บทนำ
ความเจ็บช้ำในวันวาน มันยังคงฝังแน่นในหัวใจจนถึงทุกวันนี้..
นีรนารามองทุกอย่างตรงหน้า ก่อนที่เรียวปากอิ่มจะคลี่ยิ้มเล็กน้อย สองขาเรียวก้าวไปตามทางเดินของโรงพยาบาล เจ้าหล่อนมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตน กว่าหนึ่งปีที่จากที่นี่ไป วันนี้เธอกลับมาพร้อมกับหัวใจดวงใหม่ หัวใจที่แข็งแกร่งและจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายมันได้อีก..
มือเรียวหยิบรูปถ่ายใบเล็กที่ซุกซ่อนอยู่ภายในซอกหลืบของกระเป๋าออกมา ใบหน้าคร้ามคมของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตคนรัก กำลังส่งยิ้มแฉ่งให้เธอผ่านรูปถ่าย ดวงตาคมปนหวานฉายแววเจ้าชู้ออกมาอย่างไม่พยายามปิดมันเลยสักนิด
“ฉันหลงรักไอ้บ้านี่ไปได้ยังไงวะ” เรียวปากอิ่มแสยะยิ้ม ก่อนที่เจ้าหล่อนจะหัวเราะเบาๆ ให้กับความโง่งมของตัวเองในอดีต
นีรนาราหย่อนสะโพกของตนลงบนม้านั่งที่ตั้งอยู่ระหว่างทางเดินของโรงพยาบาล เจ้าหล่อนนึกย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่เธอมาที่นี่ครั้งแรกในฐานะนักศึกษาแพทย์ Extern หรือนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หก ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาภายในรั้วมหาวิทยาลัย นักศึกษาสาววัยใสได้มาพบรักกับนายแพทย์หนุ่มวัยสามสิบสอง อธิวรรธน์จีบเธออยู่หลายเดือน จนในที่สุดเขาก็สามารถตะล่อมให้เด็กไร้ประสบการณ์ติดบ่วงพญามารได้
ตอนแรกรักกันปานจะแหกตูดดม ไปๆ มาๆ นิสัยเจ้าชู้ของผู้ชายที่ไม่รู้จักพอก็เริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากที่หม้อข้าวของเธอเริ่มดำและไม่เย้ายวนใจอีกต่อไป ผู้ชายที่ชื่ออธิวรรธน์ก็หวนคืนหาอดีตภรรยาที่เลิกรากันไปนับแรมปี
คิดแล้วก็เจ็บใจโว้ย!
ภาพที่ทั้งคู่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอย่างเมามันยังคงติดตาอยู่จนถึงทุกวันนี้ อี๋! ชะนีน้อยรับไม่ได้ เธอนอนร้องไห้เสียใจอยู่เกือบเดือน กว่าจะลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ ก็แทบตายเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้สบายค่ะ ไม่เหลือความรู้สึกใดๆ ให้ผู้ชายคนนี้ นอกจากเพื่อนร่วมโลกที่ใช้อากาศหายใจร่วมกันเท่านั้น
“เบลล์..” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อของผู้หญิงตรงหน้า
นีรนาราค่อยๆ เงยหน้ามองเจ้าของเสียง ก่อนที่ดวงตาทั้งสองคู่จะสบประสานกันโดยความตั้งใจของเจ้าหล่อนเอง เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มหวานส่งให้ ‘นายแพทย์อธิวรรธน์’ อดีตคนรักที่อายุยืนซะเหลือเกิน นึกถึงปุ๊บก็มาปั๊บ
“สวัสดีค่ะ”
“เบลล์หายไปไหนมา”
อธิวรรธน์แปลกใจระคนดีใจ แต่ความรู้สึกอย่างหลังดูจะมากกว่า หนึ่งปีที่นีรนาราจากไปโดยไร้ซึ่งคำร่ำลา เขารู้ดีว่าสาเหตุที่เจ้าหล่อนทำเช่นนั้นมันมาจาก..
..เขาเอง
ตั้งแต่วันที่หญิงสาวจับได้ว่าเขาแอบกลับไปหาคนรักเก่า ทั้งยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขนาดขึ้นเตียง เขาจึงตัดสินใจเลิกกับกวินตราโดยเด็ดขาด แต่ทุกอย่างก็สายไป..
นีรนาราไปแล้ว..
“ค่ะ”
“กลับมาทำงาน หรือมา..” หาพี่ สองพยางค์สุดท้ายเขาไม่ได้พูดออกไป เพราะความผิดที่ตนก่อไว้นั้นหนักหนาสาหัสจนทำให้ไม่กล้าเอ่ยปากหรือคิดเข้าข้างตัวเองว่าเจ้าหล่อนกลับมาหา ทว่าก็แอบหวังลึกๆ ว่ามันอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่..
“เบลล์มาทำงานค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน เบลล์ก็คงไม่กลับมาที่นี่อีก”
นีรนาราตอบคำถามของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นแล้วยิ้มให้เขาตามมารยาท “เบลล์ไปทำงานก่อนนะคะ” เจ้าหล่อนกล่าวแค่นั้นแล้วพาตัวเองเดินออกมาจากรัศมีของผู้ชายที่ชื่ออธิวรรธน์ทันที
“เดี๋ยวเบลล์”
นีรนาราปรายตามองมือหนาซึ่งถือวิสาสะจับที่ต้นแขนเธอ “ปล่อย! เราไม่ได้สนิทกันขนาดที่คุณจะมาลุ่มล่ามกับฉันได้”
“ขอโทษครับ” อธิวรรธน์พูดเสียงอ่อย “เย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านพี่นะ เดี๋ยวทำอาหารให้กิน เหมือนแต่ก่อนไง ตอนที่เราคบกัน เบลล์บอกว่าชอบกินกับข้าวฝีมือพี่มากที่สุดไม่ใช่เหรอ”
รื้อฟื้นเพื่อ? แหม! ทำมาชวนเราไปกินข้าวที่บ้านตัวเอง ฉันไม่ใช่ชะนีน้อยสวยใสไร้สมองเหมือนอย่างนีรนาราเมื่อตอนเป็นนักศึกษามหา’ ลัยหรอกนะอีตาหมอเจ้าชู้ อย่าได้หวังว่าการกระทำหรืออะไรต่างๆ ที่คิดว่าจะทำให้สาวๆ ใจละลายจะใช้กับเธอได้ผลอีก
ไม่มีทาง!
“ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรค่ะ ร้านอาหารมีเยอะแยะ เบลล์ซื้อกินสะดวกใจกว่า”
เพล้ง!
เสียงใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มที่แตกกระจาย ดังสนั่นหวั่นไหว
อธิวรรธน์มองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้หญิงตรงหน้าเพื่อค้นหาเยื่อใยที่เคยมีให้กันในครั้งวันวาน แล้วก็พบว่าวันนี้มันเหลือเพียง..
..ความว่างเปล่า
ไม่มีอีกแล้วดวงตาเปล่งประกายสุกใส มีเพียงสายตาที่เพื่อนมนุษย์คนหนึ่งใช้มองเพื่อนมนุษย์อีกคน แต่มันพิเศษกว่าก็ตรงที่แฝงไว้ด้วยความ..
..เกลียดชัง
“เบลล์.. ยังโกรธพี่เรื่อง..”
เบลล์ลืมมันไปแล้วล่ะค่ะ”
ทันทีที่พูดจบ เจ้าหล่อนก็ก้าวขาพาตัวเองเดินไปข้างหน้าทันที แต่ไม่วายที่ชายหนุ่มที่เธอพยายามหนี จะเดินตามมา
“พี่ไปส่งนะ”
นีรนาราเพียงแค่ฟังถ้อยคำที่เขาบอก เธอไม่ได้เอ่ยปฏิเสธหรืออนุญาต
“เบลล์กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ นานแล้วเหรอ หรือว่าพึ่งกลับมา” ระหว่างทาง อธิวรรธน์พยายามชวนหญิงสาวที่เดินเคียงข้างคุย เขาถามนั่น ถามนี่ แต่ก็ได้เพียงคำตอบเดียวคือ..
“ค่ะ”
“แล้วพักอยู่ที่ไหนเหรอ”
นีรนาราหยุดเดินกะทันหัน ใบหน้างดงามของหญิงสาวซีดเผือด เจ้าหล่อนค่อยๆ หันไปมองอธิวรรธน์
“คุณถามทำไมคะ”
น้ำเสียงหวานบ่งบอกว่าเจ้าหล่อนไม่พอใจคำถามนี้
“ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเบลล์นะ”
“อย่ามายุ่งกับเบลล์อีก! เราสองคนเป็นแค่อดีตของกันและกัน ซึ่งเบลล์ต้องการลืมมัน”
อธิวรรธน์มองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ ตาม ระยะทางที่เจ้าหล่อนเดินจากไป เธอพูดตัดสัมพันธ์อย่างไม่เหลือเยื่อใย เพียงแค่เขาถามว่าเธออยู่ที่ไหน ทำไมคำถามแค่นี้ถึงทำให้นีรนาราไม่พอใจได้มากขนาดนั้น..
แพทย์หญิงนีรนาราก็เหมือนหมอจบใหม่ทั่วไป เมื่อเรียนจบก็เข้าสู่กระบวนการการใช้ทุนเป็นระยะเวลาสามปี ก่อนที่จะเลือกว่าจะเรียนต่อเฉพาะทางหรือพอแค่นี้ อันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาใช้ทุนที่โรงพยาบาลแห่งนี้ แต่โชคชะตาก็ช่างเล่นตลกกับผู้หญิงโชคร้ายซะเหลือเกิน เพราะดันจับฉลากเลือกโรงพยาบาลเพื่อใช้ทุนที่เหลืออีกสองปีได้ที่นี่ ซึ่งเธอก็ต้องมา แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานใช้ทุนไป ตอนแรกก็แอบหวั่นๆ เรื่องของอดีตคนรัก แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเธอจะยอมให้เขากลับเข้ามาวอแวในชีวิตได้ มันก็มีเพียงแค่เหตุผลเดียว..
“เราไปเลี้ยงต้อนรับคุณหมอคนใหม่ดีไหม หมอเบลล์วันนี้ว่างหรือเปล่า” สารภีซึ่งเป็นพยาบาลประจำแผนกเอ่ยถามแพทย์หญิงคนใหม่
“คุณป้าขา คือเบลล์.. มีธุระต่อน่ะค่ะ ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ”
เธอก็อยากไปอยู่หรอกนะ หากแต่ว่า ‘ธุระ’ ที่เธอต้องทำ มันสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
“เสียดาย งั้นเอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะหมอ”
“ขอบคุณนะคะ”
เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิท หญิงสาวร่างบางนามว่านีรนาราก็เปิดประตูแล้วก้าวขาลงมาจากรถ เจ้าหล่อนเดินอ้อมไปด้านหลัง ก่อนจะเปิดท้ายรถเก๋ง ข้าวของเครื่องใช้มากมายที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ถูกซื้อหามาจากห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน
ใบหน้าจิ้มยิ้มคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อวันวิสาอุ้มน้องณารา หรือหนูน้อยใบบัวออกมารอต้อนรับเธอที่หน้าบ้าน
กว่าหกเดือนแล้วที่ครอบครัวเล็กๆ มีหนึ่งชีวิตเพิ่มมาเป็นสมาชิก สายใยที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวดของผู้เป็นแม่เช่นเธอ แต่กระนั้นเจ้าหล่อนก็หาได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เลวร้ายไม่ ตรงกันข้าม ลูกสาวคนนี้เป็นเหมือนของขวัญจากสวรรค์ ณาราเป็นแรงฉุดให้เธอลุกขึ้นสู้ เป็นพลังชีวิต
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่เธอจะเลี้ยงเลือดเนื้อเชื้อไขคนนี้ให้ดีที่สุด และ.. อธิวรรธน์จะไม่มีวันได้รับรู้ว่ามีหนูใบบัวเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้
ไม่มีทาง!
“วันนี้ยัยหนูงอแงไหมคะแม่” นีรนาราพูดพลางรับหนูใบบัวจากวันวิสา
“ไม่เลยลูก ใบบัวเลี้ยงง่าย ป้าแนน ป้าที่อยู่ข้างบ้านเรามาเล่นด้วย ยัยหนูไม่ร้องสักแอะ อยู่กับใครก็มีแต่ยิ้ม”
นีรนาราก้มมองลูกสาววัยกระเตาะของตัวเอง พวงแก้มอิ่มทั้งสองข้างขึ้นสีชมพูระเรื่อตามประสาคนผิวขาว เรียวปากอิ่มที่ถอดแบบเธอมาเป๊ะๆ แต้มรอยยิ้มเล็กน้อย
ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองผู้เป็นแม่“แอ๊ๆ”
เด็กหญิงณาราส่งเสียงอ้อแอ้ แม้จะอายุแค่หกเดือน แต่ทว่าแม่หนูกลับช่างพูดช่างจาซะเหลือเกิน
“อะไร อยากพูดอะไรกับแม่เหรอเราอะ”
คนเป็นแม่ยิ้มให้ลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขน ดวงตาของเด็กหญิงณารา เหมือนกำลังสื่อออกมาถึงคำพูดว่า..
‘แม่จ๋า เล่นกับหนูหน่อย’
“เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะแม่” นีรนาราหันไปพูดกับวันวิสา ก่อนจะพาเจ้าหมูอ้วนในอ้อมแขนเดินนำหน้าผู้เป็นแม่เข้าบ้าน
นีรนาราวางเด็กหญิงณาราลงบนพื้นพรมซึ่งปูไว้สำหรับให้หนูน้อยคลานเล่น ก่อนที่ตัวเองจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
“หมูอ้วน! อันนั้นกินไม่ได้นะลูก” นีรนารารีบแย่งตุ๊กตาที่หนูใบบัวกำลังจะอ้าปากงับมาถือไว้ในมือ หัวใจของคนเป็นแม่หล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นว่าลูกตาพลาสติกของตุ๊กตากำลังจะหลุดพอดี ถ้าเธอช้ากว่านี้อีกสักเสี้ยววินาที ลูกตาอันเล็กๆ นี้ อาจจะถูกเด็กหญิงณารากลืนลงลำคอไปแล้ว
“แอ๊ๆ”
เจ้าหนูตาแป๋ว เงยหน้ามองแม่ของตนด้วยแววตาฉงน เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่ก็ไม่ได้สนใจ หนูใบบัวคลานไปหาของเล่นชิ้นอื่นต่อ
“ของว่างจ้า”
วันวิสายกถาดใส่คุกกี้กับน้ำส้มมาวางบนโต๊ะใกล้ๆ ลูกสาวของตน ก่อนจะหย่อนสะโพกลงนั่งข้างๆ
“ขอบคุณค่ะแม่”
“วันนี้ทำงานวันแรก เป็นยังไงบ้าง”
เมื่อได้ยินคำถาม มือที่กำลังจะหยิบคุกกี้ก็พลันชะงักค้างกลางอากาศ แต่เพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ปกติเสียจนวันวิสาไม่ทันได้สังเกตเห็น
แม่ของเธอไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของณารา เจ้าหล่อนยังจำวันนั้นได้ดี วันที่แบกหน้ากลับไปหามารดาทั้งน้ำตา พร้อมกับสารภาพว่าตัวเองท้องไม่มีพ่อ ความกลัวความกดดันเมื่อครั้งที่ปากพูดออกไป มันยังฝังใจไม่เคยลบเลือน หากแต่ยังมีอีกสิ่งที่ไม่เคยจางหายเช่นกัน นั่นก็คือความรู้สึกตอนที่แม่ของเธอดึงเข้าไปกอด ก่อนจะถามเพียงแค่..
‘ไหวไหมลูก ไม่เป็นไรนะ แม่ยังอยู่ข้างๆ หนูเสมอ’
วินาทีนั้นเธอรับรู้ได้เลยว่า ความรักของแม่ยิ่งใหญ่และมากมายเหนือสิ่งอื่นใดจะมาเทียบเทียม เรื่องที่เธอได้กระทำ มันเป็นความผิดมหันต์และน่าอับอายยิ่งนัก แต่ไม่มีแม้คำต่อว่าจากปากของวันวิสา
แม่โอบกอดเธอไว้ในวันที่ไม่เหลือใคร แม้กระทั่ง..
..พ่อของลูก
“ก็โอเคนะคะแม่ ป้าๆ พยาบาลและเพื่อนร่วมงานน่ารักมาก”
“ดีแล้วล่ะลูก พูดก็พูดเถอะ แม่อดตื่นเต้นไม่ได้”
นีรนาราหันไปมองแม่ของตน ก็เห็นว่าวันวิสาออกอาการตื่นเต้นอย่างที่ปากว่า จริงๆ
“ตื่นเต้นอะไรคะแม่”
“ลูกได้ย้ายที่ทำงานใหม่มาอยู่ในกรุงเทพฯ มันก็มีตื่นเต้นบ้างสิ”
คนเป็นลูกหันไปมองแม่ของตน นีรนารายิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยปากแซววันวิสา
“ลืมไปว่าแม่อยู่ต่างจังหวัดมาทั้งชีวิต เดี๋ยววันหลังว่างๆ หนูจะพาตะลอนเที่ยวเมืองกรุงนะ”
“แม่ตื่นเต้นกับที่ทำงานใหม่ของแก นี่แกกำลังว่าแม่เป็นบ้านนอกเข้ากรุงใช่ไหมยัยเบลล์”
“เปล่าซะหน่อย แม่คิดไปเอง”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ใครได้มองแล้วเป็นต้องตกหลุมรัก ยามนี้กำลังฉายแวววิบวับซึ่งแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และหยอกเย้า
ถ้าตอนนี้วันวิสามีก้านมะยมในมือ มันคงจะกำลังสั่นพั่บๆ อยู่เป็นแน่
“แกนี่มัน! ยัยตัวแสบ”
“โอ๋เอ๋ๆ อย่าพึ่งโมโหสิคะคุณนายขา ตีนกาขึ้นหน้า หนูไม่รู้ด้วยน้า..”
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถใช้ภาษาสื่อสารกันให้เข้าใจได้ แต่กระนั้นก็ต้องผ่านการฝึกฝน ไม่ใช่ว่าเกิดมาแล้วจะพูดได้เลย..
“แอ๊ๆ”
มนุษย์ตัวน้อยที่พึ่งถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล เห็นผู้ใหญ่พูดคุยกันสนุกสนาน จึงอยากจะมีส่วนร่วมในวงสนทนาด้วย แต่ติดที่ว่าตัวเองยังพูดไม่ได้นี่สิ
“ว่าไงหมูอ้วน อยากจะคุยกับเขาล่ะซิ” นีรนาราอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก
“แอ๊ๆ”
ดวงตาใสแจ๋วมองแม่ของตัวเอง เรียวปากอิ่มแต้มยิ้มกว้าง
“หมูอ้วนของแม่ อีกไม่กี่วันก็จะสุขสันต์วันเกิดครบรอบเจ็ดเดือนแล้วสินะ”
เด็กหญิงณาราผู้มีหน้าตาเบิกบานเกินเด็กในวัยเดียวกัน ตอนนี้อายุหกเดือนกว่าๆ อีกแค่หนึ่งอาทิตย์หนูน้อยก็จะครบเจ็ดเดือนแล้ว พัฒนาการด้านต่างๆ เรียกได้ว่าดีมากถึงมากที่สุด หนูใบบัวเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยงอแง ทำให้ผู้เป็นแม่และยายไม่เหนื่อยนัก เวลามีใครมาเล่นด้วย เจ้าหนูไม่เคยร้องสักแอะ เจอใครก็ยิ้มให้เขาไปทั่ว
“โอ๊ย! น่ารักจริงจริ๊งลูกเรา”
“ตอนนี้เริ่มจะนอนกลางวันน้อยลง เล่นซนมากขึ้น”
“เหนื่อยไหมคะแม่ หนูหาพี่เลี้ยงสักคนมาช่วยดีไหม” เธอถาม วันวิสาอย่างรู้สึกเป็นห่วง
“โอ๊ย! จะหามาช่วยทำไม หลานคนเดียวเอง แม่เลี้ยงไหว สมัยก่อนเลี้ยงหนูกับเจ้าบูม เหนื่อยกว่านี้อีก”
วันวิสาพูดพลางยิ้มกว้าง เมื่อนึกย้อนไปเมื่อสมัยวันวานที่ลูกๆ ของนางยังเป็นเด็ก
“แล้ววันนี้ลูกชายแม่จะมาหาหลานหรือเปล่าคะ”
นีรนาราถามถึงติณณภพ ซึ่งเป็นพี่ชายบังเกิดเกล้าของเจ้าหล่อน
“มาสิ แม่เตรียมอาหารไว้หลายอย่างเลยวันนี้ ตั้งใจว่าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ ฉลองที่ทำงานใหม่ให้หนู”
“โอ้โห! คุณนายวาจัดปาร์ตี้ด้วยแฮะ พัฒนานะเนี่ยแม่เรา”
“มันก็ต้องมีบ้างหรือเปล่าคะคุณหมอ แต่ตาบูมบอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วยนะ”
เมื่อวันวิสาพูดจบ รอยยิ้มกว้างก็ฉายชัดบนใบหน้าของผู้เป็นน้องอย่างนีรนารา เจ้าหล่อนจินตนาการไปว่า คนที่พี่ชายจะพาเข้าบ้าน น่าจะเป็นพี่สะใภ้ในอนาคตของเธอ
“ตายแล้วแม่ แม่คงต้องเตรียมค่าสินสอดแล้วล่ะคราวนี้”
“ก็ภาวนาให้มันเป็นอย่างนั้น หัวแม่ตอนนี้หงอกจะหมดทั้งหัวล่ะ ตาบูมยังหาเมียไม่ได้เลย” นางบ่นอุบเมื่อนึกถึงเรื่องที่ลูกชายคนโตยังไม่ยอมลงหลักปักฐานกับผู้หญิงคนไหนเสียที
“แม่จะสมหวังก็คราวนี้แหละ”