“ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่อเงยหน้ามองสบตากับเขา
หิรัญหรี่เปลือกตาลง แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย บุษบันก็เดินมาห้ามทัพไว้เสียก่อน
“มีอะไรให้บุษช่วยมั้ยคะ?” เธอถามพร้อมกับขึงตาใสแพรวนรา ปรามให้เพื่อนสงบลงก่อนที่เรื่องจะลุกลาม
“คุณบุษบันใช่ไหมครับ ผมหิรัญ เกศไพศาล” คนมาใหม่ยิ้มแฉ่ง รีบบอกชื่อเสียงเรียงนามตัวเอง กับอีกคนที่ดูจะเป็นมิตรมากกว่า แม่คนตัวเล็ก หน้าเด็กแต่ดุคนนี้
“คุณนั่นเอง เชิญค่ะ เข้ามานั่งข้างในก่อน ช่วงนี้บุษกำลังยุ่ง อีกสักพักรอคนซาๆ บุษจะไปคุยด้วยนะคะ”
หญิงสาวรีบเชื้อเชิญ อาคันตุกะที่เดินทางมาไกล เพื่อ ดูตัว เธอ ให้นั่งพักรอเธอเคลียร์งานเสร็จ ถึงจะมีเวลาพูดเรื่องสำคัญกับเขา
“ใครอะบุษ เขามาหาแกเหรอ?”
แพรวนรายังไม่วางใจ เธอถามเพื่อน แต่สายตาจับจ้องอยู่ที่หิรัญ
หญิงสาวสาละวนชงกาแฟ แต่ก็ตอบเพื่อนไปด้วย “อืม...เรื่องมันยาว...ไว้เล่าคืนนี้ แกรู้แค่ว่า... ผู้ชายคนนี้ป้าฉันส่งมาให้ดูตัว ก็พอ”
ริมฝีปากอิ่มบิดเบี้ยว เธอชะเง้อคอมองคนตัวใหญ่ยังกับยักษ์ ด้วยสายตาไม่เห็นด้วย
“คนอะไรตัวใหญ่ยังกับยักษ์วัดแจ้ง”
เสียงบ่นลอยตามหลังมา บุษบันอมยิ้ม หากเทียบกับคนสูงแค่158 เซนติเมตรแบบแพรวนรา ผู้คนรอบตัวเป็นยักษ์เกือบทั้งหมดในสายตาเพื่อนของเธอ
หิรัญยื่นมือออกไปรับแก้วกาแฟ เขาส่งยิ้ม เลยไปยังคนด้านหลังบุษบันที่นั่งหน้าตูมเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง และสิ่งๆ นั้นคงไม่พ้นตนเอง
“ไม่เกิน30 นาทีค่ะ เดี๋ยวบุษมาคุยด้วย เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว” หญิงสาวยิ้ม เธอกล่าวเสียงจริงจัง เมื่อเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ เธออยากตกลงกับหิรัญให้รู้เรื่อง มากกว่าการปล่อยให้คาราคาซัง
“แกไปคุยกับเขาก็ได้นะบุษ ฉันทำแทนให้เอง”
แพรวนรารีบเสนอตัว เธออยากรู้เหมือนกันว่าคนมาใหม่ต้องการอะไร
“อีกสักพัก ปล่อยให้เขาใช้เวลาคิดก่อน ฉันไม่ได้ดีเด่อย่างที่เขาหวังหรอก แค่ลูกจ้าง ทำงานจิปาถะ ไม่ได้เป็นคุณหนูลูกหลานคนรวย”
ปมอันนี้เธอฝังไว้ในสมอง เตือนตัวเองอย่าได้หวังสูง เมื่อไม่มีบันไดจะปีนป้าย เธอมันแค่คนธรรมดา นามสกุลบ้านๆ ไม่มีใครสะดุดหูหากบอกกับคนที่ไม่เคยรู้จัก
“อย่าดูถูกตัวเองซิวะแก สำหรับฉันแล้ว แกเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันรัก ไม่เกี่ยวกับฐานะครอบครัว”
แพรวนราจัดอยู่ในชนชั้นกลาง พื้นฐานทางบ้านไม่ได้ย่ำแย่เหมือนบุษบัน เธอมีพ่อ แม่ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างจะมีฐานะดี...ไม่ได้ขอทุนรัฐบาลมาเล่าเรียน แต่ก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะถูกสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน
“เปล่าแพรว บุษแค่บอกตัวเอง...อย่าฝันเกินเอื้อมเพราะมันจะทำให้เราเจ็บ กำนันเหมน่ะรวยที่สุดในจังหวัด แกมีลานมัน มีโรงเก็บมันสำปะหลัง เป็นโต้โผใหญ่ที่กวาดซื้อมันสำปะหลังทั้งหมดไปขายให้โรงงานแปรรูปมัน แกเป็นนักเลงและใจใหญ่ บุษไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้พ่อ แม่เดือดร้อน เพราะพวกเรายังต้องอาศัยใบบุญของเขาอยู่”
คนบ้านนอกเป็นชุมชนแคบๆ หากผิดใจกัน มันจะทำให้อยู่ยาก...ดังนั้นเธอต้องคุยกับหิรัญให้รู้เรื่อง
“นักเลง รูปร่างแบบนี้เป็นอันธพาลเหมาะกว่า”
แพรวนรายังไม่วายแขวะเพราะเธอมีอคติกับหิรัญเสียแล้ว
“บุษไม่เคยเห็นคุณคนนี้มาก่อนนะ คงเป็นเพราะบุษไปอยู่กับป้าที่ไชยยะนันตั้งแต่เด็กก็ได้”
หญิงสาวท้าวความหลังให้เพื่อนรักฟัง...เธอกับหิรัญไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน
“แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ล่ะแก?”
แพรวนรายังสนใจ เธอซักไซ้เรื่องของหิรัญเพื่อเก็บข้อมูล บางที่เธออาจจะช่วยบุษบันได้
“ไม่รู้สิ ป้าไม่ได้บอก รู้แค่ว่าเขามาทำธุระที่ภูเก็ต”
หญิงสาวไหวไหล่ เธอส่งยิ้มให้ลูกค้าที่เขามาสอบถาม ลืมแพรวนราไปชั่วครู่ จึงไม่รู้ว่าเพื่อนสาว นั่งจ้องตากับคนมาใหม่ ไม่ใช่อย่างมิตร และก็ยังไม่ฟันธงว่าเป็นศัตรู
คนที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอซ้ำ เดินเข้ามาด้านใน เขาดูดีตลอด แม้จะอยู่ในชุดลำลองที่ไม่เป็นทางการ กางเกงห้าส่วนสีน้ำตาลไหม้ กับเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว แว่นตากันแดดเหนือปลายจมูกนั่น ทำให้นรสิงห์ดูลึกลับน่าค้นหา ดูได้จากสายตาสาวๆ ที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้าน แต่ละคนหันไปมองชายหนุ่มตาเป็นมัน
“ใครอีกล่ะ หน้าคุ้นๆ” เสียงแพรวนราทำให้บุษบันถอนสายตาออกมาจากนรสิงห์ได้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงเป็นอีกคนที่เผลอมองเขาแบบหลงละเมอ เธอเสก้มหน้าลง ตอบเพื่อนเสียงแผ่วหวิว
“น้าของคุณตี ชื่อนรสิงห์”
“อ๋อ!! นี่เหรอคนที่เป็นหัวแรงใหญ่ของกษิดิศชญาธร คนที่ทำให้เดอะเพรสดังเป็นพลุแตก”
แพรวนราครางในคอ เธอหันกลับไปมองนรสิงห์ซ้ำ แอบนึกทึ่งในใจ ผู้ชายวัย30ปีนี่ มันช่างเหมือนมะพร้าวห้าวที่รสชาติน่าดุเด็ดเผ็ดมันเหลือคณา “แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
นั่นซิ!! บุษบันก็อยากรู้ ผู้ชายห้าวกระด้างอย่างนรสิงห์มาทำอะไรที่รีสอร์ตรินลดาแห่งนี้ เมื่อเขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ แถมยังอยู่ในชุดไปรเวท
สองสาวได้รับคำเฉลยในนาทีต่อมา ผู้ชายที่มาใหม่กับผู้ชายที่เพิ่งมาก่อนหน้านั้นโบกมือทักทายกัน สองคนนั้นรู้จักกัน!!
“เฮ้! ไงวะสิงห์ กว่าจะเสด็จมาได้”
หิรัญโบกมือทัก ชายหนุ่มกับนรสิงห์เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน ชีวิตในต่างแดนที่หัวหกก้นขวิดพอสมควร
“ไงล่ะเสี่ย นึกไงถึงเหินฟ้ามาไกลถึงนี่”
หนุ่มร่างใหญ่ไม่ต่างกัน เพียงแต่คนหนึ่งดูลูกทุ่งเป็นชายหน้าคมเข้ม อีกหนึ่งหนุ่มดูสะอาดสะอ้าน แต่ดีกรีความหล่อกินกันไม่ลง เพราะฟีโรโมนที่ฟุ้งออกมาจากร่างกายทรงพลังนั่น การันตรีได้เลยว่า สองหนุ่มเป็นชายแท้ หากใช่ตุ๊ด แต๋ว แอบแฝงมาแน่ๆ
“ก็อย่างที่เล่าให้ฟัง พ่อกำนันอยากให้ฉันมีเมีย กลัวลูกชายหาเมียไม่ได้ว่ะ” หิรัญบ่น เขาไม่อยากขัดใจบิดาเลยรับปากไปส่งๆ
“หึ...พ่อแกนี่ ห่วงลูกชายกลัวขายไม่ออก...พอๆ กับพ่อกับแม่ฉันเลยว่ะ...เร่งยิกๆ กลัวหลานจะมีลูกก่อนลูกชาย”
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส
“ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน
“ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว
“แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ”
หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ
“อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?”
หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ
“บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ”
นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน...
“แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
หนุ่มสุดเท่ห์เอ่ยถาม
“รู้...ทำไมล่ะ” หิรัญพยักหน้ารับรัวๆ เขาไม่ได้รังเกียจข้อนั้น เมื่อมันเป็นอาชีพสุจริต เขามันแค่ชาวไร่ ชาวสวนไม่จำเป็นต้องมีเมียเป็นเซเลป หรือคนเด่นคนดัง ขอแค่เป็นคนดีก็พอ...
“แล้วๆ”