หลังจากที่จัดการอาบน้ำและป้อนข้าวป้อนนมให้ลูกสาวของตนเสร็จเรียบร้อย แพทย์หญิงนีรนาราจึงขึ้นมาจัดการงานที่ทำค้างเอาไว้บนห้องนอนส่วนตัว ปล่อยเด็กหญิงณาราไว้กับวันวิสาและแม่บ้านซึ่งมาทำความสะอาดให้เธออาทิตย์ละครั้ง
เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน ฉุดให้คนที่กำลังทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจเงยหน้าขึ้น นีรนาราพาตัวเองไปที่ระเบียงหน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูออกไปเพื่อกล่าวทักทายพี่ชายของตน
“เฮียบูม.. ไหนพี่สะใภ้”
นีรนาราพยายามมองหาว่าคนที่นั่งข้างคนขับหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถเห็นได้สักนิด เพราะติณณภพติดฟิล์มกรองแสงรถเสียมืดสนิท
“ปากหมานะแก ฉันยังไม่คิดจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนโว้ย”
“อ้าว! ก็ไหนแม่บอกว่าวันนี้เฮียจะพาเพื่อนมาด้วย” เจ้าหล่อนพูดพลางทำปากยื่นปากยาวใส่พี่ชายของตัวเอง
เสียงเปิดประตูรถยนต์ฉุดให้นีรนาราหันกลับไปสนใจบุคคลที่ติณณภพพามาด้วยอีกครั้ง
ดวงตาสองคู่สบประสานกันอย่างมิได้นัดหมาย นัยน์ตาหวานสีน้ำตาลเข้ม หากแต่.. มันกลับแฝงไปด้วยความดุดัน เรียวปากบางซึ่งอมยิ้มเพียงเล็กน้อย กลับฉุดให้เธอไม่อาจละสายตาไปไหนได้
..เขาเป็นใคร ทำไมถึงมีอิทธิพลต่อหัวใจตั้งแต่แรกเห็นเช่นนี้ หรือว่าเพราะผู้ชายคนนี้มีส่วนคล้ายกับ.. คนที่ได้ชื่อว่าเป็น..พ่อของลูก
งั้นหรือ?
“นี่ไอ้หมอ เพื่อนฉันเอง ส่วนนั้นเบลล์ น้องสาวกู”
ติณณภพแนะนำทั้งคู่ให้รู้จัก พลางชี้นิ้วไปที่นีรนารา เพื่อเน้นย้ำว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวที่ชื่อเบลล์
นีรนารารีบยกมือไหว้เพื่อนของพี่ชาย “สะ..สวัสดีค่ะ”
อาการประหม่าเขินอาย ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะเกิดขึ้นกับผู้หญิงมั่นหน้าเช่นเธอ แต่ทว่าทำไมวันนี้มันถึงได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงเช่นนี้ล่ะ?
โอ๊ย! แกจะเขินเขาทำไมยัยเบลล์
“สวัสดีครับ เรียกพี่ว่าพี่แบงค์ก็ได้นะ”
รัชชานนท์แนะนำชื่อตัวเองพร้อมกับส่งยิ้มละมุนชวนฝันให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสองของตัวบ้าน
“แล้วจะคุยกันแบบนี้อีกนานไหมครับ แกน่ะลงมาได้แล้วยัยเบลล์ ทำตัวเป็นเจ้าหญิงอยู่บนหอคอยรอให้เจ้าชายปีนขึ้นไปรับอยู่ได้”
“เฮียบูม! เดี๋ยวเถอะ”
นีรนาราส่งค้อนวงใหญ่ให้พี่ชายของตน ก่อนจะวิ่งเข้าห้อง
คุณหมอคนสวยหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ที่นั่งทำงานประจำ เจ้าหล่อนกดบันทึกงานก่อนจะปิดโน้ตบุ๊ก แม้จะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นนีรนาราก็ยังไม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หญิงสาวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางนั่งคิดทบทวนว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันคืออะไร ทำไมแววตาของผู้ชายคนนั้นถึงสามารถสะกดเธอให้ตกอยู่ในห้วงภวังค์ได้เพียงแรกพบ
พรหมลิขิต? รักแรกพบ? งั้นหรือ..
นีรนาราสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดเหล่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพาตัวเองเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เจ้าหล่อนเปลี่ยนชุดจากเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นเป็นเดรสสีชมพูพิมพ์ลายดอกเดซีสีหวานสดใส
เมื่อชุดเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็คงเป็นการสำรวจเสื้อผ้าหน้าผม ผมยาวสลวยดำขลับถูกมัดรวบเป็นหางม้าหลวมๆ ปอยผมกลุ่มเล็กๆ ถูกปล่อยให้คลอเคลียกรอบหน้า
มือเรียวหมุนปลอกลิปสติกออก เจ้าหล่อนปาดลิปกลอสฉ่ำวาวลงบนริมฝีปากอิ่ม รอยยิ้มสดใสฉายชัดบนใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา คุณแม่ยังสาวมองภาพสะท้อนของตนบนกระจกบานใหญ่
“โอ๊ย! นี่ฉันทำตัวเหมือนชะนีน้อยจะไปยั่วผู้ชายหรือเปล่าวะเนี่ย”
นีรนารายิ้มขำให้กับการกระทำของตัวเอง เจ้าหล่อนมองสำรวจความเป๊ะของเสื้อผ้าหน้าผมอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยลงตัว จึงเดินลงไปหา(เพื่อน)พี่ชายที่รออยู่ชั้นล่าง
สองหนุ่มพร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่สามที่ก้าวเข้ามาภายในห้องรับแขก รัชชานนท์มองน้องสาวของเพื่อนเพียงครู่ ก่อนจะละสายตาหันมองไปทางอื่น แม้ในใจจะแอบสนใจสาวเจ้าไม่ใช่น้อย แต่ในความเป็นจริงมันไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะหญิงสาวตรงหน้าเป็นของต้องห้าม ด้วยว่าเจ้าหล่อนมีเจ้าของและมีโซ่ทองคล้องใจแล้ว
“น้ำค่ะ” เธอวางแก้วน้ำและขนมลงบนโต๊ะกลางตรงหน้าของสองหนุ่ม
“แล้ววันนี้แกไม่ได้ทำงานเหรอ”
ความกดดันที่ก่อเกิดขึ้นในใจเมื่อครู่ ตอนนี้ผ่อนคลายลงด้วยคำถามของผู้เป็นพี่
“อ้าวเฮีย! ถ้าเบลล์ไปทำงาน เบลล์ก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก จริงไหม?”
แววตายียวนบวกกับคำตอบของเจ้าหล่อน ทำให้ติณณภพหน้าตึงขึ้นมา คนเป็นน้องเห็นแล้วจึงปล่อยเสียงหัวเราะขำขัน ด้วยว่ารู้สึกพออกพอใจที่แกล้งพี่ชายได้สำเร็จ
“กวนตีนไม่มีใครเกิน” ติณณภพดึงแขนน้องสาวให้นั่งลงข้างตัวเอง “มานี่! ฉันไม่เห็นหน้าแกตั้งหลายเดือน มาให้ไต่สวนซะดีๆ”
“ไต่สวน? ไต่สวนอะไรเฮีย”
รัชชานนท์นั่งนิ่งๆ ราวกับว่าไม่ได้สนใจในสิ่งที่สองพี่น้องกำลังทำ แต่จริงๆ แล้วนั้น หูของเขาผึ่งเตรียมรับฟังทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของทั้งคู่ มือเรียวยาวหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม แต่เกือบจะสำลักเมื่อได้ยินประโยคที่ติณณภพถามนีรนารา
“ย้ายที่ทำงานใหม่ มีใครมาขายขนมจีบแกบ้างปะ”
“โอ๊ยเฮีย! ตอนนี้เบลล์ยังไม่คิดมีใครใหม่หรอก อีกอย่างนะ ใครจะมาสนใจผู้หญิงที่มีเรือพ่วงอย่างเบลล์” เธอพูดพลางหยิบคุกกี้ที่ตั้งใจนำมาให้แขกเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างลืมตัว
เรียวปากบางหยักลึกซึ่งประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักชั้นดี แอบคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว รัชชานนท์เหลือบมองน้องสาวของเพื่อน แม้จะผ่านไปหลายปี ทว่าความน่ารักสดใสกลับไม่ได้จางหายไปตามกาลเวลาเลยสักนิด
เด็กมหา’ ลัยคนนั้น ซึ่งเป็นผู้หญิงในห้วงความทรงจำที่เขาไม่เคยลืม ให้ตายสิ! เวลานี้กลับกลายมาเป็นน้องสาวของติณณภพ