไม่ได้รู้จักกันเป็นทางการ           “เดอะเพรส คุณสิงห์เหรอคะ?” หญิงสาวแสร้งตีมึน           “ครับใช่... ผมนรสิงห์ กษิดิศชญาธร นี่เพื่อนสนิทผมครับ หิรัญ เกศไพศาล”           “แหมๆ โชคดีจัง วันนี้แพรวได้มีโอกาสรู้จักนักธุรกิจคนเก่ง...”           “ผมไม่ได้เก่งอะไรเลยครับ แค่สานต่องานที่พ่อสร้างไว้” หิรัญออกตัว           แพรวนราพูดแบบไร้เสียง เธอหันด้านข้างให้นรสิงห์เขาจึงไม่รู้ในสิ่งที่เธอพูดกับหิรัญ ‘ฉันไม่ได้หมายถึงนายยะ!!’           หนุ่มบ้านนอกตัวดำๆ ยิ้มเก้อ           “แล้วคุณแพรวมาทำอะไรที่นี่ครับ” นรสิงห์ย้อนถามยิ้มๆ           “คุณรินเป็นคุณน้าของแพรวค่ะ วันหยุดว่างๆ แพรวเลยแวะมานอนเล่น ที่นี่สงบแล้วบรรยากาศก็ดีมากๆ ด้วย”           หญิงสาวชวนคุย           “ครับ ผมก็ลืมๆ ไปพี่รินเคยบอกครั้งนึง แต่ผมคงลืมเอง”           แพรวนราร้องอ๋อในใจ เธอรู้แล้วว่าทำไมคนของกษิดิศชญาธรเลือกจัดงานที่รีสอร์ตรินลดา เพราะรู้จักสนิทสนมกับคุณน้าของเธอเป็นการส่วนตัวนี่เอง           “แพรวไม่กวนดีกว่า เชิญตามสบายนะคะ”           หญิงสาวรีบชิ่ง หลังจากพอรู้ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มสองคนตรงหน้า           “แกรู้จักหล่อนเหรอวะไอ้คุณเสือ?”           หิรัญร้องถามหลังแพรวนราสะบัดก้นเดินจากไป           “เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ มีบริษัทออกแบบเป็นของตัวเองนะเว้ย แถมงานคุณภาพด้วย ฝีมือไม่ใช่ย่อยเลย เก่งและโสด”           นรสิงห์เอ่ยชม แพรวนราเป็นผู้หญิงฉบับกระเป๋าตัวเล็ก แต่ใจใหญ่ เมื่อเป็นผู้หญิงคนเดียวแต่หาญลงสนามสู้กับผู้ชายตัวโตๆ บนถนนนักธุรกิจ และเธอก็ประสบความสำเร็จมากพอดู ที่สำคัญ หญิงสาวไม่ขี้โอ่ เธอทำงานแบบเน้นคุณภาพมากกว่าราคาคุย           “ใครอยากรู้วะว่าหล่อนโสดไม่โสด ที่อยากรู้น่ะแกรู้จักหล่อนด้วยหรือ แค่นั้น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม